Home


ลง บทความ, textlink ติดต่อ info@redarmyfc.com


บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศาสตร์

อัพเดทข่าว พูดคุยสนทนา เกี่ยวกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด

บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศาสตร์

โพสต์โดย eak_na_thong » อังคาร พ.ย. 17, 2015 18:55

เอาหละ ผมขอเริ่มต้นบทความด้วยประโยคนี้

"แมนยูชุดปัจจุบัน คือ สิ่งที่เซอร์เคยคาดหวัง และแฟนๆเคยต่อต้าน"

ฟังแล้วดูน่าแปลกใจใช่มั้ยครับ?

เพราะเวลาเราพูดถึงการทำทีมของท่านเซอร์ เราจะนึกถึงเกมรุกที่จัดจ้าน ระบบปีกสอข้างที่พร้อมจะฉีกกองหลังคู่แข่งออกเป็นชิ้นๆ และคู่หูกองหน้าจอมถล่มประตู ซึ่งแตกต่างจากทีมแมนยูในยุคหลุยส์ ฟานฮาล อย่างสิ้นเชิง


รูปภาพ

จุดเริ่มต้น

ย้อนกลับไปปี 2000 หนึ่งปีถัดจากยุคทองของยูไนเต็ด ที่สามารถคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ได้ในฤดูกาล1998-99
แมนเชสเตอร์ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ด้วยการเดินหน้าคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกในปีนั้น ด้วยคะแนนนำห่างทีมอันดับสองอย่างอาร์เซน่อลถึง 18คะแนน พร้อมกะหน่ำประตูไปได้มากถึง97ลูกใน38เกม
แต่ถึงกระนั้นแมนยูก็ไม่สามารถเข้าไปป้องกันแชมป์ในเวทีUCLได้สำเร็จ หลังจากแพ้ให้กับเรอัล มาดริดในรอบ8ทีมสุดท้าย

รูปภาพ

ในเลกแรก ทั้งสองทีมเสมอกันไป 0-0และเป็นมาดริดที่ครองเกมบุกได้เป็นส่วนใหญ่ จากนั้นเลกที่สอง เรอัลมาดริดของเดล บอสเก้ ที่ไปเยือนโอล์ดทราฟฟอร์ดด้วยระบบ 3-3-2-2 ส่วนแมนยูใช้ระบบ4-4-2เหมือนกับเลกแรก โดยเกมนี้แมนยูมีโอกาสยิงไปทั้งหมด15ครั้ง ส่วนมาดริดมีโอกาสยิงเพียง5ครั้งเท่านั้น แต่สุดท้ายกลายเป็นฝ่ายทีมเยือนที่สามารถเอาชนะไปได้ด้วยสกอร์ 3-2 โดยลูกแรกมาจากการสกัดเข้าประตูตัวเองของรอย คีน และอีกสองประตูของมาดริด มาจากการเล่นเกมสวนกลับและการจบสกอร์ที่ยอดเยี่ยมของราอูล
จบเกมนัดนั้น เซอร์ได้ให้สัมภาษณ์ว่า


"One of the forceful reminders delivered by that defeat was that consistent success in Europe would be more readily achieved if we improved our capacity to defend against the counterattack"

“สิ่งที่ได้จากความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ บอกให้เรารู้ว่า หากเราต้องการจะประสบความสำเร็จในเวทียุโรป เราจะต้องแก้ไขการป้องกันลูกสวนกลับให้ดีกว่านี้” –เซอร์ อเล็ก เฟอร์กูสัน


เซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันได้ยอมรับและกล่าวโทษตัวเอง ที่ไม่คิดว่ามาดริดจะใช้แผน3-3-2-2 โดยมี “เรดอนโด้” เล่นเป็นมิดฟิล์ดตัวกลางเพียงคนเดียว


"If I had altered the team early to a 4-3-3 … I am sure we could have won handily, I know that, and could kick myself for delaying the change."

