
สำหรับตอนที่ 6 ของซีรี่ส์ The Transfer Lists เราได้ 8 อดีตนักเตะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาพูดถึงความในใจจากช่วงที่ได้เซ็นสัญญามาเล่นในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด
หลุยส์ ซาฮา "ผมได้ยินข่าวลือมาตอนที่ผมอยู่กับฟูแล่มว่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กำลังจับตามองผมอยู่ ผมเล่นได้ดีในตอนที่เจอกับยูไนเต็ด และบางทีนั่นอาจทำให้เขาสนใจในตัวผมก็ได้ สุดท้ายเขาก็เผยชัดเจนว่าต้องการตัวผมไปเล่นในทีม ผมต้องต่อรองกับฟูแล่มอยู่พอสมควร เพราะว่าพวกเขาต้องการได้เปรียบในดีลนี้ให้มากที่สุด ซึ่งผมเองก็เข้าใจได้ มาจุดหนึ่งผมคิดว่าพอแล้ว ผมต้องเข้าไปร่วมเจรจาด้วยเพื่อให้มันเกิดขึ้นให้ได้สักที"
ดไวท์ ยอร์ค "มีการคาดเดากันมากมายว่าผมจะย้ายออกหรืออยู่ต่อกับแอสตัน วิลล่า สุดท้ายรู้สึกจะวันที่ 20 สิงหาคม 1998 ผมก็ได้โทรศัพท์แจ้งมาว่า 'เก็บของแล้วเดินทางไปแมนเชสเตอร์ได้เลย ดีลกำลังจะจบลงแล้ว' ผมตื่นเต้น และข่าวที่ออกมาก็ทำให้ผมโล่งใจ เพราะก่อนหน้านั้นมันเป็นการเจรจาที่ยืดเยื้อ ทางวิลล่าเองก็ไม่ยอมง่ายๆ เช่นกัน"
ไบรอัน ร็อบสัน "ผมอยู่ที่เวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน และผู้จัดการทีมในตอนนั้นก็คือ รอนนี่ อัลเลน เราเพิ่งเสร็จสิ้นการฝึกซ้อม ผมกำลังเดินทางกลับบ้าน และก็ได้รับโทรศัพท์จากเขาบอกมาว่าเขาตอบรับข้อเสนอจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแล้ว และผมก็สามารถไปเปิดโต๊ะเจรจากับพวกเขาได้เลย แต่ก่อนอื่นเลย เขาต้องการเจอกับผมก่อนที่ออฟฟิศ ผมก็เลยเข้าไปแล้วเขาก็พูดว่า 'เอาล่ะ คุณได้ในสิ่งที่คุณต้องการแล้ว คุณสามารถเจรจากับยูไนเต็ดได้เลย แต่เอากุญแจรถมาคืนบนโต๊ะก่อนนะ' ตอนอยู่ที่เวสต์ บรอม พวกเขาเอารถมาให้ผมใช้ และผมก็เอากุญแจรถคืนเขาไปทันที แม้ว่าจะยังไม่ได้เซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเลยก็ตาม! นั่นแหละคือครั้งแรกที่ผมได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้"
เดนิส ลอว์ "ผมอยู่ที่โตริโน่มา 1 ปี และก็ชอบอะไรหลายอย่างในอิตาลี ผมยังโสด และสาวๆ ที่นั่นก็สุดยอด, ไวน์ก็ยอดเยี่ยม, อาหารก็ถูกปาก และผู้คนยังเป็นมิตรอีกด้วย แต่สภาพอากาศไม่ค่อยถูกใจเท่าไหร่ ผมว่ามันแดดแรงแทบจะตลอดเวลาเลย แต่โตริโน่มันก็อยู่ใกล้กับเทือกเขาแอลป์ส ซึ่งทำให้ผมนึกถึงตอนอยู่อเบอร์ดีน! ฟุตบอลที่นั่นเล่นแบบเน้นเกมรับมากเกิน และผมก็ไม่สนุกกับมันเลย ผมจึงดีใจที่ได้กลับเมืองแมนเชสเตอร์ โดยมาเล่นให้กับยูไนเต็ด ผมเข้าใจดีว่าปรัชญาของผู้จัดการทีมก็คือเล่นฟุตบอลให้ดูแล้วสนุก"
