
เวย์น รูนี่ย์ กำลังจะต้องตัดสินใจครั้งสำคัญว่าจะยอมคุยหรือหันหลังให้กับ เดวิด มอยส์ ผู้จัดการทีมคนใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ซึ่งอาจจะถูกบีบให้ขายเขาออกจากทีมไปในช่วงซัมเมอร์นี้
เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ออกมาปฏิเสธการขอขึ้นบัญชีย้ายทีมของกองหน้ารายนี้แล้ว แต่รูนี่ย์ก็เหลือสัญญาอีกเพียงแค่ 2 ปีจากการจรดปากกาเซ็นสัญญาครั้งล่าสุดเมื่อปี 2010 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นเสี่ยงมากที่จะต้องเสียดาวเตะวัย 27 ปีออกไปแบบไม่ได้ราคาที่เหมาะสม หากว่าเขาบอกปัดการต่อสัญญาครั้งใหม่กับทีมออกไป
การตัดสินใจในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัว เดวิด มอยส์ ซึ่งจะเข้ามารับบทบาทในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฏาคม
ความเป็นไปได้ที่ว่ารูนี่ย์จะถูกจับนั่งยาวไปจนหมดสัญญานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ส่งผลดีสำหรับทั้ง 2 ฝ่าย หากดาวยิงทีมชาติอังกฤษยังคงยืนกรานว่าจะยุติอาชีพค้าแข้งกับสโมสรเอาไว้ที่ 9 ปี มอยส์ก็จำเป็นจะต้องปล่อยตัวนักเตะชื่อดังออกไปเป็นคนแรกนับตั้งแต่ที่เขาเข้ามาคุมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ขณะที่เขาต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์แบบนี้ในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด อย่างที่ไม่ค่อยได้เจอมาก่อน เขาก็คงไม่ต้องการเก็บผู้เล่นที่หมดใจเอาไว้กับทีม แต่ลึกๆ แล้วก็คงไม่อยากเสียนักเตะฝีเท้าดีออกจากทีมไปด้วย
เดวิด มอยส์ และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด หวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะไม่ต้องตกอยู่ในสถานการณ์ดังกล่าว กุนซือวัย 50 ปีนั้นพร้อมที่จะตกลงอย่างสันติกับรูนี่ย์ซึ่งเคยปลุกปั้นกันมาที่เอฟเวอร์ตันอยู่แล้ว เห็นได้จากการกล่าวคำปราศรัยที่สหภาพเคมบริดจ์เมื่อคืนวันจันทร์ เขาให้คำจำกัดความนักเตะผู้นี้เอาไว้ว่าเป็น แข้งพรสวรรค์ผู้โดดเด่น
ตอนนี้เขาต้องการนั่งจับเข่าคุยกับศูนย์หน้ารายนี้แบบจริงจังถึงความเป็นไปได้ที่จะเปลี่ยนใจหันมาค้าแข้งกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ต่อไป บางทีรูนี่ย์อาจจะถือโอกาสการเข้ามาของมอยส์กลับลำอยู่ต่อไปกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่เครื่องหมายคำถามตัวใหญ่ก็คือเขาจะเรียกศรัทธาจากแฟนบอลกลับคืนมาได้อย่างไร
เซอร์ อเล็กซ์ เองก็บอกเอาไว้เมื่อเกมวันอาทิตย์ที่ผ่านมาว่ารูนี่ย์ไม่พร้อมที่จะลงสนามให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในเกมเหย้านัดสุดท้ายของฤดูกาล เนื่องจากเขาอาจจะได้รับปฏิกิริยาที่ไม่ดีจากแฟนบอลเอาได้ ซึ่งเขาสัมผัสได้ถึงความไม่เป็นมิตรอยู่เล็กน้อยจากแฟนๆ เหมือนกัน ระหว่างการพาเหรดฉลองแชมป์พรีเมียร์ ลีก ในตัวเมือง 24 ชั่วโมงหลังจากเกมดังกล่าว
รูนี่ย์ออกมากล่าวคำชื่นชมเซอร์ อเล็กซ์ ในวันเดียวกันนั้น โดยพูดถึงเขาว่าเป็น ผู้จัดการทีมที่น่ามหัศจรรย์ แต่ยอดกุนซือวัย 71 ปีก็ออกมายืนยันต่อสาธารณชนถึงความต้องการขอย้ายทีมเป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 3 ปีของรูนี่ย์ นั่นอาจเป็นการจุดกระแสความเกลียดชังต่อตัวเขาในหมู่แฟนบอลได้ แม้ว่ามอยส์ (ซึ่งถูกจับภาพได้ว่าแอบไปประชุมลับกับเซอร์ อเล็กซ์ และไรอัน กิ๊กส์) จะหาคำพูดสวยหรูมาโน้มน้าวในดาวยิงผู้นี้ยอมอยู่ต่อกับทีมไป มันก็ยังคงต้องมาดูกันอีกว่าแฟนๆ จะยังเชื่อมั่นในตัวเขาหรือเปล่า
จากมุมมองของผู้จัดการทีมคนใหม่นี้ เขาได้บอกความรู้สึกของเขาที่มีต่อรูนี่ย์เอาไว้หมดแล้ว "ผมไม่ได้ดูเกมของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อยู่ตลอดหรอกนะ ผมเองก็มีงานของผม" เขากล่าว "แต่ผมก็ดูเกมในระดับทีมชาติอยู่เป็นประจำ และคนที่พวกคุณกำลังพูดถึงอยู่นี้ก็คือหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดในโลก"
"หากว่าคุณเป็นแฟนบอลทีมชาติอังกฤษ คุณคงรู้สึกโชคดีที่มีสุดยอดนักเตะแบบเขาอยู่ในทีม แต่หากว่าคุณมาจากสก็อตแลนด์แล้ว คุณคงจะร้องว่า โอ้ ไม่! เขาน่ะเป็นนักเตะที่สุดยอดจริงๆ และก็มีอาชีพค้าแข้งที่ดีมากด้วย"
สถานการณ์คล้ายๆ กันนี้เคยเกิดขึ้นกับมอยส์มาก่อนแล้ว ในสมัยที่เขาเพิ่งเข้ามาคุมทีมเอฟเวอร์ตันใหม่ๆ เมื่อ 11 ปีก่อน เมื่อเขาต้องเจอกับ พอล แกสคอยน์ ที่ใกล้จะย้ายทีมเต็มทน "พอล แกสคอยน์ กำลังร้องห่มร้องไห้ในตอนที่ผมเดินเข้าไปหา" เขาย้อนอดีต "และผมก็คิดในใจว่า ผมควรจะทำยังไงต่อไปดีเนี่ย?"
