ผู้ชมในสนาม 75,256 คน
รายการ พรีเมียร์ ลีก
เวลา 18.30 น. วันเสาร์ที่ 24 กันยายน 2559
ผู้ตัดสิน ไมค์ ดีน
รีพอร์ต
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดกลับสู่เส้นทางแห่งชัยชนะในพรีเมียร์ ลีก หลังจากที่ยิง 4 ประตูในครึ่งแรก ซึ่งทำให้ทีมปีศาจแดงเอาชนะแชมป์เก่าอย่างเลสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 4-1 ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด
คริส สมอลลิ่ง โหม่งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดออกนำในนาทีที่ 22 จากลูกเตะมุมของ ดาลี่ย์ บลินด์ ก่อนที่ ฮวน มาต้า จะซัดให้ทีมปีศาจแดงทิ้งห่างในนาทีที่ 37 จากนั้นลูกเตะมุมของบลินด์ก็มาเข้าทางมาต้า ซึ่งจ่ายต่อให้ มาร์คัส แรชฟอร์ด แปจ่อๆ เป็นลูกที่ 3 และ ปอล ป็อกบา มายิงเป็น 4-0 ในช่วง 3 นาทีก่อนหมดครึ่งแรก ซึ่งก็ถือเป็นประตูแรกที่เขายิงให้กับสโมสรได้ในทีมชุดใหญ่ด้วย
เดมาราย เกรย์ มายิงให้ทีมเยือนไล่ขึ้นมาด้วยประตูสุดสวยในนาทีที่ 14 ของครึ่งแรก แต่หลังจากนั้นก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่คว้า 3 คะแนนที่ต้องการได้สำเร็จ
ตามที่คาดกันไว้ โชเซ่ มูรินโญ่ ได้ปรับทัพจากทีมชุดชนะนอร์ธแฮมป์ตัน ทาวน์เมื่อกลางสัปดาห์ โดยนักเตะอย่าง ดาบิด เด เคอา, เอริค ไบญี่, ปอล ป็อกบา และมาต้า ต่างก็ได้กลับมาเป็น 11 ตัวจริงกันอีกครั้ง เช่นเดียวกับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่ยืนค้ำในแดนหน้า ขณะที่กัปตัน เวย์น รูนี่ย์ นั่งเป็นสำรอง
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเริ่มต้นเกมนี้ที่จะเจอกับแชมป์เก่าด้วยความกดดัน หลังพ่ายแพ้มาติดกัน 2 เกมในพรีเมียร์ ลีก และทีมปีศาจแดงก็เริ่มเกมได้ดี โดยครองบอลได้เกือบตลอด อิบราฮิโมวิชทำได้ดีในการประสานงานกับแรชฟอร์ด แต่อดีตผู้รักษาประตูเยาวชนแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่าง รอน-โรเบิร์ต ซีเลอร์ ก็ยังทำหน้าที่ของเขาเอาไว้ได้ดี
ที่อีกฝั่งของสนาม ทีมสุนัขจิ้งจอกดูอันตรายในการสวนกลับ ครั้งแรกจากการยิงของเด็กอคาเดมี่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดอย่าง แดนนี่ ดริงค์วอเตอร์ ที่ไปติดบล็อคได้เป็นลูกเตะมุม ก่อนที่ โรเบิร์ต ฮูธ จะซัดข้ามคานจากมุมแคบ
ประตูขึ้นนำของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดมาถึงในนาทีที่ 22 ลูกเตะมุมของบลินด์มาเข้าศีรษะสมอลลิ่งซึ่งกระโดดได้สูงกว่าแนวรับเลสเตอร์ 3 คน ก่อนที่จะโขกผ่านมือซีเลอร์เข้าไป แม้ว่าเขาจะปัดได้ปลายมือ แต่ก็ไม่สามารถหยุดยั้งให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขึ้นนำได้
