เขานั่งอยู่ที่โรงแรมวอชิงตัน ดีซีเมื่อซัมเมอร์ที่ผ่านมา ไม่กี่สัปดาห์หลังจากที่มีการประกาศแต่งตั้งเป็นผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่างเป็นทางการ หลุยส์ ฟาน กัล ยอมรับว่ามันเป็นความท้าทายครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในอาชีพของเขา
เขาต้องเข้ามารับช่วงต่อทีมที่มีผลงานตกต่ำ ซึ่งนั่นทำให้เป็นงานยากกว่าการเข้ามารับงานในทีมที่ประสบความสำเร็จอยู่แล้วเมื่อปีก่อน ซึ่งอันที่จริงเขาน่าจะเข้ามารับงานต่อจาก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน แทนที่จะเป็น เดวิด มอยส์
มอยส์ต้องเผชิญกับความกดดันในการสานต่องานจากเฟอร์กูสันเป็นคนแรก ในขณะที่ฟาน กัลก็ได้รับประโยชน์จากตรงนี้เหมือนกัน ตรงที่ความกดดันดังกล่าวไปตกอยู่ที่มอยส์ทั้งหมด
10 เดือนในการดำรงตำแหน่งของกุนซือชาวสก็อตกลายเป็นสิ่งที่น่าขายหน้าสำหรับแฟนๆ ส่วนในยุคของฟาน กัล แม้ว่ารูปเกมในสนามจะไม่ได้โดดเด่นอะไรนัก แต่อย่างน้อยแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็แพ้ยากขึ้น อันดับที่ 4 อาจไม่ใช่สิ่งที่แฟนๆ ต้องฉลองกันสักเท่าไหร่ แต่มันก็ยังดีกว่าจบอันดับ 7
แต่มาตอนนี้มันก็ถึงเวลาที่เราจะต้องตัดสินฟาน กัลกันแล้ว หลังจากที่ผ่านมา 14 เดือน เขาซื้อนักเตะเข้ามาถึง 12 คน โดยปล่อยตัวผู้เล่นออกไปเกือบ 30 คน และใช้เงินไปสูงถึง 258.7 ล้านปอนด์อย่างรวดเร็ว
ฟาน กัลได้นำเอาความภาคภูมิใจกลับมาสู่ทีมปีศาจแดงอีกครั้ง ซึ่งนั่นคือสิ่งที่คุณต้องทำเมื่อเข้ามาคุมหนึ่งในสโมสรที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแบบนี้ เขาบุกไปคว้าชัยชนะที่แอนฟิลด์ และเปิดโอลด์ แทรฟฟอร์ดถล่มแมนเชสเตอร์ ซิตี้ราบคาบ
แต่ในบางจุดก็ยังถือว่าดีไม่พอ ความคาดหวังในการกลับมาคว้าแชมป์ของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มกลับมาอีกครั้ง และที่สำคัญคือมันต้องมาพร้อมกับสไตล์การเล่นที่สนุกตื่นเต้นด้วย
จนถึงขณะนี้ผลงานในลีกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังไม่เข้าที่เข้าทาง โดยชัยชนะที่เก็บมาได้ 2 เกมก็มาจากสกอร์ 1-0 และเสียงตะโกน 'บุก, บุก, บุก' จากแฟนๆ ก็จะยังคงหลอกหลอนฟาน กัลต่อไป ไม่ว่าเขาจะพาทีมชนะได้มากกว่า 1-0 หรือไม่ก็ตาม
มันเป็นเรื่องยากที่คุณจะตัดสินผู้จัดการทีมสักคน เพราะมันต้องให้เวลาเขาก่อนในการปรับทัพนักเตะให้เป็นไปในแนวทางที่เขาต้องการ แต่มาตอนนี้ช่วงเวลาฮันนีมูนของฟาน กัลได้จบลงแล้ว เขาได้นักเตะเข้ามาเสริมทัพมากมายตามปรัชญาที่ได้ตั้งใจเอาไว้
แน่นอนว่าความคาดหวังในทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงสูงมาก และเขาก็จำเป็นจะต้องพาทีมยกระดับขึ้นไปสู่มาตรฐานที่สูงกว่านี้ให้ได้โดยเร็ว