“ถ้าหากเราเปลี่ยนไปเล่น 4-3-3 ผมมั่นใจว่าชัยชนะจะเป็นของเรา ,แต่มันก็สายไปแล้ว ผมหละอยากเตะตัวเองสักครั้งจริงๆ”



จากบทสัมภาษณ์นี้ มันค่อนข้างชัดเจน ท่านเซอร์ได้ตระหนักแล้วว่า ลำพังแผน4-4-2ไม่สามารถเอาชนะรูปแบบการเล่นที่หลากหลาย และแทคติกที่ซับซ้อนของทีมในยุโรปได้ และนี่เองที่เป็นจุดเริ่มต้นของการเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่

รูปภาพ

[spoil][อ้างอิงจาก: http://www.theguardian.com/football/blo ... -evolution]
ดูคลิปย้อนหลังได้ที่นี่ http://www.dailymotion.com/video/xxi85e ... half_sport[/spoil]

ในฤดูกาล2001-2002 เป็นปีของการลองผิดลองถูก โดยเซอร์อเล็ก เฟอร์กูสันได้นำเข้านักเตะอย่าง Juan Sebastian Veron และ Ruud Van Nistelrooy เพื่อปรับจากเกมที่เน้นใช้พละกำลัง มาเป็นเกมที่มีรูปแบบการเข้าทำที่ลงลึกในรายละเอียดมากกว่าเดิม
อีกทั้งยังเปลี่ยนจากระบบ 4-4-2 มาเป็น 4-5-1 โดยใช้คู่กลางเป็น รอย คีน และ เวรอน และให้พอล สโคล ยืนเป็นมิดฟิลด์ตัวรุก คอยซัพพอร์ทหน้าเป้าอย่าง รุด ฟาน นิสเตลรอย

แต่ดูเหมือนว่าการปรับระบบครั้งนี้ มันอาจจะต้องใช้เวลาสักหน่อย
ในฤดูกาลนั้นแมนยูภายใต้ระบบใหม่ที่ท่านเซอร์ ทำผลงานกันได้อย่างย่ำแย่
โดยช่วงก่อนคริสมาสต์ พวกเขาแพ้ไปแล้วถึง10เกมในพรีเมียร์ลีก
และจบฤดูกาลด้วยอันดับสามเท่านั้น แถมโดนบาร์เยิร์น มิวนิค เขี่ยตกรอบ8ทีมสุดท้ายในถ้วยUCLอีก

คาร์ลอส กีย์รอซ ฟันเฟืองชิ้นสำคัญ

ในปี2002 กระบวนการปรับโฉมทีมยังคงดำเนินต่อไป ถึงแม้จะมีกระแสต่อต้านจากแฟนบอลก็ตาม แต่ท่านเซอร์ก็ยังไม่ลดละความพยายามที่จะปรับสไตล์การเล่นให้พอฟัดกับทีมในยุโรปได้
โดยคราวนี้ อาศัยตัวช่วย ด้วยการนำโค้ช ผู้ได้ชื่อว่าเป็น "โค้ชแห่งฟุตบอลสมัยใหม่" เข้ามาเป็นมือขวา

คาร์ลอส กีย์รอซ เข้ามารับตำแหน่งมือขวาในฤดูกาล2002-2003 และสามารถพาทีมคว้าแชมป์ได้สำเร็จ
(และฤดูกาลนี้เป็นฤดูการสุดท้าย ของ เดวิด เบ็คแฮม )

ปี2003-2004 กีย์รอซย้ายไปคุมทีมมาดริดได้เพียงฤดูกาลเดียว ก็ถูกปลด เพราะจบฤดูกาลด้วยอันดับ4เท่านั้น

ปี2004-2005 แมนยูพลาดแชมป์ให้กับเชลซี โดยมีคะแนนตามหลังแค่3คะแนน

รูปภาพ

จุดสิ้นสุดยุคเดิม และเริ่มต้นเข้าสู่ยุคใหม่

กีย์รอซ มีบทบาทสำคัญในช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นอย่างมาก เขาพยายามปรับรูปแบบการซ้อม ให้เน้นซ้อมเล่นบอลกับพื้นมากขึ้น ฝึกการเข้าทำ
แต่ดูเหมือนผู้เล่นจะไม่ค่อยแฮปปี้กับรูปแบบการซ้อมที่ดูน่าเบื่อสักเท่าไหร่ และแน่นอนตัวก่อหวอดก็ไม่ใช่ใครที่ไหน "รอย คีน" คู่กรณีของ คาร์ลอส กีย์รอซ นั่นเอง

