นี่คือ5 สิ่งที่เราได้เรียนรู้จากเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดบุกแพ้โวล์ฟสบวร์ก 3-2 เมื่อคืนวันอังคารที่ผ่านมา...
ตกลงแล้วแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะเล่นกันแบบไหน?
ตลอดหลายเดือนที่ผ่านมา สิ่งที่เราได้เห็นก็คือการเล่นแบบเน้นปลอดภัยไว้ก่อนในแนวรับ นานๆ ทีถึงจะได้เปิดเกมบุก แต่มาในเกมนี้ทุกอย่างเป็นไปตรงกันข้าม แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเล่นกันอย่างรวดเร็วในแดนหน้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในครึ่งแรก แต่กลับกลายเป็นว่าแผงหลังรั่วเอามากๆ ทำให้โวล์ฟสบวร์กหาช่องเล่นงานได้อยู่ตลอดเวลา อันที่จริงการเล่นแบบนี้ก็ถือว่าน่าตื่นเต้นขึ้นมาหน่อย เมื่อเทียบกับที่ผ่านมาตลอดฤดูกาล แต่ก็ต้องยอมรับว่าทีมยังทำได้ดีไม่พอ
หลุยส์ ฟาน กัลกำลังอยู่ในสภาวะกดดันอย่างหนัก
แน่นอนว่า หลุยส์ ฟาน กัล คงไม่ถูกไล่ออกในเร็วๆ นี้ แต่เชื่อได้เลยว่าบอร์ดบริหารของสโมสรคงไม่ปลื้มกับการตกรอบแชมเปี้ยนส์ ลีกเร็วแบบนี้แน่ ถือเป็นเรื่องจำเป็นที่เขาจะต้องพิสูจน์ฝีมือให้เห็นแล้วว่าคู่ควรที่จะอยู่คุมทีมต่อไปอีกปีตามสัญญาที่เซ็นไว้ เพราะในช่วงซัมเมอร์ปีหน้าก็จะมีผู้จัดการทีมฝีมือดีที่ว่างพร้อมเสียบอยู่อย่างเช่น คาร์โล อันเชล็อตติ หรือ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า
กลุ่มนักเตะชุดนี้ไม่แข็งแกร่งเพียงพอ
จริงอยู่ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมีนักเตะบาดเจ็บมากมาย แต่ตัวผู้เล่นทดแทนก็ควรจะต้องมีประสิทธิภาพกว่านี้ เกมที่ผ่านมาฟาน กัลจำเป็นต้องส่ง นิค พาวล์ ลงสนาม ทั้งที่เขาไม่มีส่วนร่วมกับทีมชุดใหญ่มานานกว่าปีแล้ว ย้อนไปเมื่อต้นฤดูกาลถือว่าน่าแปลกใจเหมือนกันที่ฟาน กัลตัดสินใจปล่อยตัวนักเตะดีๆ หลายคนออกไป และผลกระทบก็เห็นได้ชัดเจนแล้วในตอนนี้
ยังพอมีสิ่งดีๆ ให้เห็นอยู่บ้าง
อาจเป็นค่ำคืนที่น่าผิดหวัง แต่ก็เป็นค่ำคืนที่ลืมไม่ลงสำหรับผู้เล่นอ่อนประสบการณ์บางคนที่ได้รับโอกาสลงสนาม กิเยร์โม่ บาเรล่า และ คาเมรอน บอร์ธวิค-แจ็คสัน เพิ่งเคยลงเล่นกับทีมชุดใหญ่ไปแค่คนละเกมสองเกมเท่านั้น แต่มาในแมตช์นี้ ทั้งคู่ก็ถือว่าทำผลงานใช้ได้ บาเรล่าเล่นได้ตามเกมของเขา หลังจากที่มีออกอาการประหม่าให้เห็นในช่วงต้นเกม ขณะที่บอร์ธวิค-แจ็คสันก็ทำได้ดี หวังว่าทั้ง 2 คนจะไม่เกิดแผลเป็นในใจจากการตกรอบในนัดประเดิมสนามเกมยุโรปแบบนี้
ถ้าคว้าแชมป์ยูโรปา ลีกได้ก็จะดีมาก
ถ้วยนี้ไม่ใช่เป้าหมายอันดับแรกของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด แต่ถ้ามีโอกาสได้มาเตะยูโรปา ลีกแล้วก็ควรต้องพยายามคว้าแชมป์ให้ได้ ต้องยอมรับว่าสภาพทีมของฟาน กัลตอนนี้ไม่ดีพอที่จะต่อกรกับทีมยักษ์ใหญ่อื่นๆ ในแชมเปี้ยนส์ ลีกได้ แต่ถ้าเป็นถ้วยเล็กรายการนี้ก็ถือว่าพอฟัดพอเหวี่ยง ซึ่งบางทีกุนซือชาวดัตช์ก็อาจพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสก็ได้ อยู่ที่ว่าเขาจะเอาจริงหรือเปล่าเท่านั้นเอง