สตีฟ บรู๊ซ "ผมย้ายจากนอริช ซิตี้มาเมื่อเดือนธันวาคม 1987 หลังจากมีการเจรจากันนานพอสมควร มิสเตอร์เชส (ประธานสโมสรนกขมิ้น) ต้องการเงินจำนวนมาก ทั้ง 2 สโมสรตกลงค่าตัวกันได้ที่ 800,000 ปอนด์ ท็อตแน่มกับเชลซีก็เข้ามามีเอี่ยวกับการเจรจาครั้งนี้เช่นกัน แต่เมื่อผมได้ยินว่ายูไนเต็ดให้ความสนใจ พวกเขาก็เป็นแค่สโมสรเดียวเท่านั้นที่ผมอยากย้ายไปเล่นด้วย"
มิกาแอล ซิลแวสตร์ "ผมเดินทางไปเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสชุดยู-21 ผมได้คุยกับ เชราร์ อุลลิเยร์ ผู้จัดการทีมลิเวอร์พูลในเวลาไล่เลี่ยกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แต่ยูไนเต็ดก็เพิ่งจะคว้าทริปเปิ้ลแชมป์มาได้ ดังนั้นมันจึงเป็นตัวเลือกที่ง่ายมากสำหรับผม! เซอร์ อเล็กซ์มารับผมถึงสนามบิน และก็ขับรถพาผมไปส่งที่โรงแรม ซึ่งก็คือเดอะ มาร์ริอ็อต ที่วอร์สลี่ย์ เราได้นั่งพูดคุยกันที่นั่น ผมเคยคุยกับเขาผ่านทางโทรศัพท์มาก่อนแล้ว แต่มันก็เป็นเรื่องง่ายสำหรับผมมากกว่าที่จะได้คุยกับแบบตัวต่อตัว เพราะตอนนั้นภาษาอังกฤษของผมยังไม่ค่อยแข็งนัก หรือจะพูดว่าสำเนียงสก็อตติชผมยังไม่ดีก็ได้นะ!"
เยสเปอร์ บลอมควิสต์ "ผมเล่นได้ดีในเกมที่โกเธนเบิร์กเจอกับยูไนเต็ดในแชมเปี้ยนส์ ลีก ปี 1994 แม้จะได้รับความสนใจจากยูไนเต็ด แต่ผมก็ไปเล่นให้เอซี มิลานในปี 1996 แต่เมื่อพวกเขาเปลี่ยนผู้จัดการทีม ผมก็ต้องหาทีมใหม่เล่น จนได้ไปอยู่กับปาร์ม่า โชคดีที่ยูไนเต็ดกลับมาติดต่อผมอีกครั้งในปี 1998 อันที่จริงผมก็ยังไม่ได้สนใจอะไรมากนัก แต่เมื่อได้คุยกับเซอร์ อเล็กซ์ เขาก็รับประกันว่าผมกับ ไรอัน กิ๊กส์ ที่เล่นในตำแหน่งเดียวกัน สามารถเล่นร่วมกันได้ และผมจะได้ลงสนามบ่อยครั้งแน่นอน"
วิลลี่ มอร์แกน "มันเกิดขึ้นเมื่อเดือนสิงหาคม 1968 และ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ก็เพิ่งคว้าแชมป์ยูโรเปี้ยน คัพมา ที่จริงตอนแรกผมจะย้ายไปลีดส์ด้วย ผมเพิ่งปฏิเสธอาร์เซนอลกับเชลซีไป ดอน เรวี่ เข้ามาบอกให้ผมค่อยๆ คิดไปก่อน ผมก็เลยใช้เวลาทั้งช่วงซัมเมอร์ไปออกรอบที่สนามกอล์ฟ เพราะตอนนั้นเบิร์นลี่ย์กำลังแบนผมจากสนามซ้อมอยู่ สุดท้ายก็เป็นยูไนเต็ดที่เข้ามาหาผม ผมกำลังตีกอล์ฟอยู่ แล้วชายที่ชื่อ เจฟฟ์ มิทเท่น ก็เดินมาหาผม ตอนนั้นมันเริ่มมืดแล้ว และเขาก็สวมเสื้อโค้ทยาว แถมใส่หมวกอีก ผมเลยระแวงว่าเขาจะเข้ามาทำร้ายผมหรือเปล่า! ผมกำไม้กอล์ฟแน่น แล้วก็ตะโกนไปว่า 'คุณต้องการอะไร?' เขาบอกกับผมว่าเซอร์ แมตต์ต้องการให้ผมไปคุยกับเขา ผมก็เลยไป แล้วเซอร์ แมตต์ก็ถามว่ามีอะไรที่ผมต้องการบ้าง ผมบอกว่าอยากได้เสื้อหมายเลข 7 เขาตอบว่า 'โอเค งั้นเดี๋ยวให้ จอร์จ เบสต์ ไปใส่เบอร์ 11 แทน' ที่มามันก็เป็นอย่างนี้แหละ!"