สนาม โอลด์ แทรฟฟอร์ด, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 75,550 คน
รายการ เอฟเอ คัพ รอบ 5
เวลา 00.15 น. วันอาทิตย์ที่ 17 กุมภาพันธ์ 2551
ผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์
แมนฯ ยูไนเต็ด ลบล้างความผิดหวังจากความพ่ายแพ้ในดาร์บี้ แมตช์ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ด้วยการเอาชนะอาร์เซนอล ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก อย่างท่วมท้นถึง 4 - 0 ในฟุตบอลเอฟเอ คัพ รอบที่ 5 เมื่อคืนวันเสาร์ที่ผ่านมา และผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปแบบสบายๆ
ทีมปีศาจแดงในวันนี้เต็มไปด้วยพลังงาน ฟอร์มการเล่นที่สวยหรู และการปิดสกอร์ที่ยอดเยี่ยม ทำให้พวกเขาเก็บชัยชนะที่น่าจดจำไปได้ นอกจากนี้ ชัยชนะในครั้งนี้อาจส่งผลทางจิตวิทยาต่ออาร์เซนอล ในการรักษาตำแหน่งจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก ก็เป็นได้
เวย์น รูนี่ย์ ทำประตูแรกให้แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่นาทีที่ 16 ก่อนที่ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ จะยิงประตูที่ 2 ในอีก 4 นาทีถัดมา ประตูที่ 3 เกิดขึ้นจากลูกยิงสุดสวยของนานี่ ก่อนหมดครึ่งแรก 7 นาที และประตูที่ 4 ก็เกิดขึ้นจากการโหม่งของเฟล็ตเชอร์ ในนาทีที่ 74
นัดนี้เป็นการคุมทีมแมนฯ ยูไนเต็ด ลงเล่นเอฟเอ คัพ เป็นนัดที่ 100 ของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เขาเปลี่ยนแปลงตัวผู้เล่นจากนัดที่แพ้แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เมื่อสัปดาห์ที่แล้วถึง 5 ตำแหน่ง โดยรูนี่ย์ และปาทริซ เอฟร่า ได้กลับมาลงสนาม รวมทั้ง พาร์ค จี ซุง, ไมเคิล คาร์ริค และเฟล็ตเชอร์ ซึ่งก็ได้ลงเล่นเป็นตัวจริง ในขณะที่ไรอัน กิ๊กส์, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ และคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต่างก็ได้พักเพื่อเก็บแรงลงเล่นในศึกยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ที่จะไปเยือนลียงในวันพุธหน้า
แมนฯ ยูไนเต็ด เริ่มเกมด้วยแผนการเล่นแบบ 4 - 5 - 1 โดยมีรูนี่ย์ ขึ้นอยู่ในตำแหน่งศูนย์หน้าคนเดียว และแผงกลางเป็นเฟล็ตเชอร์, นานี่, คาร์ริค, พาร์ค และแอนเดอร์สัน ซึ่งเล่นได้เด่นมากในนัดนี้ และก็เป็นนักเตะชาวบราซิลเลี่ยนผู้นี้ที่มีโอกาสยิงก่อนตั้งแต่นาทีที่ 9 เมื่อเขาได้ลูกจากเอฟร่าก่อนที่จะวอลเล่ย์ บอลเข้ากรอบแต่ก็ เยนส์ เลห์มันน์ ก็ป้องกันไว้ได้
ทีมปีศาจแดงยังคงบุกกดดันทีมเยือน ทั้งรูนี่ย์ และเฟล็ตเชอร์ ต่างก็ได้ลองยิงกันคนละครั้งแต่ผู้รักษาประตูชาวเยอรมันก็สามารถป้องกันไว้ได้
แต่แล้วเมื่อถึงนาทีที่ 16 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ จากการที่นานี่ เตะมุมเข้ามาให้กับ แอนเดอร์สัน ได้โหม่งบอลต่อให้กับรูนี่ย์ ได้โหม่งจากระยะเพียง 5 หลาบอลผ่านมือ เลห์มันน์ เข้าประตูไป มันเป็นประตูที่ได้จากการโหม่งประตูที่ 3 ที่เขาทำให้กับแมนฯ ยูไนเต็ด และประตูแรกก็มาจากการทำประตูทีมอาร์เซนอล เมื่อฤดูกาลที่แล้ว
