
Redarmy fc รวมพลเด็กผีไปเชียร์บอล
หน้าปัดนาฬิกาแสดงเวลา 19.00 น. เหลืออีกเพียงแค่ 2 ชั่วโมงก็จะถึงเวลาที่เหล่าแฟนแมนฯยูฯ จะได้ระทึกใจไปกับการแข่งขันนัดตัดสิน แชมป์พรีเมียร์ ลีก ของผีแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กับทีมเชลซี ซึ่งทั้งคู่ไม่ได้มาเจอกันแต่แข่งที่ผลคะแนน ถ้าแมนยูชนะนัดนี้จะได้แชมป์ทันที เมโทรไลฟ์มีนัดกับกลุ่ม Red Army Fan Club กลุ่มเด็กผีที่มีสมาชิกเหนียวแน่นอีกกลุ่มหนึ่ง เพื่อมาร่วมเชียร์บอลแมตช์สำคัญในวันนี้
ชาว Red Army Fan Club นัดมารวมตัวกันตั้งแต่บ่าย 2 โมง ทั้งหมดต่างใส่เสื้อทีมสีแดงพร้อมกับพกอุปกรณ์เชียร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นไม้สามง่ามสีแดงแบบปีศาจ ธงแมนฯยูฯ แตรเป่าเรียกพลังกองเชียร์เหมือนกับในสนามบอลจริงๆ รวมทั้งหัวใจที่ต้องบอกว่ามีเกินร้อย
พิมพรัตน์ คันธฐากูล หรือเบคแก้ว ตามชื่อที่เรียกกันในกลุ่ม เธอเป็นประชาสัมพันธ์ของกลุ่ม และยังเป็นแชมป์ในรายการแฟนพันธุ์แท้ตอนพรีเมียร์ ลีก ใน พ.ศ. 2543 และได้อันดับสองแฟนพันธุ์แท้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ใน พ.ศ. 2550 เล่าให้เมโทรไลฟ์ ฟังว่า ชมรม Red Army Fan Club นั้นตั้งมาตั้งแต่ปี 2537 และมาทำเว็บไซต์ Redarmyfc.com ประมาณปี 2544 มีสมาชิกหลายหมื่นคนทั่วประเทศ และจะมีการนัดเจอกันตามงานแข่งฟุตบอลแมตช์สำคัญเช่นวันแดงเดือด และจะมีนัดมีตติ้งสังสรรค์กัน นอกจากนี้ทางชมรมยังมีทีมฟุตบอลของชมรมซึ่งจะฝึกซ้อมที่สนามในสวนรถไฟ
โดยส่วนตัวของเบคแก้วนั้นความชอบทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เริ่มขึ้นตั้งแต่ตอนเด็ก ตัวเองเป็นคนที่ชอบดูกีฬาฟุตบอล และชอบเล่นฟุตบอลอยู่แล้ว พอได้มาดูการแข่งขันของทีมแมนฯยูฯ ก็ชอบ หลังจากนั้นได้ไปค้นหาประวัติของทีมก็ได้ทราบว่าทีมมีประวัติศาสตร์ที่น่าประทับใจ โดยเฉพาะเรื่องโศกนาฏกรรมที่มิวนิก ค.ศ.1958 ซึ่งเป็นปีที่ทีมแมนฯยูฯ ร่วมแข่งฟุตบอลยุโรป เกิดเหตุการณ์เครื่องบินของทีมไปตกที่มิวนิก มีนักเตะเสียชีวิต 8 คน และตอนนั้นทีมฟอร์มดีมาก กว่าจะฟอร์มทีมกลับมาเหมือนเดิมได้ ก็เลยประทับใจ และในเรื่องสปิริตของทีมที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ และสามารถยิงประตูคู่แข่งได้ช่วงท้ายเกมบ่อยครั้งคือถ้าไม่หมดเวลาผีแดงก็ไม่ตาย
