
ฤดูกาลใหม่กำลังจะเริ่มต้นในไม่ช้านี้แล้ว และนี่ก็คือเหตุผลที่คุณจะต้องตื่นเต้นเกี่ยวกับมัน...
1. "... เราจะลุยมัน!"
นี่คือสิ่งที่ หลุยส์ ฟาน กัล ได้กล่าวเอาไว้ในงานประกาศรางวัลเมื่อฤดูกาลก่อน และนี่ก็น่าจะส่งแรงกระตุ้นไปยังนักเตะของเขาก่อนเกมนัดเปิดสนามวันเสาร์ที่จะพบกับท็อตแน่ม ฮอตสเปอร์ ที่สำคัญคือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะลงเล่นเป็นคู่แรกด้วย จะมีอะไรดีไปกว่าการส่งเสียงให้ดังเข้าไว้ก่อนใครหน้าไหนล่ะ?
2. โอลด์ แทรฟฟอร์ดคือป้อมปราการ
"เราต้องการทำให้โอลด์ แทรฟฟอร์ดกลายเป็นป้อมปราการ" ฟาน กัลบอกเอาไว้เมื่อเดือนธันวาคม ซึ่งก็มีเพียงแค่แชมป์อย่างเชลซีเท่านั้นที่เก็บชัยชนะในบ้านได้มากกว่าแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา แม้นัดเปิดฤดูกาลก่อนนั้นจะเริ่มต้นในบ้านไม่สวยด้วยการแพ้สวอนซี ซิตี้ 1-2 แต่มาคราวนี้ทุกอย่างจะต้องดีขึ้นไปกว่าเดิมอีก เริ่มต้นด้วยการเปิดบ้านเอาชนะสเปอร์ส ขณะที่เกมเยือนนั้น ทีมปีศาจแดงจำเป็นจะต้องทำให้ดีขึ้นจากฤดูกาลที่ผ่านมาซึ่งชนะ 6, เสมอ 8 และแพ้ 5 ทำได้เพียง 21 ประตูเท่านั้น ขณะที่เกมในบ้านยิงไปได้ถึง 62 ลูก ฤดูกาลนี้เกมนอกบ้านที่ต้องเดินทางไกลที่สุดก็คือ 250 ไมล์ เป็นการเดินทางไปเยือนน้องใหม่บอร์นมัธ แต่ถึงจะไกลแค่ไหน แฟนๆ ก็จะส่งเสียงเชียร์อย่างเต็มที่ในสนามโกลด์แซนด์ส สเตเดี้ยมแน่นอน
3. การจับคู่ของรูนี่ย์-เมมฟิส
เมมฟิส เดปาย ได้นำพลังหนุ่มเข้ามาในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด เขามีทั้งความเร็ว และพละกำลัง นักเตะวัย 21 ปีเป็นดาวซัลโวเอเรดิวิซี่เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และก็เป็นแข้งอายุน้อยที่สุดที่ได้รางวัลรองเท้าทองคำ ต่อจาก โรนัลโด้ (ตำนานดาวยิงชาวบราซิล) เมื่อฤดูกาล 1994/95 คราวนี้เขาจะได้จับคู่กับหนึ่งในศูนย์หน้าที่สมบูรณ์แบบที่สุดอย่าง เวย์น รูนี่ย์ น่าจับตามองว่าคู่นี้จะทำผลงานร่วมกันได้ดีแค่ไหน โดยรูนี่ย์ก็ไม่เคยจบอันดับดาวซัลโวของสโมสรต่ำกว่าอันดับ 3 เลยตลอด 11 ฤดูกาลที่ผ่านมา
ผลงานส่วนตัวต่อฤดูกาลของรูนี่ย์
1. 34 ประตู - 2009/10, 2011/12
2. 23 ประตู - 2006/07
3. 20 ประตู - 2008/09
ผลงานการประสานงานกับเพื่อนร่วมทีมของรูนี่ย์
1. 79 ประตู - 2007/08 (รูนี่ย์ 18, เตเวซ 19, โรนัลโด้ 42)
2. 64 ประตู - 2012/13 (รูนี่ย์ 16, ชิชาริโต้ 18, ฟาน เพอร์ซี่ 30)
3. 61 ประตู - 2008/09 (รูนี่ย์ 20, เตเวซ 15, โรนัลโด้ 26)
นอกจากนี้รูนี่ย์ก็ยังมีโอกาสทำลายดาวซัลโวสูงสุดตลอดกาลของ เซอร์ บ็อบบี้ ชาร์ลตัน ที่จำนวน 249 ประตูด้วย โดยฤดูกาลนี้เวย์นจะเริ่มต้นที่จำนวน 230 ประตูของเขา ด้วยค่าเฉลี่ยที่เขามักจะยิงได้เกิน 20 ประตูต่อฤดูกาลตลอด 11 ปีในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ไม่แน่ว่าเขาอาจจะทำลายสถิติดังกล่าวได้ในฤดูกาลนี้เลยก็ได้
