รายการ แคปิตอล วัน คัพ รอบ 3
เวลา 01.45 น. วันพฤหัสบดีที่ 26 กันยายน 2556
ผู้ตัดสิน มาร์ค แคลตเทนเบิร์ก
โพสต์ by ผีแดง แมนยู.
รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เปิดรังโอลด์ แทรฟฟอร์ด ต้อนรับการมาเยือนของลิเวอร์พูลในศึกแคปิตอล วัน คัพ รอบ 3 โดยทีมปีศาจแดงยังไม่มี โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ ที่มีอาการบาดเจ็บโคนขาหนีบ เป็นทางด้าน ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ ที่ได้ลงมาล่าตาข่ายแทน ขณะที่ ราฟาเอล ดา ซิลวา และ ฟิล โจนส์ มีชื่อลงเล่นเป็นตัวจริงด้วยเช่นกัน ส่วนทีมเยือนส่ง หลุยส์ ซัวเรซ ลงมาล่าตาข่ายหลังพ้นโทษแบนยาว 10 นัด
ทีมปีศาจแดงเปิดฉากจู่โจมทันทีตั้งแต่ต้นเกม ชิชาริโต้ได้โอกาสยิงไปติดบล็อค ก่อนที่ หลุยส์ นานี่ จะได้ยิงไปแฉลบกองหลังทีมเยือนออกหลังเป็นลูกเตะมุม
ลิเวอร์พูลมาได้จังหวะบุกบ้าง แดเนี่ยล สเตอร์ริดจ์ ได้ยิงหลุดกรอบออกไป จากนั้นเขาก็มีจังหวะยิงไปติดบล็อค คริส สมอลลิ่ง โดยนักเตะทีมเยือนพยายามจะฟ้องเป็นลูกแฮนด์บอล แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
ลูคัส เลว่า ของทีมหงส์แดงมาถูกจดชื่อไปเป็นคนแรกของเกมเมื่อเข้าบอลช้าใส่ ฟิล โจนส์ จากนั้น ไรอัน กิ๊กส์ ก็มาได้ใบเหลืองตามไปติดๆ จากการทำฟาวล์ใส่ วิคเตอร์ โมเซส และก็จบครึ่งแรกกันไปแบบไร้สกอร์ แต่ถือว่าเป็นเกมที่ค่อนข้างสนุกเลยทีเดียว
ช่วงพักครึ่งกล้องจับภาพไปที่ รอย คีน ซึ่งเข้ามาชมเกมด้วย เขาดูมีความสุขกับการแจกลายเซ็น และถ่ายรูปกับแฟนๆ ในสนาม จากนั้นครึ่งหลังก็เริ่มต้นขึ้น และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ใช้เวลาไม่นานเลยในการได้ประตูออกนำไปก่อน นาทีที่ 46 รูนี่ย์เตะมุมเข้ามาให้ชิชาริโต้เหยียดขาวอลเล่ย์เข้าประตูไปจากระยะเผาขน ทำให้กองเชียร์ที่อัฒจันทร์ฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์ ถึงกับเฮกันด้วยความบ้าคลั่ง
นาทีที่ 52 โคโล่ ตูเร่ มาโดนใบเหลืองไปอีกคนหลังจากที่ไปทำฟาวล์ใส่รูนี่ย์ ถึงตรงนี้ลิเวอร์พูลดูอันตรายขึ้นมากในแนวรุก แต่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ยังคงเป็นฝ่ายนำอยู่
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน เกือบซัดประตูตีเสมอให้กับทีมเยือนได้สำเร็จ แต่เขาก็พลาดโอกาสทองไปจากการแปหลุดกรอบแบบจ่อๆ ขณะที่ข้างสนาม เดวิด มอยส์ เรียกให้ ไมเคิล คาร์ริค, แอนเดอร์สัน และ แอดนาน ยานูซาย ออกมาวอร์มข้างสนาม
ซัวเรซได้ยิงแฉลบหลุดกรอบออกไป ขณะที่ โจเซ่ เอ็นริเก้ ก็พยายามยิงลูกตีเสมอให้กับลิเวอร์พูลเช่นกัน แต่ลูกยิงของเขาก็ไปเข้ามือ ดาบิด เด เคอา สบายๆ ส่วนทางเจ้าถิ่นก็มาได้ลุ้นเช่นกันจากจังหวะยิงข้ามคาน 2 ครั้งติดของนานี่ รวมถึงลูกยิงของ ชินจิ คากาวะ ที่บังคับให้ ซิมง มิโญเล่ต์ ต้องปัดข้ามคานออกหลังไป
ลิเวอร์พูลทำการเปลี่ยนตัวเอา มาร์ติน เคลลี่ย์ ลงไปเล่นแทนลูคัส จากนั้นพวกเขาก็มาได้ลุ้นอีกครั้งจากลูกโหม่งของโมเซส ยังดีที่ เด เคอา ยืนถูกตำแหน่งจึงสามารถเซฟเอาไว้ได้ ส่วนทางซัวเรซก็มาได้โอกาสทำประตูจากลูกฟรีคิก แต่บอลก็พุ่งไปแฉลบคานบนออกหลังไป
ทีมปีศาจแดงมีการเปลี่ยนแปลงทางด้านตัวผู้เล่นบ้าง เป็นทางด้านคาร์ริค และยานูซาย ที่ได้ลงมาเล่นแทนคากาวะ และเฮอร์นานเดซซึ่งดูเหมือนมีอาการเซ็งเล็กๆ ที่ต้องออกไปนั่งพัก
รูนี่ย์มายิงให้มิโญเล่ต์ต้องงัดฟอร์มเซฟถึง 2 ครั้งติดต่อกัน ครั้งแรกมาจากลูกฟรีคิก และอีกลูกมาจากการปั่นโค้งบริเวณกรอบเขตโทษ โดยเฮนเดอร์สัน ของทีมเยือนมาถูกจดชื่อจากการไปทำฟาวล์ใส่ ราฟาเอล ดา ซิลวา ที่ทำให้รูนี่ย์ได้ยิงลูกฟรีคิกดังกล่าวด้วย
ช่วงท้ายเกมทีมหงส์แดงส่งเอา ราฮีม สเตอร์ลิ่ง ลงมาเล่นในแนวรุกแทนโมเซส พวกเขาพยายามโหมบุกอย่างหนักเพื่อทวงประตูคืน และจากการเล่นสั้นที่ลูกเตะมุม เฮนเดอร์สันก็เกือบจะยิงได้ ยังดีที่ เด เคอา สามารถเซฟเอาไว้ได้ทัน ก่อนที่จะจบเกมกันไปด้วยสกอร์ 1-0 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด สามารถผ่านเข้าสู่รอบต่อไปได้สำเร็จ
สถิติ
|
|
||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ผู้ทำประตู | |
| แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | ลิเวอร์พูล |
| ฮาเวียร์ เฮอร์นานเดซ น.46 |
| สถิติ | |
| แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | ลิเวอร์พูล |
| 18(4) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 17(3) |
| 12 | ฟาวล์ | 9 |
| 7 | เตะมุม | 11 |
| 1 | ล้ำหน้า | 1 |
| 2 | ใบเหลือง | 3 |
| 0 | ใบแดง | 0 |
| 47% | การครองบอล | 53% |