"พวกเราเบื่อรูปแบบการฝึกซ้อมของเขา"-Gary Nevile
คำพูดที่เนวิลล์บอกกับเซอร์หลังเหตการณ์ที่รอย คีน ทะเลาะกับกีย์รอซ เพราะไม่พอใจเรื่องบ้านพักที่กีย์รอซเป็นคนจัดเตรียมไว้ให้ช่วงปรีซีซั่น2005/2006 ซึ่งเนวิลล์เป็นตัวแทนในการประชุมทีมในวันนั้น ประโยคดังกล่าวเป็นสิ่งที่บ่งบอกว่า พวกเขาไม่แฮปปี้กับแท็คติกและเซสชั่นการซ้อมของคาร์ลอส กีย์รอซ

"รอย คีน มีอิทธิพลอย่างมากในห้องแต่งตัวของเรา และผมเชื่อว่าเขาได้ใช้อิทธิพลนั้นพยายามเปลี่ยนแปลงสถานการณ์"
"พวกคุณฟังผมนะ กีย์รอซนั้นเป็นโค้ชและผู้ฝึกสอนที่ยอดเยี่ยม มันก็จริงที่เขาอาจจะจัดตารางการออกกำลังซ้ำๆซากๆ
แต่นั่นแหละที่ทำให้คุณเป็นนักฟุตบอลที่ดี มันคือพลังแห่งกิจวัตรที่เกิดจากการเฝ้าทำทุกๆวัน" - จากหนังสือ Alex Ferguson: My Autobiography



หลังเหตุการณ์ในตอนนั้น เซอร์ตัดสินใจขับไล่ รอย คีน ออกจากทีม นั่นเป็นสิ่งที่ช่วยยืนยันว่า ท่านเซอร์มีความเชื่อมั่นในตัวของคาร์ลอส กีย์รอซอย่างมาก
ถึงแม้แทคติกที่กีย์รอซนำมาติดตั้งให้ จะเป็นสิ่งที่ถูกต่อต้านจากนักเตะ และแฟนบอลก็ตาม แต่ท่านเซอร์ก็ยังคงเชื่อมั่นว่า รูปแบบการเล่นที่ทันสมัย จะนำมาซึ่ง ถ้วยรางวัลจากเวทีแชมป์เปี้ยนลีกมาได้อย่างแน่นอน

ในตอนนั้นแฟนบอลรู้สึกโกรธแค้นอย่างมาก โดยมุ่งเป้าโจมตีไปที่สไตล์การเล่นที่เอาแต่ครองบอล แฟนบอลในโอลด์ แทรฟฟอร์ดพร้อมใจกัน ตระโกนว่า
"Four Four Two","Four Four Two"
เพื่อแสดงออกถึงความต้องการที่จะให้เซอร์เฟอร์กี้ กลับมาใช้ระบบ4-4-2เหมือนเดิม

(อ่านถึงตรงนี้ ยิ่งไม่อยากจะเชื่อเลยเนอะ ว่ามั้ย? มันดูเหมือนเหตุการณ์ในตอนนี้มากๆ ที่แฟนๆตะโกน"Attack,Attack"ใส่ทีมของหลุยส์ ฟานฮาล


หลังจากรอย คีนโดนท่านเซอร์ถีบส่ง สื่อต่างๆเริ่มวิพากย์วิจารณ์ และโจมตีกีย์รอซว่าเป็นตัวการที่ทำให้ทีมต้องแตกเป็นเสี่ยงๆ

"กีย์รอซนำระบบ4-5-1มาติดตั้งให้กับยูไนเต็ด ทำให้พวกเขาต้องเจอกับความยากลำบากตลอดอาทิตย์ที่ผ่านมา
และจากสามเกมล่าสุด (เกมกับแมนซิตี้,บียาเรอัล และลิเวอร์พูล) พวกเขายิงตรงกรอบแค่ห้าครั้งเท่านั้น" - Dominic Fifield,The Guardain


"กีย์รอซ คือบุรุษผู้ที่แฟนบอลเย้ยหยัน ว่าเป็นชายผู้ที่เข้ามาพร้อมกับความล้มเหลว" -Johnny Flacks

"พอกันทีสำหรับระบบ4-3-2-1 มันคือการฉีกวัฒนธรรมเดิมๆของสโมสรที่มีมาตั้งแต่ยุค60" -Rob Symth, The Guardian.