เป็นอีกเกมหนึ่งที่แมนฯ ยูไนเต็ด มีฟอร์มการเล่นที่ดีเยี่ยม ซึ่งต่างจากนัดที่พบกับแมนฯ ซิตี้ โดยสิ้นเชิง อีก 4 นาทีถัดมา แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูที่ 2 เมื่อรูนี่ย์จ่ายบอลจากแดนกลางให้ แอนเดอร์สัน และเปิดต่อให้นานี่ ที่วิ่งเติมขึ้นมาจากฝั่งซ้ายก่อนที่เขาจะได้เปิดเข้ากลาง ให้กับเฟล็ตเชอร์ ได้โหม่งบอลกระดอนไปถูกหัว วิลเลียม กัลลาส เปลี่ยนทางเข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 2 - 0
เกมผ่านไปได้ครึ่งชั่วโมง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงได้บุกอย่างต่อเนื่องและรูนี่ย์ ก็เกือบทำประตูที่ 3 ได้ จากการเตะลูกจากประตูของ เลห์มันน์ ไปเข้าทางรูนี่ย์ ได้ยิงแต่ลูกยิงของเขากลับหลุดออกนอกกรอบไป
บรรยากาศในโอลด์ แทรฟฟอร์ด ในวันนี้คึกคัก และเต็มไปด้วยเสียงโห่ร้องด้วยความยินดี เมื่อฟอร์มการเล่นของพวกเขาในวันนี้ยอดเยี่ยม ในขณะที่อาร์เซนอล กลับเล่นไม่ออก และไม่เหลือฟอร์มของการเป็นทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ ลีก อยู่เลย เมื่อก่อนหมดครึ่งแรก 7 นาที แมนฯ ยูไนเต็ด สามารถทำประตูที่ 3 ได้อีก จากการที่คาร์ริค ได้บอลจากครึ่งสนาม แล้วจ่ายต่อให้นานี่ที่กรอบเขตโทษ เขาจับบอลหนึ่งจังหวะ ก่อนที่จะยิงลูกเรียดด้วยเท้าซ้าย บอลพุ่งผ่านมือ เลห์มันน์ เข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด 3 อาร์เซนอล 0
เริ่มเกมในครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด ยังคงมีเกมบุกต่อเนื่องจากครึ่งแรก เริ่มเกมได้เพียง 2 นาที คาร์ริคได้จ่ายบอลให้พาร์ค ลากบอลหลบ ตราโอเร่ ไปได้ก่อนจะจ่ายให้รูนี่ย์ ได้ยิงแต่ก็ไปตรงตัว เลห์มันน์ ปัดออกมาได้
เกมของอาร์เซนอล ดูเหมือนจะดีขึ้นมาบ้าง แต่แล้วในนาทีที่ 49 พวกเขากลับต้องเหลือผู้เล่นเพียง 10 คนเมื่อ เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ เข้าสกัดบอลจากเอฟร่า แต่เขากลับยกขาสูง ทำให้ได้รับใบแดงจากผู้ตัดสิน อลัน ไวลี่ย์
ถูกนำอยู่ 3 - 0 แถมยังมีจำนวนผู้เล่นน้อยกว่าอีก 1 คน ทำให้เกมของอาร์เซนอลไม่สามารถเล่นได้ดีขึ้นเลย แต่ในนาทีที่ 64 พวกเขาก็ยังสร้างความหวาดเสียวได้ เมื่อ เอดูอาร์โด้ ได้โหม่งจากกลางประตูแต่บอลก็หลุดออกนอกกรอบไป
นาทีที่ 70 อาร์แซน เวนเกอร์ เปลี่ยนตัวผู้เล่นพร้อมกันทีเดียว 3 คน โดยส่ง ฟลามินี่, อเดบายอร์ และ เซนเดอรอส โดยหวังที่จะช่วยให้เกมของพวกเขาดีขึ้น ในขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ส่งพอล สโคลส์ และหลุยส์ ซาฮา ลงเล่นแทน รูนี่ย์ และแอนเดอร์สัน
แต่นาทีที่ 74 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ทำประตูปิดท้ายได้ เมื่อนานี่ได้เปิดบอลไปที่หน้าประตู เฟล็ตเชอร์ ได้โหม่งบอลเข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด 4 อาร์เซนอล 0
หลังจากนั้น ทั้งสองทีมก็ทำอะไรกันเพิ่มไม่ได้ จบเกมแมนฯ ยูไนเต็ดเอาชนะอาร์เซนอล ไปได้ 4 - 0 ผ่านเข้ารอบก่อนรองชนะเลิศไปได้ พร้อมกับเพลงที่แฟนๆ ร้องให้เหล่าปืนใหญ่ว่า "You're going out with the Scousers" (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 1
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5 (

