
ฤดูกาลนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ได้ใช้งานเซ็นเตอร์แบ็คไปแล้วถึง 13 รูปแบบที่แตกต่างกัน หลังจากผ่านเกมพรีเมียร์ ลีก ไปเพียงแค่ 11 เกมเท่านั้น มันเกิดขึ้นเพราะอาการบาดเจ็บ, โทษแบน และการเปลี่ยนระบบจากกองหลัง 3 ตัวมาเป็นแบ็คโฟร์ของ หลุยส ฟาน กัล
จากทั้งหมดนี้คู่ของ มาร์กอส โรโฮ และ แพ็ดดี้ แม็คแนร์ ได้ลงเล่นร่วมกันมากที่สุด โดยได้ลงเล่นเป็นตัวจริงในเกมที่เอาชนะเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด และเอฟเวอร์ตัน ขณะที่ ไมเคิล คาร์ริค และ ดาลี่ย์ บลินด์ เป็นคู่กองหลังในนาทีสุดท้ายของเกมหลังสุดที่เอาชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 ก่อนพักเบรคเกมทีมชาติ
และนี่ก็คือบทวิเคราะห์ของเซ็นเตอร์แบ็คแต่ละชุดที่กุนซือชาวดัตช์ได้ใช้งานไปแล้วในฤดูกาลนี้...
โจนส์/สมอลลิ่ง/แบล็คเก็ตต์
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 2
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 89
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 2
ฟิล โจนส์, คริส สมอลลิ่ง และ ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์ ได้ลงเล่นในเกมแรกของฤดูกาลที่เจอสวอนซี ซิตี้ ด้วยระบบกองหลัง 3 ตัว แต่เพียงแค่ 45 นาทีเท่านั้น ฟาน กัลก็ได้ปรับไปใช้ระบบแบ็คโฟร์ทันที กองหลัง 3 คนดังกล่าวยังได้ลงเล่นอีกในเกมต่อมาที่เจอซันเดอร์แลนด์ แต่สมอลลิ่งก็ได้รับบาดเจ็บในนาทีที่ 44 จนต้องถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ไมเคิล คีน ลงมาเล่นแทน
สมอลลิ่ง/แบล็คเก็ตต์
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 98
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 5
สมอลลิ่ง และแบล็คเก็ตต์ได้ลงเล่นคู่กันในครึ่งหลังของเกมแรกที่แพ้ต่อสวอนซี ซิตี้ เมื่อฟาน กัลได้ปรับระบบมาใช้กองหลัง 4 คน ทั้งคู่ได้เล่นร่วมกันอีกในเกมกับเลสเตอร์ ซิตี้ ที่ จอนนี่ อีแวนส์ ถูกเปลี่ยนตัวออกเนื่องจากอาการบาดเจ็บ และสมอลลิ่งก็ถูกส่งลงไปใน 30 นาทีสุดท้าย แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องเล่นเกมนั้น 10 คนในช่วง 7 นาทีสุดท้ายด้วยเนื่องจากแบล็คเก็ตต์โดนใบแดง และสถิติของการจับคู่กันของคู่นี้ก็คือเสียประตูในทุกๆ 20 นาที
โจนส์/แบล็คเก็ตต์/คีน
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 46
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
เมื่อสมอลลิ่งถูกเปลี่ยนตัวออกก่อนจบครึ่งแรกในเกมกับซันเดอร์แลนด์เมื่อเดือนสิงหาคม คีนก็ได้ลงมาเล่นแทนเขาในระบบแบ็คทรี ถือเป็นเกมแรกของเขาในระดับพรีเมียร์ ลีก ด้วย ก่อนที่จะย้ายไปอยู่กับเบิร์นลี่ย์แบบยืมตัวในวันสุดท้ายของตลาดซื้อขายนักเตะ
โจนส์/อีแวนส์/แบล็คเก็ตต์
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 1
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 90
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
โจนส์, อีแวนส์ และแบล็คเก็ตต์ได้เป็นตัวจริงร่วมกันทั้งหมดในแผงแบ็คทรีอยู่ครั้งหนึ่งในฤดูกาลนี้ เป็นเกมที่เสมอกับเบิร์นลี่ย์แบบไร้สกอร์ในช่วงปลายเดือนสิงหาคมก่อนเบรคทีมชาติ โจนส์ได้รับบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงในช่วงเก็บตัวกับทีมชาติอังกฤษ และทำให้ฟาน กัลต้องปรับแนวรับกันอีกครั้งในเกมต่อไปที่เจอคิวพีอาร์
อีแวนส์/แบล็คเก็ตต์
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 2
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 120
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 1
ฟาน กัลเริ่มต้น 3 เกมแรกของฤดูกาลโดยใช้แนวรับแบบ 3 คน แต่เกมแรกหลังวันเดดไลน์ซึ่งเป็นการเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ด รับมือกับคิวพีอาร์ เขาก็ได้ใช้ระบบแผงหลัง 4 คนเป็นครั้งแรก อีแวนส์กับแบล็คเก็ตต์ได้จับคู่กัน และช่วยให้ทีมเก็บคลีนชีทในชัยชนะ 4-0 ทั้งคู่ยังได้ลงเล่นเป็นตัวจริงร่วมกันในเกมต่อไปที่เลสเตอร์ ซิตี้ ด้วย แต่อีแวนส์ก็เล่นไปได้แค่ 30 นาทีเท่านั้นก็ต้องถูกเปลี่ยนตัวออกด้วยอาการบาดเจ็บหัวเข่า ตอนนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดนำอยู่ 2-1 แต่เมื่อจบเกมกลายเป็นแพ้ไป 3-5
โรโฮ/แม็คแนร์
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 2
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 180
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 2