ยุคสมัยใหม่ของUnited

การพลาดได้ตัว Robben และ Ronaldinho ทำให้ยูไนเต็ด ต้องหันไปนำเข้านักเตะหนุ่ม อย่าง Rooney และ Ronaldo
คาร์ลอส กีย์รอซพูดเอาไว้ว่า

"อนาคต มันน่าตื่นเต้นเสมอ และผมเชื่อว่า ถ้าหากพวกเราสามารถรักษานักเตะที่ดีที่สุดเอาไว้ได้ เราจะกลายเป็นทีมที่แข็งแกร่ง ไปตลอดอีก10ปี"

หลังจากนั้น กีย์รอซ ก็ยังคงมองหานักเตะใหม่ คนที่เหมาะสมกับระบบการเล่นของเขา เข้ามาสู่ทีมเรื่อยๆ

รูปภาพ

ต่อมาในฤดูกาล 2007-2008 แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมป์เปี้ยนลีก ได้สำเร็จ โดยตลอดเส้นทางการคว้าแชมป์เปี้ยนลีกส์ พวกเขามักจะเลือกใช้ระบบ4-5-1หรือ4-4-1-1กับทีมยุโรป และใช้4-4-2เมื่อเจอทีมพรีเมียร์ลีก

(สังเกตุได้จากการที่พวกเขาใช้แผน4-5-1(4-2-3-1) ในการรับมือกับบาร์ซ่า ในรอบรอง และกลับมาใช้4-4-2ในรอบชิงกับเชลซี(ทีมจากอังกฤษ))

รูปภาพ


เราอาจพูดได้ว่า นี่คือ
"การตกผลึกทางแทคติก"ของท่านเซอร์

เพราะนับจากนั้น เรามักจะเห็นท่านเซอร์ใช้แผน4-4-1-1ในUCLมาตลอด


จบแล้วครับ

เหตุผลนึงที่ผมเลือกบทความนี้มาแปล จริงๆแล้ว ชื่อภาษาอังกฤษของบทความนี้คือ
"LEARNING FROM THE PAST: LOUIS VAN GAAL & CARLOS QUEIROZ"
บทเรียนจากอดีต : หลุยส์ฟานฮาล และ คาร์ลอส กีย์รอซ


ซึ่งผมก็ว่ามันเหมือนกันจริงๆ
โดยเฉพาะรูปแบบการเล่น การปล่อยนักเตะลูกหม้อออกจากทีม การผลัดใบด้วยนักเตะหน้าใหม่ และรวมไปถึงกระแสต่อต้านจากแฟนบอล และนักวิจารณ์

ต่างกันตรงที่ ตอนสุดท้าย ท่านเซอร์ค้นพบแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทีม
ส่วนตอนนี้ก็คงต้องมาลุ้นว่า หลุยส์ ฟานฮาล จะเขียนตอนจบของตัวเองยังไง

ที่มา แปลมาจาก http://livelifeunited.com/[url=http://upic.me/show/57230213]
รูปภาพ



รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
eak_na_thong
ผู้เล่นเยาวชน
ผู้เล่นเยาวชน
 
โพสต์: 297
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ก.ค. 29, 2012 04:04

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย suntad » อังคาร พ.ย. 17, 2015 20:09

เป็นกำลังใจและคิดว่าไม่นานบอสกัลจะได้ทีม แนวทางที่ลงตัวเสียที
แต่ทั้งหมดจะตกไปที่ Giggs ที่ตกผลึกทั้งของเฮียกัลและป๋าเฟอร์กี้ 4-4-2 ที่เล่นได้ทั้งแบบรัดกุม
และบุกตะลุย 4-4-2 ที่มีนักเตะเวิล์ดคลาสในอายุกำลังดี (22-26, Martial, Januzai, Depay, Lingard and more)

รอวันนั้นครับ
ภาพประจำตัวสมาชิก
suntad
ทดสอบฝีเท้า
ทดสอบฝีเท้า
 
โพสต์: 14
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ก.ย. 22, 2015 20:34
twitter: https://twitter.com/suntad

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย akillis » อังคาร พ.ย. 17, 2015 22:18

ป๋าสามารถใช้จุดเด่นของแต่ละคนในการเล่นเกมโต้กลับเร็ว จนน่ากลัว แต่เวทียุโรปการบุกแหลกมันใช้ไม่ได้ผล ป๋าจึงหันมาเริ่มการครองบอลไว้กับทีมมากขึ้น
แต่บอลยังเคลื่อนที่ไปข้างหน้า มากกว่าจะกลับมาเริ่มที่แนวหลัง

