นายทุนใหญ่ในวงการกีฬาของอเมริกา มัลคอล์ม เกลเซอร์ ได้ออกมาประกาศว่าเขาอาจประมูลซื้อ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หลังจากได้ทยอยซื้อหุ้นของเขาเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งในสัปดาห์ที่แล้วเขาครอบครองหุ้นของปีศาจแดงอยู่ 16.31% และในวันจันทร์ที่ผ่านมาเขาออกมากล่าวว่า เขากำลังมีความคิดที่จะซื้อสโมสร แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่เช่นกัน จึงได้ประเมินผลกระทบที่อาจจะเกิดตามมา ดังนี้ทำไมถึงมีการออกมากล่าวแถลงการณ์เช่นนี้
ก็มีการคาดว่ากันไปต่างๆ นานาว่า เกลเซอร์ ต้องการอะไรกันแน่ จากสุดสัปดาห์ที่แล้ว ข่าวหนังสือพิมพ์ รายงานว่า เขากำลังต้องการจะลงทุนกับการซื้อหุ้นในธนาคาร คอมเมอร์ซ แบงค์ เพื่อเป็นการเตรียมการสำหรับการติดต่อเรื่องการซื้อขาย และจะเป็นประโยชน์ต่อการประมูลต่างๆ ของเขา ซึ่งนั่นก็กระตุ้นให้ผู้ที่ควบคุมดูแลในตลาดหุ้นได้คอยเพ่งมองเขาอยู่ ดังนั้น จึงส่งผลให้เกิดความกดดันขึ้นกับ เกลเซอร์ เอง และเพื่อเป็นการแสดงให้ตลาดหุ้นเห็นความเป็นรูปธรรม เขาจึงต้องออกมาประกาศว่าต้องการซื้อสโมสรนี้
แล้วเขาจะเริ่มลงมือติดต่อซื้อสโมสรหรือไม่
มันคงค่อนจะยากในขณะนี้ เพราะว่าหาก เกลเซอร์ ต้องการติดต่อซื้อก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะไม่ผ่านความเห็นชอบจาก จอห์น แม็คเนียร์ และ เจพี แม็คมานัส ผู้ซึ่งถือหุ้นใหญ่ที่สุดในสโมสรขณะนี้
ปฏิกิริยาที่ แม็คเนียร์ และ แม็คมานัส มีต่อการเทคโอเวอร์ครั้งนี้จะเป็นอย่างไร
พวกเขาทั้งสองคนเดินมาได้ไกลแล้ว โดยการกว้านซื้อหุ้นมามากมาย และมีส่วนครอบครองต่ำกว่า 30% เพียงเล็กน้อย ซึ่งดูจากสถานะของพวกเขาตามหลักแล้ว ข้อเสนอทุกอย่างจะต้องผ่านความเห็นชอบของพวกเขา ซึ่งในกรณีนี้ พวกเขาอาจจะปฏิเสธการซื้อขายอย่างเด็ดขาดก็ได้
แล้วสิ่งเหล่านี้จะส่งผลเสียต่อสโมสรหรือไม่
มันจะไม่มีผลกระทบต่อผลงานของทีมในสนาม แต่อย่างไรก็ดี แฟนๆ ของทีม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็จะตระหนักถึงผลกระทบ และอนาคตของทีมต่อไปในภายภาคหน้า และผู้บริหารของพรีเมียร์ลีกเอง ก็ต้องคอยดูอยู่ตลอดว่า จะเกิดอะไรขึ้นต่อไป และต้องควบคุมไม่ให้วงการฟุตบอลกลับกลายเป็นสถานที่ที่มุ่งแต่การหาผลกำไรหรือการตลาดเพื่อเป็นหนทางในการค้าขายไปยังทั่วโลกเท่านั้น
แล้วเรื่องราวนี้จะมีไปอีกนานแค่ไหนถึงจะจบสิ้น
มันยากที่จะคาดเดาได้ว่ามันจะจบลงเมื่อไร อย่างไรก็ดีตอนนี้ก็เหลือหุ้นให้กว้านซื้ออีกไม่มาก และผู้ถือหุ้นรายย่อยต่างก็ต้องการยึดส่วนที่ตนเป็นเจ้าของสโมสรนี้ไว้ ดังนั้นเรื่องนี้อาจจะจบภายในวันนี้ พรุ่งนี้ หรือไม่ ก็อาจใช้เวลากว่า 2 - 3 ปีกว่าจะจบสิ้นก็ได้ มันเป็นเรื่องที่คาดเดาไม่ได้จริงๆ