เมื่อเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาบอกเวลา 21.00 น. ก็เป็นสัญญาณให้เราจบบทสนทนาในวันนั้นแค่เพียงเท่านี้สิ่งที่แฟนแมนฯยูฯ ต่างรู้ดีคือเวลาของชัยชนะที่พวกเขารอคอยกำลังจะมาถึง เราทุกคนต่างมานั่งใจจดจ่ออยู่ที่ลูกกลมๆ บนจอโปรเจกเตอร์ขนาดใหญ่พร้อมกับแฟนแมนฯยูฯ นับร้อยๆ คนที่มารวมตัวที่ลานหน้าพารากอน ก่อนการแข่งขันมีการข่มกันระหว่างแฟนแมนฯยูฯ และแฟนเชลซี แต่นั่นก็เป็นสีสันในการเชียร์ไม่มีเกินเลยถึงขั้นทะเลาะกัน ธงสโมสรของทีมแมนฯยูฯ ถูกโบกสะบัดทุกครั้งเมื่อทีมแมนฯยูฯ ได้บอล และจะมีเสียงเฮทุกครั้งเมื่อนักบอลเลี้ยวเข้าไปใกล้ประตู มันคือความระทึกใจทุกครั้งที่ได้ลุ้น มันคือความสะใจที่ได้เปล่งเสียงออกมา และเมื่อลูกกลมๆ นั้นวิ่งเข้าไปชนตาข่ายของฝ่ายตรงข้ามแฟนแมนฯยูฯ ทั้งหมดในวันนั้นต่างรวมใจเป็นหนึ่งเดียวร้องเพลง Glory Glory Manchester United กอดคอกันฉลองแชมป์แห่งความสำเร็จ

ชีวิตคือแมนฯยูฯ ของแฟนพันธุ์แท้ผีแดง
หลายคนอาจจะนิยามชีวิตตัวเองว่า มันคือการเดินทาง มันคือการทำงานหนัก แต่สำหรับ สุธน อภินันทเวช เขาบอกว่าชีวิตเขาคือแมนฯยูฯ
สุธน ได้รับตำแหน่งแฟนพันธุ์แท้ในรายการแฟนพันธุ์แท้ตอนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในปี 2550 คู่กับ เกี๊ยง นันทขว้าง สิรสุนทร
ความคลั่งไคล้ในแมนฯยูฯ ของเขาเริ่มตั้งแต่อายุ 8 ขวบได้ดูนัดที่แมนฯยูฯ ชิงกับทีมเซาแธมป์ตัน ในเกมเอฟเอ คัพ ซึ่งแม้จะแพ้แต่ด้วยความประทับใจทำให้เด็กชายสุธน ในวันนั้นวิ่งไล่ตามทีมแมนฯยูฯ ทั้งติดตามข่าว พยายามฟังข่าวภาษาอังกฤษ แม้ว่าจะเป็นภาษาที่เขาขยาด แต่ด้วยความชอบทำให้เขาค้นคว้าตั้งแต่นั้นมา จนตอนนี้ 32 ปีผ่านมา จากความชอบก็กลายมาเป็นส่วนหนึ่งในชีวิต
เขาสะสมของทุกอย่างที่เกี่ยวกับแมนฯยูฯ ตั้งแต่เสื้อทีม ลายเซ็นนักเตะ ถ้วยรางวัล บัตรดูบอล ผ้าพันคอ หนังสือ กระป๋องน้ำอัดลมไปจนถึงผ้าเย็นที่บังเอิญไปเจอคำว่าแมนฯยูฯ ติดอยู่ หรือแม้กระทั่งรถยนต์ของเขาก็เป็นแมนฯยูฯ ทั้งคัน
สุธนเน้นย้ำว่า การที่จะชอบอะไรนั้นชอบได้แต่ควรบริหารจัดการตัวเองให้ดี เขาสามารถบริหารความชอบกับการเรียน การทำงานได้อย่างดี ในเรื่องของสะสมเขาไม่ได้เวอร์หรือบ้าซื้อของจนเกินตัว ของที่เขาสะสมทุกชิ้นแม้จะไม่ใช่ของราคาแพงแต่ล้วนเป็นของที่มีค่าทางจิตใจ
ที่มา : นิตยสารเมโทร ไลฟ์