ลุงกัล ยังใช้จุดเด่นของนักเตะไม่เกิดประโยชน์ต่อทีม เพราะลุงแกต้องการให้นักเตะเล่นเข้ากับปรัชญาของแก บอลที่ไม่เคยรุกดุดัน ยังไงก็ไม่ดุดันครับ
นอกจากจะหานักเตะจี๊ดๆ และแสบๆ อย่างที่แกเอ่ยไว้นั่นแหล่ะ (ซึ่ง ผจก.ทีมทุกคนมันก็อยากได้กันทั้งนั้น)

หนึ่งคนที่สามารถปรับระบบทีมเพื่อให้เข้ากับความสามารถของนักเตะ กับอีกคนปรับนักเตะเพื่อให้เข้ากับระบบทีม
โดยส่วนตัวผมชอบแบบแรกมากกว่า นั่นเพราะทีมจะไม่มีสไตล์ที่ตายตัว เพราะจะหมุนไปตามความสามารถนักเตะที่ส่งลงสนาม
แบบหลังทีมจะเล่นแบบเดิมๆ ไม่ว่าจะส่งใครลงมา นอกจากว่าคนนั้นมันจะเป็นเมสซี่ เนย์มาร์ หรือโรนัลโด้ที่จะบันดาลผลการแข่งได้ด้วยจังหวะครั้งสองครั้ง
รับออกแบบอาร์ตเวิร์ค/ หนังสือการ์ตูน/ Animation2D
email : un_akillis@hotmail.com
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
akillis
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 5872
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ม.ค. 06, 2007 14:42
ที่อยู่: ปทุมธานี

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย algha111 » อังคาร พ.ย. 17, 2015 23:47

ผมเห็นด้วยครึ่งนึงครับ
คือมีบางจุดที่เหมือนกัน อย่างสถานการณ์ทีม การถ่ายเลือดใหม่ การปรับแผนการเล่น

แต่ระบบการเล่นผมว่ามันต่่างกันมาก เหมือนแค่ตำแหน่งการยืน คือ 4 2 3 1 เท่านั้น
ยุคป๋ากี้ในช่วงหลัง ไม่ว่าจะ 442 433 4231 รูปแบบการเล่นของแมนยูจะไม่เปลี่ยนไปมากนัก
ไม่ว่าจะการเคลื่อนที่ของนักเตะ การสสับตำแหน่ง การทดแทนตำแหน่งยังเหมือนเดิม
สามารถเปลี่ยนแผนหรือสลับตำแหน่งระหว่างเกมได้โดยไม่มีปัญหาอะไรเลย

แต่ของฟานกัลผมว่าระบบการเล่นยังไม่ลงตัวเท่าไหร่ และผมกำลังลุ้นอยู่ว่าจะลงตัวก่อนแกไปรึเปล่า
algha111
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 1136
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ต.ค. 07, 2007 19:15

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย somme » พุธ พ.ย. 18, 2015 09:09

สิ่งที่ ป๋า เปลี่ยนแปลงอะไร แล้วประสบผลสำเร็จ ไม่ได้ทำแค่ ปี เดียว คือ ป๋า มีเวลาทำมากกว่าคนอื่น ในการเปลี่ยนแปลง ไม่แน่ใจว่า การเปลี่ยนแปลงครั้งนั้นไม่แน่ใจว่า 2 ปี แล้วปีที่ 3 ถึงได้ผลใช่หรือปล่าวถึงกลับมาเป็นแชมป์ได้ แต่ LVG มีเวลาเปลี่ยนแปลงทีม ตอนนี้ 1 กว่าๆๆๆ เอง ถ้ามีเวลา มันต้องประสบผลสำเร็จแน่
somme
ทดสอบฝีเท้า
ทดสอบฝีเท้า
 
โพสต์: 72
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.ค. 20, 2006 02:14

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย adriano10 » พุธ พ.ย. 18, 2015 09:18

