
พอล แม็คกินเนสส์ โค้ชของทีมอคาเดมี่เป็นคนที่มีเลือดของความเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอยู่เต็มเปี่ยม ซึ่งความรับผิดชอบของเขาก็คือการผลิตนักเตะขึ้นมาอย่างถูกที่ถูกทางทั้งในและนอกสนาม
หลังจากจบฤดูกาลที่ผ่านด้วยอันดับที่ 4 จากขุนพลนักเตะที่มีให้เลือกใช้งานน้อยนิดในบาร์เคลย์ส พรีเมียร์ ลีก ยู-18 การเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาล 2015/16 ก็ได้เริ่มต้นขึ้นแล้ว มันจะเป็นการรวมเอาเด็กฝึกหัดปีแรกมาเล่นร่วมกับนักเตะที่มีอยู่แล้วในทีม ขณะที่ผู้เล่นที่มีอายุมากขึ้นก็จะเลื่อนขั้นไปเล่นให้กับทีมชุดยู-21 ของ วาร์เรน จอยซ์
นอกจากนี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะต้องมีทีมในอีกระดับอายุเพิ่มขึ้นมาด้วย นั่นก็คือทีมชุดยู-19 ซึ่งจะใช้ทำศึกในระดับยุโรปอย่างยูฟ่า ยูธ ลีก หากว่าลูกทีมของ หลุยส์ ฟาน กัล สามารถผ่านรอบคัดเลือกเข้าไปเล่นรอบแบ่งกลุ่มแชมเปี้ยนส์ ลีกได้
"การผสมผสานนักเตะในแต่ละระดับอายุ โดยมีบางคนที่มาจากทีมสำรองหรือทีมชุดใหญ่ เป็นสิ่งที่กำลังไปได้สวยสำหรับเรา" แม็คกินเนสส์กล่าวกับ ManUtd.com "มันอยู่ที่ว่าเรากำลังทำอะไรอยู่ คุณสามารถก้าวขึ้นไปสู่ระดับท็อปในช่วงระดับอายุของคุณได้ และเมื่อคุณโตขึ้น คุณก็จะเลื่อนขั้นขึ้นไปอยู่ในระดับล่างสุดของอีกช่วงอายุ และคุณก็จะได้เรียนรู้จากนักเตะที่มีประสบการณ์มากกว่า มันเกิดขึ้นแบบนี้ตลอด เพราะคุณจะต้องฝึกซ้อมร่วมกับพวกเขา และคุณจะได้เห็นว่าพวกเขาทำอะไรกันบ้าง จากนั้นก็เลือกเอาสิ่งดีๆ มาปรับปรุงตัวเอง"
"เราก็มีบางเกมที่ต้องใช้งานนักเตะในช่วงอายุที่แตกต่างกันออกไป นักเตะอายุ 12 ปีก็อาจได้เผชิญหน้ากับนักเตะอายุ 18 ปีก็ได้ และเมื่อเด็กอายุ 18 ปีคนนั้นก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่ได้ เด็กคนที่อายุน้อยกว่าก็จะรู้สึกเหมือนกับว่าพี่ชายของเขาได้ไปเล่นกับพวกผู้ใหญ่แล้ว เด็กที่อายุมากกว่าคนนั้นก็จะเป็นแรงบันดาลใจให้เขาก้าวตาม"
สำหรับทีมชุดนี้อาจแตกต่างออกไปสำหรับแม็คกินเนสส์ เมื่อดาวรุ่งหลายคนที่ยังสามารถลงเล่นในทีมชุดยู-18 ได้ รวมถึงกัปตัน เอ็กเซล ทวนเซเบ้ ด้วย มีโอกาสที่จะเลื่อนขั้นไปเล่นในระดับยู-21 เช่นเดียวกับเด็กฝึกหัดบางคนที่อาจเลื่อนขั้นขึ้นมาในทีมชุดนี้ อย่างเช่น อังเคล โกเมซ ที่ได้ลิ้มรสเกมระดับยู-18 มาแล้วในนัดสุดท้ายของฤดูกาลที่ไปเยือนมิดเดิ้ลสโบรช์
