สนาม ริเวอร์ไซด์ สเตเดี้ยม, อังกฤษ
ผู้ชมในสนาม 33,308 คน
รายการ เอฟเอ คัพ
เวลา 00.30 น. อาทิตย์ที่ 11 มีนาคม 2550
ผู้ตัดสิน ร็อบ สไตลส์
ลูกจุดโทษของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ช่วยให้แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยังคงมีลุ้นในถ้วยเอฟเอ คัพ โดยช่วยยิงตีเสมอเป็น 2 - 2 ทำให้แมนฯ ยูไนเต็ด ต้องเตะนัดรีเพลย์กับมิดเดิ้ลสโบรซ์ ในวันจันทร์ที่ 19 มีนาคมที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ซึ่งนั่นก็ทำให้สตีฟ แม็คคลาเรน โค้ชทีมชาติอังกฤษต้องปวดหัวเมื่อเขาต้องพาทีมสู้ศึกยูโร 2008 กับอิสราเอลในวันที่ 24 มีนาคม ดังนั้นเขาจึงได้แต่หวังว่านักเตะอย่างแกรี่ เนวิลล์ และเวย์น รูนี่ย์ จะไม่ได้รับบาดเจ็บและฟิตทันลงสนามให้กับทีมชาติ
ในวันนี้แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่มีเอ็ดวิน ฟาน เดอร์ ซาร์ ผู้รักษาประตูมือหนึ่งของทีม เนื่องจากได้รับบาดเจ็บในขณะฝึกซ้อม ทำให้ต้องส่งโทมัสซ์ คุสซ์แซค ลงเล่นแทนและเฟอร์กี้ก็ต้องเพิ่มชื่อ คริส อีเกิ้ลส์ มาในม้านั่งสำรอง ซึ่งก็หมายความว่าทีมปีศาจแดงจะไม่มีผู้รักษาประตูสำรองในนัดนี้
แมนฯ ยูไนเต็ด ได้ประตูขึ้นนำก่อนในนาทีที่ 23 จากลูกยิงของเวย์น รูนี่ย์ แต่ก่อนหมดครึ่งแรก ลี แคทเตอร์โมล ก็วอลเล่ย์บอลให้มิดเดิ้ลสโบรซ์ ตามตีเสมอได้
เริ่มครึ่งหลังเพียง 2 นาที จอร์จ บัวเต็ง ก็โหม่งทำประตูขึ้นนำให้เดอะ โบโร่ แต่แล้วก็เป็นบัวเต็ง เองที่ทำแฮนด์บอลให้เขตโทษ และทำให้ทีมเสียจุดโทษในนาทีที่ 66 และโรนัลโด้ก็สังหารจุดโทษไม่พลาดทำให้เสมอกันไป 2 - 2
เริ่มครึ่งแรก ทีมเจ้าบ้านก็ทักทายก่อนจากการเปิดบอลของ ฮูลิโอ อาร์ก้า ให้กับ สจวร์ต ดาวนิ่ง แต่คุสซ์แซคก็ออกมาคว้าบอลจากเท้าเขาไว้ได้ทัน
หลังจากนั้นแมนฯ ยูไนเต็ด ก็เริ่มบุกและครองเกมได้มากขึ้น จนกระทั่งนาทีที่ 23 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ได้ประตูขึ้นนำ จากการเปิดบอลที่สวยงามจากฝั่งซ้ายของไรอัน กิ๊กส์ ไปให้กับเวย์น รูนี่ย์ ซึ่งยิงบอลเรียดเสียบเสาใกล้เข้าประตูไป แมนฯ ยูไนเต็ด ขึ้นนำ 1 - 0
อีก 6 นาทีถัดมามิดเดิ้ลสโบรซ์ เกือบตีเสมอได้ เมื่อยาคูบู หนีการประกบของริโอ เฟอร์ดินานด์ ไปได้และได้ยิง แต่คุสซ์แซค พุ่งปัดบอลไว้ได้
หลังจากนั้นกิ๊กส์ ก็เกือบทำประตูที่สองให้กับทีมได้ เมื่อเขาได้จังหวะยิงจากลูกเปิดของแกรี่ เนวิลล์ แต่บอลก็ชนเสาออกไป
และเมื่อถึงนาทีสุดท้ายของครึ่งแรกมิดเดิ้ลสโบรซ์ ก็ตีเสมอได้ จากจังหวะที่คุสซ์แซคสกัดบอลไม่ขาด ไปเข้าทางอาร์ก้า ได้โหม่งบอลกลับมาในโซนอันตรายให้กับแคทเตอร์โมล ซึ่งจับบอลอย่างยอดเยี่ยมก่อนที่จะวอลเล่ย์เข้าประตูไป ตีเสมอเป็น 1 - 1
เริ่มครึ่งหลังเพียง 2 นาทีทีมเจ้าบ้านก็ได้ประตูขึ้นนำ จากลูกเตะมุมของ ดาวนิ่ง ไปให้กับบัวเต็ง ซึ่งไม่มีใครประกบ ได้โหม่งบอลโล่งๆ เข้าประตูไป ทีมเจ้าบ้านขึ้นนำ 2 - 1
หลังจากนั้น รูนี่ย์ ก็ถูกทำฟาล์วในเขตโทษโดย สจวร์ต พาร์นาบี้ แต่ผู้ตัดสินไม่ให้เป็นจุดโทษ และโบกมือให้เล่นต่อ
แต่แล้วในนาทีที่ 68 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ตีเสมอได้ จากจังหวะที่บัวเต็ง ทำแฮนด์บอลในกรอบเขตโทษ และผู้ตัดสินร็อบ สไตลส์ ก็ไม่ลังเลที่จะชี้ไปที่จุดโทษ และโรนัลโด้ก็รับหน้าที่สังหารจุดโทษเข้าไป แมนฯ ยูไนเต็ด ตีเสมอได้ 2 - 2
หลังจากนั้นทั้งสองทีมก็ยังคงทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง แต่ก็ทำอะไรกันไม่ได้จบเกมเสมอกันไป 2 - 2 ทำให้ต้องไปเตะนัดรีเพลย์ในวันที่ 19 มีนาคม (บรรยายเกมโดย โอปอล)
รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
มิดเดิ้ลสโบรซ์
มาร์ค ซวาร์เซอร์ 1
สจวร์ต พาร์นาบี้ 2
โจนาธาน วู้ดเกต 8
เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ 12
แอนดรูว์ เทยเลอร์ 33
ฮูลิโอ อาร์ก้า 3
ลี แคทเตอร์โมล 27 (

