
นอกจากนักซื้อในเมกะสโตร์ที่อยากช็อปเสื้อแข่งของนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอริค คันโตน่า แล้ว ในสนามก็ต้องการนักเตะทรงอิทธิพลที่จะมาสวมเสื้อแข่งหมายเลข 7 ด้วยเช่นกัน
ถึงตรงนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ก็ไม่ได้มีการประกาศยกเลิกเสื้อหมายเลข 7 ลงไปแต่อย่างใด และแม้ว่าจะไม่มีหมายเลขนี้มันก็ไม่ได้ส่งผลต่อยอดขายสินค้าในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด มากนัก อย่างไรก็ตามนักช็อปทั้งหลายที่เมกะสโตร์ต่างก็ต้องการชื่อของนักเตะอย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ และ เอริค คันโตน่า สกรีนที่ด้านหลังของเสื้อ ต้องยอมรับว่านานๆ ทีถึงจะมีคนเข้ามาซื้อเสื้อหมายเลข 17 ของ หลุยส์ นานี่
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงต้องการใครสักคนที่มีบุคลิกโดดเด่นเพียงพอ และพร้อมที่รับมือกับความกดดันที่ต้องสวมใส่หมายเลขดังกล่าว ซึ่งมันได้กลายมาเป็นไอคอนของทีมนับตั้งแต่ที่ จอร์จ เบสต์ ใส่ลงสนามที่เวมบลีย์ในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ 1968 ที่เอาชนะเบนฟิก้า
จากนั้นเสื้อตัวนี้ก็ถูกสวมใส่ต่อโดยกัปตันมาร์เวล ไบรอัน ร็อบสัน เป็นเวลานานถึง 13 ปี ในช่วงปี 1981 ถึง 1994
เอริค คันโตน่า คือผู้ที่เข้ามารับช่วงต่อในการสวมเสื้อหมายเลขนี้ช่วงยุค 1990 และตลอดระยะเวลา 6 ปีกับทางสโมสร ดาวเตะชาวฝรั่งเศสก็ดูส่องประกายเหลือเกินไปกับหมายเลข 7
จากนั้นเด็กหนุ่มที่เคยสวมเสื้อแข่งหมายเลข 24 มาก่อนในช่วงที่คันโตน่าลงเล่นอย่าง เดวิด เบ็คแฮม ก็ได้รับเกียรติให้สวมเสื้อหมายเลข 7 ต่อ หลังจากที่ศิลปินลูกหนังแดนน้ำหอมประกาศแขวนสตั๊ด
เขาได้ใส่เสื้อตัวนี้เป็นเวลานาน 6 ปี และก็ได้สร้างเหตุการณ์อันน่าจดจำเอาไว้มากมาย จากนั้นเมื่อเขาย้ายไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ก็เป็นดาวรุ่งที่ย้ายเข้ามาใหม่อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่ได้รับเสื้อหมายเลขนี้ไปใส่ต่อ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ไม่รู้สึกกลัวเลยที่จะมอบเสื้อตัวนี้ให้กับปีกที่ยังไม่ได้รับการพิสูจน์ฝีเท้ามาก่อน
จากนั้นเขาก็พัฒนาตนเองขึ้นมาอย่างรวดเร็ว และก็เหมือนกับเบสต์ เขาทำประตูได้ในนัดชิงชนะเลิศยูโรเปี้ยน คัพ และคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีไปครองด้วย
แต่หลังจากที่โรนัลโด้ย้ายออกไปร่วมทีมเรอัล มาดริด ในปี 2009 ทีมปีศาจแดงก็ยังไม่มีผู้สืบทอดตำแหน่งนักเตะหมายเลข 7 ที่สมน้ำสมเนื้อเลย ไมเคิล โอเว่น เข้ามารับเสื้อตัวนี้ไปใส่ต่อ แต่ตลอดการค้าแข้งที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ของเขาก็มีอาการบาดเจ็บรบกวนอยู่ตลอด
จากนั้น อันโตนิโอ วาเลนเซีย ก็ย้ายมาใส่เสื้อหมายเลขนี้แทน แต่จากนั้นฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของปีกชาวเอกวาดอร์ก็ดร็อปลงไปอย่างเห็นได้ชัด นั่นทำให้ในฤดูกาลต่อมาเขาตัดสินใจกลับไปใส่เสื้อหมายเลข 25 ตามเดิม ท่ามกลางข่าวลือที่ว่าทีมปีศาจแดงเตรียมเสื้อหมายเลข 7 เอาไว้ต้อนรับการกลับคืนถิ่นของโรนัลโด้! แต่ในที่สุดเขาก็ต่อสัญญาฉบับใหม่ในถิ่นเบร์นาเบว ทำให้กระแสข่าวลือที่ว่าเงียบลงไปทันที
เสื้อตัวนี้ดูน่าจะเข้ากับ ฮวน มาต้า เป็นอย่างดี ดาวเตะชาวสเปนมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะได้สวมใส่มัน ในวันที่เขาเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อเดือนมกราคม สื่อต่างๆ รวมถึงแฟนบอลก็คาดกันว่าเขาน่าจะได้สวมเสื้อหมายเลข 7 แต่หลังจากนั้นในวันเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เสื้อที่เขาเลือกสวมใส่กลับกลายเป็นหมายเลข 8 แทน!
แล้วแบบนี้ในช่วงซัมเมอร์ เดวิด มอยส์ จะมองหาใครสักคนเข้ามาสวมเสื้อหมายเลขดังกล่าวที่ยังว่างอยู่หรือเปล่า?
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จะต้องให้นักเตะที่มีความมหัศจรรย์อยู่ในตัวมาสวมใส่มัน มีความเป็นไปได้เหมือนกันที่ แอดนาน ยานูซาย จะเปลี่ยนเสื้อหมายเลขจาก 44 ไปใส่เบอร์ที่ดูเป็นทีมชุดใหญ่มากขึ้น แม้ว่ามันจะมีความกดดันอยู่เหมือนกันที่ต้องสืบทอดหมายเลขเสื้อต่อจากนักเตะอย่างเบ็คแฮม และโรนัลโด้ แต่ทุกอย่างมันก็ขึ้นอยู่กับความมั่นใจ และผลงานในสนาม
นอกจากนี้แล้ว เสื้อหมายเลข 9 ก็เป็นอีกตัวที่ยังคงว่างอยู่ ไม่มีใครได้สวมเสื้อหมายเลขนี้ลงสนามให้กับทีมปีศาจแดงเลยนับตั้งแต่ที่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ใส่ลงสนามในฐานะตัวสำรองในเกมสุดท้ายของเขาที่เจอกับสวอนซี ซิตี้ เมื่อเดือนพฤษภาคม 2012
นอกเหนือไปจากประเด็นที่ว่า ฮวน มาต้า, เวย์น รูนี่ย์ และ โรบิน ฟาน เพอร์ซี่ เตรียมผนึกกำลังเป็นสามแข้งศักดิ์สิทธิ์ยุคใหม่ต่อจากในยุค 1960 ที่เป็น จอร์จ เบสต์, เดนิส ลอว์ และ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน แล้ว อีกอย่างที่น่าสนใจก็คือทุกคนกำลังรอคอยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ส่งนักเตะหมายเลข 7, 9 และ 10 ลงสนามพร้อมกันเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2011 ในเกมพบโอเตลุล กาลาติ ที่ทั้ง ไมเคิล โอเว่น, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ และ เวย์น รูนี่ย์ ลงเล่นในศึกแชมเปี้ยนส์ ลีก