4. ยูไนเต็ดโฉมใหม่
วงการฟุตบอลเปลี่ยนไปเร็วมาก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เปลี่ยนโฉมไปมากตลอด 2 ปีที่ผ่านมาเช่นกัน จากทีมชุดคว้าแชมป์เมื่อปี 2013 หลงเหลืออยู่แค่เด เคอา, โจนส์, สมอลลิ่ง, อีแวนส์, วาเลนเซีย, คาร์ริค, ยัง, รูนี่ย์, เอร์นานเดซ และลินเดการ์ดเท่านั้น ซึ่งนอกจากนักเตะใหม่ๆ ที่เข้ามาในทีมแล้ว ชุดแข่งก็ยังได้ผู้ผลิตรายใหม่ด้วยนั่นก็คืออาดิดาส ทั้งหมดนี้คือรูปโฉมใหม่ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างแท้จริง
5. การต่อสู้เพื่อแย่งตำแหน่งตรงกลางสนาม
คาร์ริค, ชไวน์สไตเกอร์, ชไนเดอร์ลิน, เอร์เรร่า, บลินด์, เฟลไลนี่... ทั้งหมดนี้ต้องมาแย่งตำแหน่งตรงกลางสนามกันในทีมของฟาน กัล ถือเป็นการแข่งขันที่เข้มข้นมาก ฤดูกาลที่ผ่านมา อาการบาดเจ็บของคาร์ริคทำให้ทีมต้องมองหามิดฟิลด์ที่มากด้วยประสบการณ์เข้ามาเสริมทีม ซึ่งชไวน์สไตเกอร์ก็ได้มาพร้อมกับผลงานในอดีตที่โดดเด่น ชไนเดอร์ลินกับเอร์เรร่าก็เป็นนักเตะประเภทครบเครื่อง ขณะที่บลินด์และเฟลไลนี่ก็มีความหลากหลาย การที่มีนักเตะมิดฟิลด์มากมายขนาดนี้น่าจะส่งผลดีต่อทีมที่จะมีโปรแกรมให้ลงเล่นมากกว่าเดิม หากว่าได้กลับไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีกในรอบแบ่งกลุ่ม
6. แชมเปี้ยนส์ ลีกกลับมาแล้ว...
... โอเค เราจะไม่มองกันไปไกลนัก ที่จริงมันก็มีรอบเพลย์-ออฟที่ไม่ง่ายกับคลับ บรูชรออยู่ข้างหน้า ก่อนที่รอบแบ่งกลุ่มจะมีการจับฉลากขึ้นในวันที่ 27 สิงหาคม และการแข่งขันจริงจะเริ่มต้นขึ้นในเดือนกันยายน นักเตะเองก็ตั้งใจกับตรงนี้มาก ฆวน มาต้า ซึ่งทำได้แค่นั่งชมเกมแชมเปี้ยนส์ ลีกยอมรับว่ามันเป็นอะไรที่น่าเศร้า "คุณต้องการที่จะไปลงเล่นเอง" เขากล่าว "ผมโชคดีที่เคยได้แชมป์รายการนี้มาแล้ว แต่ผมก็ยังกระหายที่จะได้มันมาครองอีก สโมสรแห่งนี้ควรได้ไปเล่นที่นั่น ผมต้องการที่จะลงเล่นในแชมเปี้ยนส์ ลีก" อีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้นเราก็จะได้ฟังเพลงก่อนเกมอันติดหูของแชมเปี้ยนส์ ลีกแล้ว เราคิดถึงมันมากจริงๆ
7. นักเตะดาวรุ่งที่พร้อมกลายเป็นสตาร์ดัง
ฤดูกาลที่แล้วมีนักเตะดาวรุ่ง 7 คนที่ได้ประเดิมสนามกับทีมชุดใหญ่ (ไทเลอร์ แบล็คเก็ตต์, รีซ เจมส์, ไซดี้ ยานโก้, เจสซี่ ลินการ์ด, แพ็ดดี้ แม็คแนร์, อันเดรียส เปเรร่า และ ทอม ธอร์ป) มาในปีนี้ก็น่าจะมีอีกหลายคนที่ได้ก้าวขึ้นมา ขณะที่เปเรร่ากับ เจมส์ วิลสัน ก็ยังเป็นนักเตะที่ถือว่ามีอายุน้อยมากคือ 19 ปี ขณะที่แม็คแนร์อายุ 20 ปี ลุค ชอว์ และ แอดนาน ยานูซาย เองก็เพิ่งพ้นวัยทีนมาไม่นาน นักเตะเยาวชนเหล่านี้ที่ได้ลงเล่นในครึ่งหลังเกมกับบาร์เซโลน่าในช่วงทัวร์ได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขามีฝีเท้าดีขนาดไหน ทั้งนี้มันก็แสดงให้เห็นถึงการให้โอกาสนักเตะเยาวชนของฟาน กัลด้วย