ผมว่า มันต้องผสมผสานกันซะมากกว่า อะครับ เอาจริงๆ ผมเคยคิดไว้เเลว้ว่า นี่คือระบบของป๊าในยุด ก่อนวางมือ คือ 4-5-1 น้อยครั้งที่ป๊าจะกลับไปใช้ 4-4-2 เเบบหน้าคู่เหมือนเดิมจริงๆ ส่วนมากก็ หน้าเป้า 1 หน้า ต่ำ 1 อยู่ดี เเต่จุดที่ทำให้ ยุคลุงกัล กำลัง พัฒนาไปในทางที่ดีคือ
1. ลดการส่งคืนกลับหลังเเบบ โง่ๆ ที่จากเตะมุม ส่งถึงมือผู้รักษาประตู
2. กองหลัง ที่กลับมาเเข็งเเกร่ง อีกครั้งหลังจาก ยุค ริโอ+วิดิช
3. การครองบอล ที่ยุคป๊าทำเเทบไม่ได้เลย.....เจอทีมสูสี บดไปไม่เป็นหลายนัด อาจจะด้วยเเทคติค ท่ป๊าพยายามเล่นบอลเร็ว ^ ^

เเต่ยังมีบากอย่างในยุดลุงที่ต้องปรับมากขึ้นอีกคือ ความเร็วในการบุก ไม่ว่าจะจังหวะ โต้กลับ หรือการเคลื่อนที่ของผู้เล่น เพิ่ม สปีดบอล เเล้วบอลยุคนี้ จะเป็นยุคที่มีเสน่ห์ที่สุดอีกยุคนึงเลย ละครับ ^ ^

ปล3.ลุงอาจจะต้องให้กิ๊กซ์ มีบทบาทบ้างนะ ในเเมท เเบคเเฮม เลี้ยงลืมเเก่ตั้งหลายลูก 555555555555555555
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
adriano10
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 1196
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ธ.ค. 22, 2005 18:17

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย jitakung » พุธ พ.ย. 18, 2015 10:32

เห็นด้วยบางอย่างครับ

จริง ๆ การครองเกมส์แบบ ฟานกัล ก็ดีนะ แต่ควรเพิ่มการกล้าเจาะ กล้าบุกบ้าง เวลาโต้กลับควรจะรวดเร็ว ไม่ใช่เน้นรัดกุมเกินไป

แต่ถ้าเจอทีมใหญ่ หรือนำอยู่แล้วใกล้หมดเวลา จะครองบอล จะคืนหลังก็ไม่ว่าครับ
jitakung
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 718
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร ธ.ค. 06, 2005 20:58

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย zekoza » พุธ พ.ย. 18, 2015 11:02

คาร์ลอส กีย์รอซ ไม่ใช่นายใหญ่ใน โอลด์แทรฟฟอร์ด ฉะนั้นการปรับเปรียนระบบน่าจะมาจาก ป๋า มากกว่า
และผมว่านะ กีย์รอซ ไม่ได้มีจุดเด่นในด้านผู้จัดการทีมฟุตบอล
แต่จุดเด่นของ กีย์รอซ น่าจะเป็นการพูดได้หลายภาษา ซะมากกว่า
การที่มีจุดเด่นในด้านนี้ และต้องทำงานกับฟุตบอล จึงมีความจำเป็นมากระหว่าง ป๋า กับ นักเตะต่างภาษา

แต่ในส่วนของ ฟานกัล การเสียประตูน้อยสุดในเวลานี้เป็นการยืนยันถึงความสำเร็จในการเล่นแบบครองบอล
แต่สิ่งที่ ฟานกัล ต้องทำงานต่อไปคือในเรื่องของการทำประตู
ก็ต้องรอดูกันต่อไปละครับว่า ฟานกัล จะเสริมจุดเพื่อความสมบูรณ์ และลบคำสบประมาททุกอย่างได้หรือเปล่า
รูปภาพ
ภาพประจำตัวสมาชิก
zekoza
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 5112
ลงทะเบียนเมื่อ: อังคาร พ.ย. 08, 2005 09:48

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย UpToGru » พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2015 12:37

ว่ามันเหมือนกันจริงๆ
โดยเฉพาะรูปแบบการเล่น การปล่อยนักเตะลูกหม้อออกจากทีม การผลัดใบด้วยนักเตะหน้าใหม่ และรวมไปถึงกระแสต่อต้านจากแฟนบอล และนักวิจารณ์

ต่างกันตรงที่ ตอนสุดท้าย ท่านเซอร์ค้นพบแนวทางที่ดีที่สุดสำหรับทีม
ส่วนตอนนี้ก็คงต้องมาลุ้นว่า หลุยส์ ฟานฮาล จะเขียนตอนจบของตัวเองยังไง