"มันขึ้นอยู่กับว่าทีมสำรองมีนักเตะจำนวนขนาดไหน และพวกเขาต้องการให้เรานำเด็กฝึกหัดปี 2 ก้าวขึ้นมาเล่นให้มากแค่ไหน" แม็คกินเนสส์อธิบาย "มันสามารถเกิดขึ้นได้ แต่เราก็ต้องทำให้มันเป็นเรื่องดีที่สุดสำหรับนักเตะแต่ละคนด้วย เราต้องมาดูกันว่ามันจะมีหน้าตาออกมาเป็นอย่างไร บางทีเราอาจจะมีผู้เล่นหน้าใหม่มาอีกสัก 2-3 คนก็เป็นได้"
ขณะที่นักเตะท้องถิ่นเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทุกที มันจึงได้กลายมาเป็นสิ่งที่ต้องทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ โดยมุ่งเน้นนักเตะที่อยู่กับสโมสรมาตั้งแต่อายุน้อยๆ หลุยส์ ฟาน กัล เองก็เป็นคนที่เชื่อมั่นในนักเตะดาวรุ่งอยู่แล้ว และเขาก็คอยสนับสนุนนักเตะเลือดใหม่เข้าสู่ทีมชุดใหญ่เป็นประจำ
"เราเคยทำได้มาแล้วกับ 'คลาส ออฟ 92' กับกลุ่มบัสบี้ เบบส์" แม็คกินเนสส์กล่าว "นักเตะดาวรุ่งที่ก้าวขึ้นสู่ทีมชุดใหญ่จะรู้สึกว่าพวกเขาเติบโตขึ้นมากับสโมสร มันจึงมีความพิเศษ นี่คือปรัชญาของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นักเตะท้องถิ่นจะมอบความจงรักภักดีให้กับคุณได้มากกว่า, มีแรงจูงใจมากกว่า และพวกเขาจะมีความรู้สึกที่พิเศษ นี่คือไอเดียของ เซอร์ แมตต์ บัสบี้ ที่มุ่งเน้นด้านทีมสปิริต และคุณจะได้มันมาจากพวกเด็กเหล่านี้"
"แฟนๆ ต้องการเห็นนักเตะท้องถิ่นทำผลงานได้ดี แม้ในยามยากก็จะคอยเอาใจช่วยอยู่เสมอ อย่าไปสนใจว่าบางคนจะพูดว่าอะไร แต่แฟนบอลของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดส่วนใหญ่แล้วก็มาจากเมืองแมนเชสเตอร์นี่แหละ ซึ่งพวกเขาก็ทราบดีว่ามันต้องยอดเยี่ยมมากหากมีเด็กท้องถิ่นสักคนก้าวขึ้นมาได้"
"นี่คือทั้งหมดที่เรากำลังทำกันอยู่" เขายืนยัน "เราอาจจะคว้าแชมป์ลีกชุดยู-18 กันไม่ได้ แต่เมื่อมองภาพรวมแล้วก็ถือว่าเรามีฤดูกาลที่ประสบความสำเร็จ มันอยู่ที่ว่าคุณได้สร้างเสริมอะไรลงไปในตัวนักเตะ เราทำได้มากในจุดนี้ เราพลาดแชมป์ลีกกันในช่วงสุดท้าย แต่รวมแล้วก็ถือว่าเป็นเรื่องดีสำหรับนักเตะของเราตลอดทั้งฤดูกาล"
"คุณจะเห็นการเพิ่มความสามารถในตัว แพ็ดดี้ แม็คแนร์ เขาเคยก้าวขึ้นมาติดทีมชุดยู-18 ไม่ได้ เพราะว่าร่างกายของเขายังโตไม่เต็มที่ แต่หลังจากนั้นเขาก็ติดทีมชุดยู-21 พร้อมร่างกายที่ใหญ่โต กรณีเช่นนี้ก็เหมือนกันกับ ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์, แอดนาน ยานูซาย, เจมส์ วิลสัน และ อันเดรียส เปเรร่า ชัดเจนว่าเด็กๆ เหล่านี้พร้อมแล้วสำหรับโอกาสลงสนามอย่างต่อเนื่องในทีมชุดใหญ่ แต่อย่างน้อยพวกเขาก็ได้สร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ รุ่นอายุต่ำกว่าไปแล้ว และพวกเขาก็ทำให้เราปลื้มใจที่ได้เห็นทุกคนทำผลงานได้ดี"