จอร์จ บัวเต็ง 7 (

สจวร์ต ดาวนิ่ง 19
อาเย็คเบนี่ ยาคูบู 20
มาร์ค วิดูก้า 9
สำรอง
แบรดลี่ย์ โจนส์ 22
อาเบล ซาเวียร์ 17
เจมส์ มอร์ริสัน 25


เจสัน ยูลล์ 16


ลี ดองกุ๊ก 18


แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
โทมัสซ์ คุสซ์แซค 29
แกรี่ เนวิลล์ 2
ริโอ เฟอร์ดินานด์ 5
เนมานย่า วิดิช 15
กาเบรียล ไฮน์เซ่ 4
จอห์น โอเชีย 22
คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 7 (

ไมเคิล คาร์ริค 16
ไรอัน กิ๊กส์ 11
เวย์น รูนี่ย์ 8 (

เฮนริก ลาร์สสัน 17 (

สำรอง
เวส บราวน์ 6
คีแรน ริชาร์ดสัน 23
คริส อีเกิ้ลส์ 33
พาร์ค จีซุง 13
อลัน สมิธ 14
สถิติของเกม
มิดเดิ้ลสโบรซ์ ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 6, ยิงหลุดกรอบ 3, โดนบล็อค 5, เตะมุม 6, ฟาวล์ 16, การครองบอล 42%
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ประตู 2, ยิงตรงกรอบ 3, ยิงหลุดกรอบ 9, โดนบล็อค 4, เตะมุม 7, ฟาวล์ 10, ล้ำหน้า 2, ใบเหลือง 1, การครองบอล 58%
คะแนนความสามารถ
มิดเดิ้ลสโบรซ์ มาร์ค ซวาร์เซอร์ 6, สจวร์ต พาร์นาบี้ 7, โจนาธาน วู้ดเกต 7, เอ็มมานูเอล โปกาเตทซ์ 7, แอนดรูว์ เทยเลอร์ 6, ฮูลิโอ อาร์ก้า 9, ลี แคทเตอร์โมล 8, จอร์จ บัวเต็ง 7, สจวร์ต ดาวนิ่ง 6, อาเย็คเบนี่ ยาคูบู 6, มาร์ค วิดูก้า 7, เจมส์ มอร์ริสัน (สำรอง) 6, เจสัน ยูลล์ (สำรอง) 5, ลี ดองกุ๊ก (สำรอง) 5
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด โทมัสซ์ คุสซ์แซค 7, แกรี่ เนวิลล์ 7, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 7, เนมานย่า วิดิช 7, กาเบรียล ไฮน์เซ่ 6, จอห์น โอเชีย 6, คริสเตียโน่ โรนัลโด้ 8, ไมเคิล คาร์ริค 6, ไรอัน กิ๊กส์ 7, เวย์น รูนี่ย์ 7, เฮนริก ลาร์สสัน 6