จากเซ็นเตอร์แบ็คทั้ง 13 แบบที่ฟาน กัลใช้ในฤดูกาลนี้ คู่ของโรโฮกับแม็คแนร์ถือว่าได้เล่นด้วยกันมากนาทีที่สุด ด้วยความที่ตัวเจ็บ และติดโทษแบนกันเยอะ ทำให้แม็คแนร์ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ในเกมชนะเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด 2-1 เมื่อเดือนกันยายน ที่จริงเขาน่าจะได้ลงเล่นมากกว่านี้ด้วยหากไม่มีอาการบาดเจ็บกล้ามเนื้อแฮมสตริงมารบกวนหลังเกมชนะเอฟเวอร์ตัน 2-1 ซึ่งนั่นก็บังคับให้ฟาน กัลต้องทำการปรับทัพอีก
โรโฮ/แม็คแนร์/ธอร์ป
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 1
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดรักษาสกอร์นำ 2-1 เหนือเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด เอาไว้ได้จนจบเกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด แม้ว่า เวย์น รูนี่ย์ จะโดนไล่ออกไปก็ตาม ขณะที่เวลากำลังนับถอยหลัง ฟาน กัลก็ได้ส่งเอา ทอม ธอร์ป ลงไปช่วยเกมรับร่วมกับโรโฮ และแม็คแนร์ ซึ่งนั่นก็ทำให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไม่เสียประตูจนต้องแบ่งแต้มไปในช่วงท้ายเกม
โรโฮ/โจนส์
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 1
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 90
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 2
หลังจากไม่ได้เล่น 4 เกมด้วยอาการบาดเจ็บแฮมสตริง โจนส์ก็ได้เล่นเป็นตัวจริงในเกมกับเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ที่เดอะ ฮอว์ธอร์นส ในเดือนตุลาคม เขาจับคู่ตรงกลางร่วมกับโรโฮ เกมนั้นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเสมอ 2-2 และโจนส์ก็ยังไม่ได้ลงเล่นอีกเลยนับตั้งแต่นั้น เนื่องจากได้รับบาดเจ็บซ้ำอีก
โรโฮ/สมอลลิ่ง
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 2
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 129
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 1
โรโฮกับสมอลลิ่งได้ลงเล่นร่วมกันเป็นนัดแรกในเกมเสมอเชลซี 1-1 เมื่อเดือนตุลาคม ทั้งคู่ยังได้ลงเล่นต่ออีกในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่สมอลลิ่งก็อยู่ได้แค่ 39 นาทีเท่านั้น เนื่องจากเขาโดนใบเหลืองที่ 2 เป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป นั่นทำให้คาร์ริคต้องลงมาเล่นในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็คจำเป็น ซึ่งนั่นเป็นการลงสนามครั้งแรกในฤดูกาลนี้ของเขาด้วย
คาร์ริค/โรโฮ
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 17
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
คาร์ริคกับโรโฮลงเล่นร่วมกัน 17 นาทีในเกมกับแมนเชสเตอร์ ซิตี้ หลังจากที่สมอลลิ่งโดนใบแดง การจับคู่กันของทั้ง 2 คนมายุติเอาเมื่อโรโฮได้รับบาดเจ็บที่ไหล่ในช่วงต้นครึ่งหลัง และก็เป็นแม็คแนร์ที่ถูกส่งลงมาเล่นแทน
คาร์ริค/แม็คแนร์
ลงเล่น 2
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 53
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 1
ทั้งคู่เริ่มต้นเกมดาร์บี้ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม ในฐานะตัวสำรอง แต่หลังจากที่มีเหตุการณ์ใบแดงของสมอลลิ่งและอาการบาดเจ็บของโรโฮ ทำให้ทั้งคู่ได้มีโอกาสลงเล่นร่วมกันในตำแหน่งเซ็นเตอร์แบ็ค 34 นาทีในเกมนั้น เกมต่อมาที่เจอกับพาเลซเป็นบลินด์ที่ลงเล่นในแนวรับก่อน แต่ฟาน กัลก็ปรับทัพให้คาร์ริคกับแม็คแนร์ได้จับคู่กันอีกครั้งในช่วงท้ายครึ่งหลัง
บลินด์/แม็คแนร์
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 1
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 70
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
ในเกมกับคริสตัล พาเลซ อาการบาดเจ็บของทั้งโจนส์ และอีแวนส์ทำให้ฟาน กัลต้องใช้งานแผงแบ็คโฟร์เป็น อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ลุค ชอว์, ดาลี่ย์ บลินด์ และ แพ็ดดี้ แม็คแนร์ เกมนี้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเก็บคลีนชีทได้ด้วย แต่หลังจากผ่านครึ่งหลังมาได้ครึ่งทาง ฟาน กัลก็ได้ปรับหมากให้บลินด์กับคาร์ริคลงมายืนคุมแนวรับร่วมกัน และส่งบลินด์ไปทำเกมในแดนกลางแทน
คาร์ริค/บลินด์
ลงเล่น 1
ลงเป็นตัวจริง 0
จำนวนนาทีที่เล่นร่วมกัน 1
เสียประตูเมื่อเล่นร่วมกัน 0
คาร์ริคกับบลินด์ได้ลงเล่นกันในนาทีสุดท้ายของเกมชนะคริสตัล พาเลซ 1-0 หลังจากที่แม็คแนร์ได้รับบาดเจ็บต้องเปลี่ยนตัวออก และล่าสุดทั้ง 2 คนนี้ก็ได้รับบาดเจ็บกลับมาจากเกมทีมชาติด้วย