*******************************************
บางอย่างก็เหมือน บางอย่างก็ไม่ใช่นะ สำหรับผม

1. รูปแบบการเล่น ฟาลกัล ดั้งเดิมใช้ 3-5-2 มาลองกับ แมน ยู จน มีแฟนบอลต่อต้าน ถึงมาเปลี่ยนเป็น 4-4-2
อย่างนี้เขาเรียกว่า เปลี่ยนแปลงแบบสุดขั้ว เพราะ ถึงเปลี่ยนยังไง ป๋า ก็ยังยืนพี้น หลัง 4 ตัวไว้ก่อน
สำหรับ ฟาลกัล ถ้าลองให้แกใช้ 3-5-2 ตามที่แกต้องการ ไปเรื่อยๆ มันก็เกินทีจะคาดเดาว่า จะดีหรือไม่ดี

2. ปล่อยนักเตะลูกหม้อออกจากทีม ที่ปล่อย ส่วนใหญ่ จะไม่ค่อยได้ เกิด ซึ่งจริงๆไม่ใช่ตัวหลัก ที่มีผลต่อ รูปแบบทีม วิธีการเล่น
แต่ ป๋า จะปล่อย ตัวรอง และ ตัวหลัก อันนี้คือถ่ายเลือดใหม่จริงๆ

3.การผลัดใบด้วยนักเตะหน้าใหม่ อันนี้คงต้องยอมรับ เพราะทุ่มซื้อมาหลายคน ในจำนวนเงินที่ ป๋า สามารถ เอาเงินไปใช้ได้ 2-3 ปีเลย

4.กระแสต่อต้านจากแฟนบอล+นักวิจารณ์+อดีตนักเตะ ถ้าเป็นตอนป๋า มันอาจจะมีกระแสต่อต้านในบางข้อ
แต่ไม่หนักเท่า ฟาลกัล เพราะมันเปลี่ยนแปลงโดยสิ้นเชิง คล้ายๆข้อ 1

5. ป๋า ค้นพบวิธีแนวทางของตัวเอง อันนี้ ส่วนตัวผม คิดว่า ป๋า มีวิธี ปรับเปลี่ยน ตาม สถานการณ์ มากกว่า ไม่ตายตัว แต่ยังคงอยู่ในสไตล์ ตามที่ต้องการ
เช่น ปรับนักเตะตามตำแหน่ง เสร็จแล้ว ถ้าต้องการ เห็นว่าจะรับ แฟนบอลก็เห็นว่ารับ จะรุก แฟนบอลก็เห็นว่า รุก จังหวะจะโต้กลับ แฟนบอลก็เห็นว่าโต้กลับ คือมันเห็นแล้วรู้สึกได้ว่า นักเตะ กำลังจะทำอะไร ในจังหวะนั้นๆ

ผมไม่ใช่แฟนบอลรุ่น เดอะ อายุ 70-80 ปี เลยไม่แน่ใจว่า สไตลการเล่นของ แมน ยู จริงๆแล้ว เน้นรุกบู้กระจาย มาแต่เดิม หรือ เพิ่งจะมา เป็นคำนิยม สไตล์บู้บุกกระจาย มาตอนป๋า

ซึ่งมันเหมือน ภาพติดตาปลุกฝังสไตล์การเล่น ที่พอแปลกตาไปจากแฟนบอล สักนิด นั้นกลายเป็นจุดเปรียบเทียบทันที

นั้นเป็นสาเหตุที่ทำให้ ฟาลกัล โดนวิจารณ์+ต่อต้าน+ด่า จากแฟนบอล

จริงอยู่ ที่ ผู้จัดการทีม จะมีวิธีการสไตล์เป็นของตัวเอง ซึ่งข้อนี้ผมเห็นด้วย

แต่ ฟาลกัล จากระบบ 4-4-2/4-3-3/4-5-1 หรือ แม้แต่ 3-5-2 สิ่งที่ยังเหมือนเดิม คือ ระบบวิธีการเล่น ไม่ว่าจะเปลี่ยนเป็นแผนอะไร ก็ยังคงเดิม
ถามว่า ผิดไหม ก็ต้องบอกว่าไม่ผิด

แต่สิ่งที่ แตกต่างระหว่าง ป๋า กับ ฟาลกัล คือ คุณภาพของนักเตะ

สมัยป๋า นักเตะบางคนนี่ ไม่ได้โด่งดังอะไรมากมาย วิะีการเล่นก็ไปได้ บางคนเทคนิคก็ไม่ได้หรูอะไร แต่ ป๋า สามารถทำให้ทีม มันดูดีได้ ดูรู้ว่าจะทำอะไร