ไม่กี่นาทีต่อมา แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดน่าจะบวกเพิ่มได้อีก ครั้งแรกเป็นอิบราฮิโมวิชที่ยิงข้ามคาน ก่อนที่แรชฟอร์ดจะยิงพลาดในแบบเดียวกัน ป็อกบาได้ชิพบอลข้ามแนวรับเลสเตอร์แบบสุดคมให้อิบราฮิโมวิช แต่ดาวยิงชาวสวีดิชก็พักอกแล้วตวัดยิงข้ามคานออกไปอีก
ขณะที่เกมผ่านมาครบครึ่งชั่วโมง ป็อกบาก็ได้ยิงไกลจากระยะ 40 หลา แต่ก็ยังไปถูกซีเลอร์ปัดออกหลัง อย่างไรก็ตาม ประตูก็มาเกิดขึ้นจนได้ในนาทีที่ 37 จากการทำชิ่งกันอย่างสวยงามของมาต้า, ป็อกบา และลินการ์ด ก่อนที่รายแรกจะฉลองการลงเป็นตัวจริงนัดที่ 150 ในพรีเมียร์ ลีกของเขาด้วยการซัดผ่านมือซีเลอร์เสียบเสาไกล
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังไม่พอแค่นั้น ลูกเตะมุมเล่นเร็วจากบลินด์ในอีก 3 นาทีถัดมามาเข้าเท้ามาต้า ก่อนที่เขาจะป้ายต่อไปหน้าปากประตูให้แรชฟอร์ดพุ่งสไลด์ส่งบอลเข้าซุกก้นตาข่ายเป็นลูกที่ 3 ของทีมปีศาจแดง
ถ้า 2 ประตูจากลูกเตะมุมของบลินด์ยังไม่พอ เอาลูกที่ 3 ไปอีกเป็นไง? คราวนี้เป็นป็อกบาที่ขึ้นโขกผ่านซีเลอร์เข้าไป ถือเป็นประตูแรกกับทีมปีศาจแดงชุดใหญ่ของเขาด้วย ซึ่งเขาก็ฉลองอย่างมีสไตล์ด้วยการยืนนิ่งด้วยความภาคภูมิใจต่อหน้าแฟนๆ บนอัฒจันทร์ และก็ถือเป็นครึ่งแรกที่ทั้งทีมเล่นกันได้ดีทีเดียว
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังคงเปิดเกมบุกต่อในครึ่งหลัง แต่ประตูถัดไปกลับกลายเป็นของทีมเยือน เคลาดิโอ รานิเอรี่ ส่ง แอนดี้ คิง กับเกรย์ลงสนามมาในครึ่งหลัง ซึ่งรายหลังก็เอาชนะเด เคอาจากลูกยิง 35 หลาที่พุ่งเสียบมุมอย่างสุดสวย บางทีนี่อาจเป็นประตูที่สวยที่สุดจนถึงขณะนี้ในฤดูกาลล่าสุดของเลสเตอร์ ซิตี้เลยด้วย
ลินการ์ดได้ยิงข้ามคานในนาทีที่ 65 ก่อนที่อิบราฮิโมวิชจะยิงเลียดไปโดนซีเลอร์ปัดออกหลัง ดูเหมือนทีมปีศาจแดงจะยังมองหาประตูที่ 5 กันอยู่
คิงเกือบซัดลูกที่ 2 ให้เลสเตอร์ ซิตี้ได้ แต่การประสานงานมากับ เจฟฟรี่ย์ ชลุปป์ ก็มาจบลงที่การยิงไปตรงตัวเด เคอา จากนั้นเกรย์ก็เกือบจะทำประตูได้ในแบบเดิมอีกครั้ง แต่คราวนี้นายด่านแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็ทำได้ดีด้วยการพุ่งปัดออกหลังไป
ครึ่งหลังเกมอาจจะดูเงียบๆ ลงไปบ้าง แต่งานเกือบทั้งหมดก็ได้เสร็จสิ้นกันไปแล้วตั้งแต่ครึ่งแรก ซึ่งแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดก็เอาชนะเสียงวิพากย์วิจารณ์ด้วยผลงานในนัดนี้ได้สำเร็จ
สถิติ
|
|
ผู้ทำประตู | |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | เลสเตอร์ ซิตี้ |
คริส สมอลลิ่ง น.22 ฮวน มาต้า น.37 มาร์คัส แรชฟอร์ด น.40 ปอล ป็อกบา น.42 |
เดมาราย เกรย์ น.59 |
สถิติ | |
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | เลสเตอร์ ซิตี้ |
16(7) | ยิงประตู(ยิงตรงกรอบ) | 10(3) |
9 | ฟาวล์ | 12 |
8 | เตะมุม | 6 |
4 | ล้ำหน้า | 1 |
0 | ใบเหลือง | 2 |
0 | ใบแดง | 0 |
67% | การครองบอล | 33% |