เวส บราวน์ 6
ปาทริซ เอฟร่า 3
เนมานย่า วิดิช 15
ไมเคิล คาร์ริค 16
ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 24 (


หลุยส์ นานี่ 17 (

โอลิเวียร่า แอนเดอร์สัน 8
เวย์น รูนี่ย์ 10 (


พาร์ค จีซุง 13
สำรอง
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
จอห์น โอเชีย 22
พอล สโคลส์ 18


หลุยส์ ซาฮา 9


คาร์ลอส เตเบซ 32
อาร์เซนอล
เยนส์ เลห์มันน์ 1
วิลเลียม กัลลาส 10
โคโล่ ตูเร่ 5
จัสติน ฮอยต์ 31
เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 27 (

อาร์มองด์ ตราโอเร่ 30
กิลแบร์โต้ ซิลวา 19 (

อเล็กซานเดอร์ เฮล็บ 13
ฟรานเชส ฟาเบรกาส 4
เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา 9 (

นิคลาส เบนด์ทเนอร์ 26
สำรอง
ลูคัสซ์ ฟาเบียงสกี้ 21
เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 25 (



ฟิลลิปป์ เซนเดอรอส 6


กาเอล คลิชี่ย์ 22
มาติเยอ ฟลามินี่ 16


คะแนนความสามารถ
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ 6, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6, เวส บราวน์ 8, ปาทริซ เอฟร่า 7, เนมานย่า วิดิช 6, ไมเคิล คาร์ริค 7, ดาร์เรน เฟล็ตเชอร์ 8, หลุยส์ นานี่ 9, โอลิเวียร่า แอนเดอร์สัน 8, เวย์น รูนี่ย์ 8, พาร์ค จีซุง 7
สำรอง พอล สโคลส์ 6, หลุยส์ ซาฮา 6
อาร์เซนอล เยนส์ เลห์มันน์ 7, วิลเลียม กัลลาส 4, โคโล่ ตูเร่ 5, จัสติน ฮอยต์ 4, เอ็มมานูเอล เอบูเอ้ 5, อาร์มองด์ ตราโอเร่ 5, กิลแบร์โต้ ซิลวา 5, อเล็กซานเดอร์ เฮล็บ 5, ฟรานเชส ฟาเบรกาส 5, เอดูอาร์โด้ ดา ซิลวา 5, นิคลาส เบนด์ทเนอร์ 6
สำรอง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ 5, ฟิลลิปป์ เซนเดอรอส 5, มาติเยอ ฟลามินี่ 5