ผู้ชมในสนาม 67,258 คน
รายการ แคปิตอล วัน คัพ
เวลา 03.00 น. วันพฤหัสบดีที่ 29 ตุลาคม 2558
ผู้ตัดสิน ลี เมสัน
รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดร่วงตกรอบแคปิตอล วัน คัพ ในรอบที่ 4 หลังจากเปิดบ้านแพ้ต่อมิดเดิ้ลสโบรซ์ด้วยการดวลจุดโทษ
หลังจากที่เกมผ่านมา 120 นาทีโดยไม่มีการทำประตู ทีมปีศาจแดงก็มายิงจุดโทษเข้าแค่คนเดียวจาก อันเดรียส เปเรร่า และก็เป็นทีมจากเดอะ แชมเปี้ยนชิพที่คว้าชัยชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-1
หลุยส์ ฟาน กัล ผู้จัดการทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดปรับทัพ 9 ตำแหน่งจากเกมเสมอแมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0-0 โดยเป็น อันเดรียส เปเรร่า, เจสซี่ ลินการ์ด และ เจมส์ วิลสัน ที่ได้โอกาสลงเล่นเพื่อสร้างผลงาน แต่ทีมปีศาจแดงก็ไม่สามารถเจาะแนวรับทีมจากทีส์ไซด์ที่ประสานงานกันได้อย่างยอดเยี่ยมในแนวรับ
เซร์คิโอ โรเมโร่ ที่ลงเฝ้าเสาให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดต้องมาเซฟลูกยิงจาก จอร์จ เฟรนด์ จากนั้นเมมฟิสก็ได้ลองยิงไกลดูบ้าง และ โทมัส ไมยาส ผู้รักษาประตูโบโร่ก็ต้องรับมือกับลูกยิงของวิลสันอีกหลังจากนั้น กิเก้ ได้โอกาสลุ้นบ้าง แต่ก็ยังทำอะไรโรเมโร่ไม่ได้ ขณะที่เฟรนด์ต้องมาบล็อคลูกยิงของ มารูยาน เฟลไลนี่ ในจังหวะที่เขาพักบอลลงได้ในพื้นที่อันตราย
โอกาสดีที่สุดของครึ่งแรกมาจากลูกยิงด้วยเท้าซ้ายของ สจวร์ต ดาวนิ่ง ซึ่งบังคับให้โรเมโร่ต้องพุ่งเซฟแบบสุดสวย ส่วนวิลสันได้รับบาดเจ็บจนต้องเดินกระเผลกเข้าอุโมงค์ในช่วงพักครึ่ง และก็เป็นกัปตัน เวย์น รูนี่ย์ ที่ลงมาเล่นแทนเขาในครึ่งหลัง
ทีมปีศาจแดงได้ลุ้นจากลูกยิงไกลของเมมฟิสที่ไมยาสรับพลาดในจังหวะแรก แต่ก่อนที่บอลจะกลิ้งข้ามเส้นประตู เขาก็ตามไปรับเอาไว้ได้ทันเวลา จากนั้นเปเรร่า, เฟลไลนี่ และลินการ์ดต่างก็ได้ลองยิง แต่ก็ยังทำอะไรผู้รักษาประตูทีมเยือนไม่ได้
ดาลี่ย์ บลินด์ มาสกัดบอลพลาดเข้าประตูตัวเอง แต่ยังดีที่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงว่ากิเก้ล้ำหน้าไปแล้ว ในจังหวะที่เขาหลุดไปยิงผ่านมือโรเมโร่ชนเสากระดอนออกมา จากนั้นบลินด์ก็รอดตัวหวุดหวิดได้อีกในจังหวะที่เขาส่งบอลคืนหลังแล้วสื่อสารผิดพลาดกับโรเมโร่ แต่บอลก็หลุดกรอบออกไปนิดเดียว
หลังจากที่ แกรนท์ ลีดบิตเตอร์ ได้ยิงให้โรเมโร่ต้องออกแรงเซฟ ลูกทีมของฟาน กัลก็มาร้องเอาจุดโทษจากจังหวะที่ มัตเตโอ ดาร์เมียน ครอสบอลไปโดนแขน แดเนียล อายาล่า จากนั้นเกมก็ใกล้จบลง และเข้าสู่ช่วงต่อเวลาพิเศษ ลินการ์ดได้ลากบอลไปยิง แต่ก็ยังไม่ผ่านมือไมยาส ขณะที่โรเมโร่ก็ต้องป้องกันลูกยิงจากลีดบิตเตอร์และดาวนิ่งด้วยเช่นกัน
ช่วงต่อเวลาพิเศษ เฟลไลนี่ไม่สามารถโขกลูกครอสของเปเรร่าได้ถนัดนัก เนื่องจากถูกกดดันจากทั้งเฟรนด์และไมยาส จากนั้นทั้งตัวเขาเองและ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล ก็ได้โอกาสลุ้นด้วยกันทั้งคู่จากการโหม่ง แต่บอลก็ยังไม่เข้ากรอบ นั่นทำให้เกมต้องไปตัดสินกันด้วยการดวลจุดโทษ
มีเพียงแค่เปเรร่าคนเดียวเท่านั้นที่ยิงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้ ขณะที่ทางฝั่งโบโร่มีคนพลาด 1 คนคือ เดวิด นูเจนท์ ทั้ง เวย์น รูนี่ย์, ไมเคิล คาร์ริค และ แอชลี่ย์ ยัง ต่างก็ยิงจากระยะ 12 หลาพลาดด้วยกันทั้งหมด ทำให้ประตูของลีดบิตเตอร์, ดาวนิ่ง และ เบน กิ๊บสัน ช่วยให้ทีมเยือนบุกมาคว้าชัยชนะกลับออกไปได้จากค่ำคืนอันแสนยาวนานที่เมืองแมนเชสเตอร์
สถิติ
|
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
| ผู้ทำประตู | |
| แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | มิดเดิ้ลสโบรซ์ |
| สถิติ | |
| แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | มิดเดิ้ลสโบรซ์ |
| 13(6) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 7(6) |
| 12 | ฟาวล์ | 7 |
| 8 | เตะมุม | 4 |
| 0 | ล้ำหน้า | 0 |
| 0 | ใบเหลือง | 0 |
| 0 | ใบแดง | 0 |
| 56% | การครองบอล | 44% |