จากนั้นเขาก็ปล่อยให้แกสคอยน์ย้ายไปร่วมทีมเบิร์นลี่ย์ แต่ว่ามันไม่เหมือนกันกับทางแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ยืนกรานว่ารูนี่ย์จะต้องอยู่ต่อ มันก็ขึ้นอยู่กับมอยส์แล้วว่าจะพูดโน้มน้าวอย่างไรให้เขารู้สึกว่ายังมีส่วนสำคัญกับทีมอยู่ หลังจากเห็นได้ชัดว่า โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ได้กลายเป็นตัวหลักของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปแล้ว
แกรี่ เนวิลล์ เองก็ออกมาเตือนรูนี่ย์ว่าเขาจะต้องเสียใจแน่หากตัดสินใจยุติอาชีพค้าแข้งกับทีมปีศาจแดงไปจริงๆ แต่ว่าเขาจะยังคงแน่วแน่กับการย้ายออกจากทีมให้มอยส์ต้องคิดหนักหรือเปล่า ทั้งปารีส แซงต์ แชร์กแมง, บาเยิร์น มิวนิค และเชลซี ยังคงจับตามองสถานการณ์ของเขาอยู่อย่างใกล้ชิด
เชื่อกันว่ารูนี่ย์ยังต้องการค้าแข้งต่อในประเทศอังกฤษ แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะกล้าขายเขาไปให้กับคู่แข่งแย่งแชมป์ได้ลงจริงๆ เหรอ นักเตะชื่อดังรายอื่นๆ อย่าง ยาป สตัม, เดวิด เบ็คแฮม, รุด ฟาน นิสเตลรอย และ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ต่างก็ถูกขายไปให้กับสโมสรนอกประเทศด้วยกันทั้งนั้น

จริงอยู่ที่ว่า คาร์ลอส เตเบซ เคยย้ายไปร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่ครั้งนั้นมันเกิดจากการที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไม่มีอำนาจพอที่จะรั้งตัวเขาเอาไว้ต่างหาก
รูนี่ย์คือประเด็นสำคัญที่สุดที่มอยส์จะต้องไปขบคิดหลังจากเริ่มงานที่มีระยะสัญญา 6 ปีของเขา เขาจะรับมือกับมันได้อย่างไร นี่คือบททดสอบแรกที่ยิ่งใหญ่สำหรับตัวเขาเลย
เซอร์ อเล็กซ์ ได้ออกมาเตือนแฟนบอลว่าต้องให้เวลาผู้จัดการทีมคนใหม่สำหรับการสืบทอดมรดกของเขาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด และมอยส์เองก็มีความเชื่อด้วยว่าความยั่งยืนคือกุญแจสำคัญที่จะนำไปสู่ความสำเร็จ
"เชลซีนั้นประสบความสำเร็จมามาก พวกเขาคว้าแชมป์มาได้หลายรายการ" เขาบอก "แต่ผมยังมองไม่เห็นความต่อเนื่องเลย ในเมื่อพวกเขาเอาแต่ไล่ออกและเปลี่ยนตัวผู้จัดการทีมกันเป็นว่าเล่น ยิ่งคุณทำแบบนี้ คุณก็จะยิ่งต้องให้เวลากับพวกเขามากขึ้นด้วย มันจะช่วยได้มาก ผมคิดว่าสโมสรที่ยิ่งใหญ่นั้นจะต้องมีความยั่งยืนด้วย"
"สำหรับการทำทีมของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อคุณมองความสำเร็จทุกอย่างที่เขาได้ทำกับที่นี่ หรือจะเป็น อาร์แซน เวนเกอร์ กับอาร์เซนอล คุณจะเห็นได้ชัดเลยว่าสโมสรเติบโตขึ้นอย่างไร และพัฒนานักเตะได้อย่างไร แม้แต่ที่เอฟเวอร์ตัน พวกเขาก็ให้โอกาสผม และมอบความไว้วางใจว่าผมจะต้องทำมันได้ดีแน่"
"เจ้าของทีมและประธานสโมสรจะต้องมีความมั่นคง พวกเขาจะต้องไม่ดีใจเกินไปเมื่อทีมชนะ หรือเสียใจเกินเหตุเมื่อทีมแพ้ คุณจำเป็นต้องมีเพื่อนร่วมงานที่ดีในส่วนนี้ด้วย"
"สมัยที่ผมคุมทีมเปรสตัน ทุกๆ คนดีกับผมมาก หนึ่งในนั้นก็คือ ไบรอัน เกรย์ จากนั้นผมก็ได้มาพบกับสุดยอดประธานสโมสรอย่าง บิลล์ เคนไรท์ ที่เอฟเวอร์ตัน"