ผู้ชมในสนาม 24,560 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 23.30 น. วันเสาร์ที่ 27 สิงหาคม 2559
ผู้ตัดสิน โจนาธาน มอสส์

รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดปิดฉากก่อนช่วงพักเบรกเกมมชาติด้วยชัยชนะ สานต่อสถิติ 100 เปอร์เซ็นต์เต็มในพรีเมียร์ ลีกจนถึงขณะนี้ และก็มีที่มาจากประตูสุดดราม่าในช่วงท้ายเกม ซึ่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลุกจากม้านั่งสำรองมาซัดชัยให้กับทีมปีศาจแดง
ถือเป็นแมตช์ที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดครองเกมเหนือกว่าโดยสิ้นเชิง แต่ก็ต้องรอจนถึงช่วงทดเจ็บสำหรับประตูแรกของเกม เมื่อการเล่นที่ยอดเยี่ยมทางริมเส้นฝั่งซ้ายของ เวย์น รูนี่ย์ มาจบลงด้วยการแปโล่งๆ เข้าไปของแรชฟอร์ด
โชเซ่ มูรินโญ่ ยังเชื่อใจ 11 ผู้เล่นชุดเดิมที่เอาชนะเซาแธมป์ตันแบบน่าประทับใจ 2-0 เมื่อ 8 วันก่อนหน้า ขณะที่ตัวสำรองทั้ง 7 คนก็ไม่มีเปลี่ยนเช่นกัน ทีมปีศาจแดงต้องเจอกับฮัลล์ ซิตี้ที่ดูเหมือนต้องเสี่ยงหนีตกชั้น หากว่าไม่สามารถคว้าตัวผู้เล่นใหม่ๆ เข้ามาได้ในช่วงซัมเมอร์ แต่พวกเขาก็มีสถิติที่ดีก่อนเกมกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เมื่อคว้าชัยมาได้ทั้ง 2 เกมเช่นกัน
นักเตะที่อันตรายที่สุดในทีมชุดนี้ของมูรินโญ่อย่าง ซลาตัน อิบราฮิโมวิช มาได้โอกาสแรกของเกมในนาทีที่ 10 เมื่อเขาขึ้นโขกข้ามคานออกไปนิดเดียวเท่านั้น จากการครอสเข้ามาให้ของ อ็องโตนี่ มาร์กซิอัล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเหนือกว่าอย่างชัดเจน แต่โอกาสแบบจะแจ้งก็มีให้เห็นน้อยมาก ปอล ป็อกบา ได้ลองยิง และ ฮวน มาต้า ได้ซัดฟรีคิก ทั้ง 2 ลูกนั้นตรงกรอบ แต่ก็ไม่สามารถสร้างความหนักใจให้กับผู้รักษาประตู เอลดิน ยาคูโปวิช ได้เลย อย่างไรก็ตาม นายด่านของฮัลล์ ซิตี้ก็ต้องขอบคุณกัปตันของเขาอย่าง เคอร์ติส เดวีส ที่ช่วยบล็อคลูกยิงจ่อๆ ของรูนี่ย์บนเส้นประตูในนาทีที่ 37 หลังจากที่มาต้าทำเกมขึ้นมาอย่างสุดสวย
ก่อนที่ อาเบล เฮอร์นานเดซ จะได้ยิงให้กับเจ้าถิ่น อิบราฮิโมวิชก็น่าจะช่วยให้ทีมปีศาจแดงขึ้นนำอีกครั้ง เมื่อเขาเข้าถึงลูกเปิดฟรีคิกของรูนี่ย์ แต่ลูกเกี่ยวหลบผู้รักษาประตูของเขาก็ทำให้เหลือมุมแคบ ก่อนที่จะตอกส้นถากเสาออกไปอย่างน่าเสียดาย
ครึ่งหลังรูปเกมยังคงเป็นแบบเดิม และสกอร์ก็ยังคงถูกปิดตายเอาไว้ที่ 0-0 ขณะที่เวลาเดินทางมาครบชั่วโมง ก่อนที่มูรินโญ่จะตัดสินใจส่งเอา เฮนริกห์ มคิตาร์ยาน ลงมาเล่นแทนมาร์กซิอัลในแนวรุก
นักเตะชาวอาร์เมเนียสร้างผลงานได้ในทันทีด้วยลูกจ่ายแบบได้เสีย การเคลื่อนที่ที่ดี และการเติมเกมรุกที่ช่วยยกระดับเกมของทีมปีศาจแดง แต่ทีมเดอะ ไทเกอร์สก็ยังตั้งรับกันได้อย่างเหนียวแน่น แถมเกือบจะมายิงขึ้นนำได้อีกต่างหาก เมื่อลูกยิงของ ทอม ฮัดเดิลสตัน ไปแฉลบ เอริค ไบญี่ เปลี่ยนทางออกหลังไปแค่นิดเดียวเท่านั้น
เกมรุกเริ่มอันตรายมากขึ้นเมื่อแรชฟอร์ดถูกส่งลงสนามในช่วง 19 นาทีสุดท้าย และหลังจากที่รูนี่ย์กับป็อกบาต่างก็ได้ลองส่องไกลหลุดกรอบ ดาวยิงวัย 18 ปีก็มาบังคับให้ยาคูโปวิชต้องงัดฟอร์มเซฟ จากการลากไปยิงเล่นทางอย่างชาญฉลาด
ฮัลล์ ซิตี้เกือบจะเสียประตูจากการทำเข้าประตูตัวเองถึง 2 ครั้ง เมื่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มเปิดเกมกดดันอย่างหนัก ป็อกบามายิงลูกปั่นโค้งในช่วง 2 นาทีก่อนครบเวลาปกติ แต่บอลก็เลี้ยวไปเข้าข้างตาข่ายด้านนอกอีกอยู่ดี
ดูเหมือนว่าทีมปีศาจแดงจะต้องทำใจกับการเก็บได้แค่คะแนนเดียวแล้ว จนกระทั่งความยอดเยี่ยมทางริมเส้นฝั่งซ้ายของรูนี่ย์จะเป็นที่มาให้แรชฟอร์ดได้แปโล่งๆ ระยะ 3 หลาเข้าไปท่ามกลางความดีใจของทุกคนในเสื้อสีแดง จากนั้นเกมก็จบลงที่สกอร์ 1-0 ถือเป็นชัยชนะของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดในแบบคลาสสิค และเป็นเหตุการณ์อันน่าจดจำอีกครั้งในอาชีพค้าแข้งอันน่าตื่นเต้นของเด็กหนุ่มที่ชื่อว่าแรชฟอร์ด
สถิติ
|
|
ผู้ทำประตู | |
ฮัลล์ ซิตี้ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
มาร์คัส แรชฟอร์ด น.90 |
สถิติ | |
ฮัลล์ ซิตี้ | แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด |
8(2) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 29(9) |
9 | ฟาวล์ | 6 |
1 | เตะมุม | 7 |
0 | ล้ำหน้า | 1 |
2 | ใบเหลือง | 3 |
0 | ใบแดง | 0 |
38% | การครองบอล | 62% |