ก่อนที่จะถึงเกมดังกล่าวที่เซลเฮิร์สท พาร์ค เราจะมาย้อนดูชัยชนะที่ทีมปีศาจแดงเคยมีเหนือทีมปราสาทเรือนแก้วกันก่อนดีกว่า...
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 คริสตัล พาเลซ
ดิวิชั่น 1, 11 เมษายน 1973
ถือเป็นชัยชนะครั้งสำคัญที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด มันเป็นเกมที่ทั้งคู่ต่อสู้กันเพื่อหนีตกชั้น ทีมปีศาจแดงบุกไปแพ้ที่เซลเฮิร์สท พาร์คมา 0-5 แล้วก่อนหน้านี้ในฤดูกาล และผู้จัดการทีม แฟร้งค์ โอฟาเรลล์ ก็ถูกปลดออกจากตำแหน่ง 3 วันหลังจากนั้น ทั้งที่เพิ่งคุมทีมมาได้แค่ 18 เดือน ในขณะที่เกมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ประตูจาก ไบรอัน คิดด์ และ วิลลี่ มอร์แกน ช่วยให้ยูไนเต็ดของ ทอมมี่ ด็อคเฮอร์ตี้ ได้รับชัยชนะ ซึ่งสุดท้ายก็รอดพ้นโซนตกชั้น 7 คะแนน ส่วนพาเลซต้องตกชั้นไปในที่สุด
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0 คริสตัล พาเลซ
เอฟเอ คัพ รอบชิงชนะเลิศ นัดรีเพลย์, 17 พฤษภาคม 1990
ชัยชนะที่เวมบลีย์ครั้งนี้ถือเป็นถ้วยแรกจากทั้งหมด 38 ถ้วยใหญ่ที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ทำได้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด และก็ถือเป็นช่วงเริ่มต้นของยุคสมัยที่ยิ่งใหญ่ หลังจากที่เสมอมาในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-3 ในเกมแรก ทีมปีศาจแดงก็กลับมาเอาชนะ 1-0 ในนัดรีเพลย์ ต้องขอบคุณประตูจาก ลี มาร์ติน ซึ่งเป็นลูกที่ 2 และลูกสุดท้ายที่เขาทำได้กับสโมสร อลัน พาร์ดิว ซึ่งคุมทีมพาเลซอยู่ในขณะนี้ก็ได้ลงเล่นให้กับทีมดิ อีเกิ้ลส์ทั้ง 2 เกมดังกล่าวด้วย โดยเขาเป็นคนยิงประตูชัยใส่ลิเวอร์พูลในรอบรองชนะเลิศ
คริสตัล พาเลซ 0-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ ลีก, 21 เมษายน 1993
ประตูจาก มาร์ค ฮิวจ์ส (ลูกที่ 16 ในฤดูกาลของเขา) และ พอล อินซ์ ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเข้าใกล้ตำแหน่งแชมป์ลีกครั้งแรกในรอบ 26 ปี ซึ่งเป็นปีแรกที่การแข่งขันเปลี่ยนชื่อเป็นพรีเมียร์ ลีก อารมณ์ของแฟนๆ ทีมเยือนที่เซลเฮิร์สท พาร์คดูร่าเริงยิ่งขึ้น เมื่อแฟนบอลแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดทราบผลการแข่งขันของแอสตัน วิลล่า คู่แข่งแย่งแชมป์ในตอนนั้น ว่าแพ้ให้กับแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส 0-3 จากนั้นอีก 11 วันถัดมา วิลล่าก็แพ้อีก 0-3 คราวนี้เป็นการแพ้คาบ้านให้ทีมหนีตกชั้นอย่างโอลด์แฮม แอธเลติก และแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ได้ตำแหน่งแชมป์ไปครองตั้งแต่ยังไม่ได้เขี่ยบอลในเกมถัดไป ฤดูกาลนั้นจบลงด้วยการที่ทีมปีศาจแดงอยู่บนยอดของตารางด้วยแต้มห่าง 10 คะแนน
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2-0 คริสตัล พาเลซ
เอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ นัดรีเพลย์, 12 เมษายน 1995
หลังจากเสมอกันที่วิลล่า พาร์คมา 2-2 ทั้งคู่ก็ต้องเตะนัดรีเพลย์กันอีกที่สนามเดิม ทีมปีศาจแดงทำได้ดีกว่าในครั้งนี้ ต้องขอบคุณประตูจาก สตีฟ บรู๊ซ และ แกรี่ พัลลิสเตอร์ โดยรายหลังมีบทบาทสำคัญมาในเกมแรกด้วย เมื่อเขาเป็นคนยิงตีเสมอในช่วงต่อเวลาพิเศษ ช่วยให้ทีมยังคงอยู่ในรายการนี้ แต่ก็น่าเสียดายที่ในรอบชิงฯ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแพ้ให้กับเอฟเวอร์ตันไป 0-1 ด้วยประตูของ พอล ไรด์เอาท์ ที่เวมบลีย์
คริสตัล พาเลซ 1-2 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
พรีเมียร์ ลีก, 9 พฤษภาคม 2015
ชัยชนะช่วงท้ายฤดูกาลที่เซลเฮิร์สท พาร์คเป็นการการันตีว่าทีมปีศาจแดงจะได้กลับไปเตะแชมเปี้ยนส์ ลีกอีกครั้ง มันเป็นฤดูกาลแรกที่ หลุยส์ ฟาน กัล เข้ามาคุมทีม ถือเป็นผลการแข่งขันที่มีความสำคัญมากหลังจากที่พลาดท่าแพ้มา 3 เกมติดให้กับเชลซี, เอฟเวอร์ตัน และเวสต์ บรอมวิช อัลเบี้ยน ก่อนหน้าทริปเยือนลอนดอนใต้ ครึ่งแรก ฮวน มาต้า ยิงจุดโทษได้ แต่ก็มาถูกตีเสมอโดย เจสัน พันเชียน ก่อนที่ มารูยาน เฟลไลนี่ จะมาโขกประตูชัยท้ายเกมช่วยให้ทีมคว้า 3 คะแนนสำคัญ พร้อมจบอันดับท็อป 4 ได้ไปเตะรายการใหญ่ที่สุดของยุโรปได้สำเร็จ (แม้ว่าจะต้องเล่นในรอบคัดเลือกก่อนก็ตาม)