แต่ ฟาลกัล นักเตะที่ซื้อมา หรือที่มีอยู่ ดูดีกว่าด้วยซ้ำ แต่ดูไม่ออกว่า จะ รุก รับ โต้กลับตอนไหน

มันกลายเป็น แฟนบอล อึดอัดเวลาดูบอล

*********************
ส่วนเรื่อง เครอช
ส่วนตัวผมมองว่า มันคล้ายๆกับ ตอนที่ แมน ยู ยุคป๋าแรกๆที่ ออกไปเวที ยุโรป (ไปเจอเค้า สอนบอลกลับมา )
มันเป็นจุดเริ่มที่ ป๋า มองว่า ควรจะเปลี่ยนวิธีการเล่นให้เหมาะสมตามสถาณการณ์
ซึ่งมันเห็นได้ชัดว่า วิธีการเล่นเวทียุโรป ในแต่ละปีของ แมน ยู ค่อยๆปรับเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น

การดึง คนที่มีความรู้ เข้ามา นั้นคือสิ่งที่ต้องทำ

แต่อย่างที่บอกไว้ข้างต้น ถึงเข้ามายังไง ปรับระบบยังไง แมน ยู ก็ยังเล่น สไตล์รุก ที่น่าดู เหมือนเดิม

*******************************
สำหรับ ฟาลกัล ผมมองว่า ยึดถือ การครองเกมส์ การครองบอล นั้นคือสิ่งที่ดี
แต่สิ่งที่ผมอยากเห็นคือ การเข้าทำที่ดีขึ้น เรื่อยๆ อยากเห็นพัฒนาการตรงนั้นมากกว่า

ปล.ขออภัยที่ บางข้อความ อาจจะตอบไม่ตรงหัวข้อ นะครับ5555
๐ข้อความตามความรู้สึกส่วนบุคคล เป็นเพียงความคิดเห็นในอีกแง่หนึ่ง โปรดใช้ สมองส่วนบนในการอ่าน๐
๐ยามคุณมีคุณแอบกิน ผมแปลกใจ ยามผมกิน คุณเมียงมอง ผมข้องใจ คุณกินผมกินไม่แปลกอะไร คุณกินผมควัก ผมหนักใจ๐
ภาพประจำตัวสมาชิก
UpToGru
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 2846
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ ก.ย. 13, 2008 22:30

Re: บทความ(แปล) :"รูปแบบการเล่นของLVG ที่อาจซ้้ำรอยประวัติศา

โพสต์โดย ห่าน » พฤหัสฯ. พ.ย. 19, 2015 16:45

ตั้งแต่ดูแมนยูทัน ยุค 98 เป็นทีมที่เล่นเกมรับไม่ค่อยเป็น ในเวที ยุโรป มิดฟิล หลุดมาได้ เจอแต่กองหลังเรียงกัน หน้ากระดาน กลางไม่มารีบ ทำลายจังหวะเกม หรือ เพลสซิ่ง
แต่เล่นเกมบุกได้มันมาก ไม่กลัวหน้าอินหน้าพรหม ที่ไหน แต่มัก จะแพ้ทางหรือเกร็งๆ รีลมาดริด

จากนั้น ผ่าน ปี 2000 มา มักจะแพ้ทีม หน้าใหม่ ม้ามืด จาก ลีกส์ ต่างๆ ที่หลุดเข้ามาเล่น นานๆครั้ง เช่น สตุตกาต แพ้ ลิสบอน เอาชนะปอโต้ได้ยากๆ หรือ ปีที่แพ้ ลีลล์ ตกรอบแรก แม้กระทั้ง 4 นัด ที่เจอ บียารีล จบที่ 0-0 ทั้งหมด
(ผมลำดับปีไม่ค่อยตรง นะ เอาภาพรวม)
ห่าน
ทดสอบฝีเท้า
ทดสอบฝีเท้า
 
โพสต์: 71
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 07, 2009 17:13


ย้อนกลับไปยัง เรด อาร์มี่ แฟนคลับ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: ไม่มีสมาชิก และ บุคคลทั่วไป 5 ท่าน


cron

ผลบอลสด888   ไฮไลท์บอล   ทีเด็ดบอลเต็ง

© 2001-2024 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC