
เมื่อ 10 ปีที่แล้ว จิมมี่ เดวิส นักเตะตัวรุกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เสียชีวิตด้วยวัยแค่ 21 ปีด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ เขากำลังจะได้เริ่มต้นฤดูกาล 2003-2004 กับวัตฟอร์ดที่เขาถูกยืมตัวไปเล่นอยู่แล้ว น่าเสียดายที่เขาไม่มีโอกาสได้ไปที่วิคาเรจ โร้ด อีกเลย
ในฐานะที่เป็นวันครบรอบวันเสียชีวิตของเขาครบ 10 ปี เราจึงได้ไปพูดคุยกับใครหลายๆ คนที่รู้จักกับจิมมี่ ทุกๆ คนต่างก็พูดไปในแนวทางที่ไม่ต่างกันถึงนักเตะที่มีชื่อเรียกเล่นๆ ว่า บับบลี เขาเป็นเด็กหนุ่มที่รักษาความสมดุลระหว่างเรื่องนอกสนามกับในสนามได้ดี และมีความกระหายที่จะประสบความสำเร็จในฐานะนักเตะอาชีพ ทุกๆ คนต่างมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับตัวจิมมี่ ก่อนที่ทุกอย่างจะเงียบงันลงไป มันไม่ใช่เรื่องง่ายสำหรับพวกเขาเลยที่จะต้องมาพูดถึงชีวิตหนึ่งที่กำลังจะรุ่งโรจน์ แต่กลับต้องมาดับวูบลงไปในพริบตาคราวนั้น
"จิมมี่เป็นคนที่ดี" แดนนี่ เว็บเบอร์ กล่าวพร้อมกับรอยยิ้ม เขาคือเพื่อนคนสนิทของเดวิส และยังเป็นคู่กองหน้าของเขาด้วย "เขาเป็นคนที่อยู่ด้วยแล้วมีความสุข เขาเป็นคนที่มีความฝัน และในสนามเขาก็ทำทุกอย่างในวิถีทางของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั่นก็คือทำงานอย่างหนักด้วยพรสวรรค์ที่มีอยู่ในตัว ปรัชญาการทำงานแบบนี้ต้องมาก่อน จากนั้นเรื่องของพรสวรรค์ก็เป็นเรื่องตามมาทีหลัง ซึ่งเขาก็มีคุณสมบัติตรงนี้เป็นอย่างดี"
"เขาเป็นคนที่เอาจริงเอาจังในสนามแข่ง แต่ก็ใช้ชีวิตแบบสบายๆ เขาเคยลืมแม้กระทั่งเอารองเท้าสตั๊ดมาเตะในวันเปิดตัวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด! เป็นเกมลีก คัพ ที่พบกับอาร์เซนอล (ฤดูกาล 2001-2002) และจิมมี่ก็พูดเล่นๆ ว่าให้ใครสักคนลงไปเล่นแทนเขาที สุดท้ายแล้วเขาก็ต้องมายืมรองเท้าสตั๊ดอีกคู่ของผมไปใส่เตะ แต่เมื่อไหร่ที่เขาพร้อมเต็มที่ เขาก็คือนักเตะที่อันตรายเหมือนอย่างที่เป็นมาในชุดยู-18 ไม่ว่าอาร์เซนอลจะแข็งแกร่งแค่ไหนที่ไฮบิวรี่ แต่เขาก็อยากที่จะจัดการกับพวกนั้นให้ได้"
ฤดูกาลต่อมา เดวิสพัฒนาตัวเองไปอีกขั้น เมื่อได้กลายเป็นขวัญใจของแฟนบอลในช่วงที่ไปเล่นกับสวินดอน ทาวน์ แบบยืมตัว แม้ว่าจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ในลีก วัน แค่ 3 เดือนก็ตาม เขายิงได้ทั้งหมด 3 ประตู จากการลงเล่น 15 เกม สิ่งที่จิมมี่ได้ทำลงไปที่เคาน์ตี้ กราวด์ นั้นแทบอธิบายเป็นคำพูดไม่ได้จริงๆ
"นักเตะดาวรุ่งส่วนใหญ่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นั้นจะเป็นพวกที่แทบไม่ค่อยสร้างความผิดพลาด แต่จิมมี่นั้นพิเศษยิ่งกว่านั้นอีก" แอนดี้ คิง ผู้จัดการทีมสวินดอนในตอนนั้นกล่าว "ในตอนนั้นผมเคยพูดอยู่ประโยคหนึ่งที่ผมจะไม่มีวันเปลี่ยนคำพูดแน่ก็คือเขาเป็นนักเตะที่ดีที่สุดในช่วงอายุเท่านั้นที่ผมเคยร่วมงานด้วย"
"ผมยังได้ตัว เจมส์ มิลเนอร์ จากลีดส์มาเล่นแบบยืมตัวด้วยในเวลานั้น ทั้งคู่เป็นเด็กมหัศจรรย์ที่ได้รับการดูแลมาเป็นอย่างดีทั้งจากครอบครัว และผู้จัดการทีมของพวกเขา ผมไม่ได้อยากจะวิจารณ์เจมส์ในทางที่ไม่ดีหรอกนะ แต่ตอนนั้นจิมมี่เป็นนักเตะที่เก่งกว่า แต่ผมคงพูดเรื่องนี้ไม่ได้เต็มปาก เพราะว่าจิมมี่ไม่ได้อยู่กับเราแล้ว และมันก็เป็นเรื่องง่ายที่จะพูดถึงใครสักคนที่เสียชีวิตไปแล้ว แต่ด้วยความสัตย์จริง ตอนนั้นจิมมี่คือนักเตะที่น่าจะมีอนาคตไกล ไม่ต้องสงสัยเลย"
การคาดเดาว่าเดวิสจะสามารถไปได้ไกลแค่ไหนในวงการฟุตบอลถือเป็นเรื่องที่ไม่ว่าใครก็ตอบได้ยาก แต่ด้วยทัศนคติ และฝีเท้าที่ดีของเขาก็ทำให้ทุกๆ คนเชื่อว่าเขาน่าจะไปได้สวยในอาชีพค้าแข้งของเขาแน่นอน
"เราทุกคนต่างก็คิดว่าเขามีอนาคตที่สดใสรออยู่ข้างหน้า" โบยาน ยอร์ยิช อดีตเพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อีกคนของเขากล่าว "จิมมี่มีทั้งความเร็ว ทักษะ พรสวรรค์... บางสิ่งที่ทำให้เขาดูโดดเด่น เราต่างคิดว่าเขาน่าจะทำตรงนี้ได้ดีแน่ บางทีอาจจะไม่ใช่กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่แน่นอนเลยว่าเขาจะต้องมีอาชีพค้าแข้งที่ดีอย่างแน่นอน"
เดวิสเตรียมก้าวขึ้นไปอีกขั้นในอาชีพของเขาด้วยการเซ็นสัญญาไปเตะกับวัตฟอร์ดแบบยืมตัวในฤดูกาล 2003-2004 ส่วนทางด้านเว็บเบอร์ก็กำลังอยู่ในช่วงที่จะย้ายจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปร่วมทีมแตนอาละวาดแบบถาวร ทั้งคู่กำลังจะได้ผนึกกำลังล่าตาข่ายด้วยกันในเวทีเดอะ แชมเปี้ยนชิพ "เราต่างก็คิดว่าถ้าเราได้เล่นคู่กัน ใครก็จะหยุดยั้งเราไม่ได้" เว็บเบอร์ย้อนรำลึกด้วยความเศร้า
แต่ทว่าทั้งคู่ก็ไม่เคยได้เล่นร่วมกันให้กับวัตฟอร์ดเลย การเสียชีวิตของจิมมี่ถือเป็นเรื่องช็อคอย่างมากในวงการฟุตบอล โดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอลด์ แทรฟฟอร์ด, วิคาเรจ โร้ด และเคาน์ตี้ กราวด์ นักเตะจากทั้ง 3 ทีมต่างก็มาร่วมพิธีฝังศพของเขา ขณะที่นักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ทุกคนต่างก็สวมเสื้อที่มีชื่อ และเบอร์ของเขาสกรีนอยู่ขึ้นรับถ้วยแชมป์เอฟเอ คัพ หลังจากเอาชนะมิลล์วอลล์ได้ตอนจบฤดูกาล
"นี่คือการตัดสินใจของทีมที่จะมอบชัยชนะนี้ให้กับจิมมี่" จอห์น โอเช นักเตะอีกคนที่เคยเป็นเพื่อนร่วมทีมของเดวิสกล่าว "ผมทราบดีว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ลำบากขนาดไหนสำหรับครอบครัวของเขาที่ต้องเสียลูกชายที่ดีคนนี้ไปแบบไม่มีวันกลับ โดยส่วนตัวแล้ว ผมมีความทรงจำที่ดีกับเขา เขาเป็นคนที่มีบุคลิกภาพที่ดีในห้องแต่งตัว เขามักพูดจาหยอกล้อให้ทุกคนหัวเราะกัน การจากไปของเขาถือเป็นโศกนาฏกรรมเลย"
เป็นโศกนาฏกรรมที่ส่งผลถึงทุกๆ คน เพื่อนร่วมทีมของเขาต่างคร่ำครวญถึงการจากไปของจิมมี่ แต่ไม่ใช่เพราะเสียดายความสามารถทางฟุตบอลของเขา ทุกคนคิดถึงเสียงหัวเราะ และความสนุกสนานในตัวเขา ทุกคนคร่ำครวญถึงเขาในฐานะคนคนหนึ่ง ไม่ใช่เพียงแค่นักฟุตบอลคนหนึ่งเท่านั้น
"เมื่อใดก็ตามที่เกิดเรื่องแบบนี้กับใครสักคนที่เป็นคนที่ดี มันจะทำให้คุณเสียใจ และตระหนักได้ว่าเราได้สูญเสียอะไรบางอย่างไป" ยอร์ยิชกล่าว "เราต่างก็โทษฟ้าโทษฝนเกี่ยวกับเรื่องนี้ ไม่ใช่ทุกคนหรอกที่จะเติบโตไปเป็นดาวเตะระดับโลกอย่าง ไรอัน กิ๊กส์ หรือ เดวิด เบ็คแฮม ได้ แต่พวกเขาสามารถเป็นคนที่ดีในช่วงชีวิตของเขาได้ นั่นแหละคือสิ่งที่จิมมี่เป็น"
จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับตัวเขา จิมมี่ เดวิส จึงไม่เคยได้โอกาสแจ้งเกิดในวงการฟุตบอลได้เลย แต่ในช่วงชีวิตอันแสนสั้น เขาก็ได้สร้างความประทับใจให้กับใครหลายๆ คนที่อยู่รอบตัวเขาเอาไว้ เวลา 10 ปีผ่านไปอย่างรวดเร็ว และเวลาก็ยังเดินหน้าต่อไป แต่สำหรับใครก็ตามที่รู้จักเขาเป็นอย่างดี สิ่งที่ จิมมี่ทำเอาไว้ก็ได้อยู่เหนือกาลเวลาไปแล้ว