หน้า 1 จากทั้งหมด 1

มาดูกันนักแตะเทพต้องให้เล่นแบบไหน

โพสต์เมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 00:20
โดย knightoflaw
ทฤษฎีตำแหน่งนักเตะเทพ (Specialist Position Theories)

แปลและเรียบเรียงจาก: คัมภีร์ทฤษฎีและกรอบแท็คติก’ 09 (Tactical Theorems and Frameworks’ 09) โดย Richard Claydon และ Gareth Millward

โดยทั่วไปแล้ว ไม่แนะนำให้ใช้คำสั่งนักเตะเทพ (Specialist Instruction) สำหรับนักเตะคนใดคนหนึ่ง เว้นแต่คุณมีทีมที่เข้าขากันเป็นอย่างดีและเป็นผู้เล่นระดับโลก ได้รับความยอมรับนับถือจากผู้เล่นของคุณบวกกับประสบการณ์ในการจัดการทีมที่เพียงพอ รวมไปถึงความกล้าที่จะเปลี่ยนแปลงแท็คติกตามความเหมาะสม

อย่างไรก็ตาม หากคุณเป็นผู้จัดการทีมขั้นรองลงมา และโชคดีที่มีนักเตะที่มีทักษะเหนือกว่าผู้เล่นอื่นๆ ในดิวิชั่นเดียวกัน คุณอาจใช้การตั้งค่าคำสั่งนักเตะเทพ เพื่อสร้างนักเตะคนใดคนหนึ่งให้เป็นส่วนประกอบหลักของทีม แต่ไม่แนะนำให้มีนักเตะ “พิเศษ” มากเกินไปในแท็คติกหนึ่งๆ เพราะจะไม่มีผู้เล่นคนใดทำหน้าที่เป็น “เด็กยกน้ำ” การครอบครองบอลก็จะเป็นไปได้ยาก และการเล่นก็จะไม่เป็นระบบเท่าที่ควร ถ้าคุณมั่นใจว่า คุณมีผู้เล่นที่เหมาะสมและมีประสบการณ์ คำสั่งทางแท็คติกต่อไปนี้จะช่วยให้คุณดึงความสามารถของผู้เล่นเทพออกมาได้ดีที่สุด

โกล์ตัวกวาด (Sweeper Keeper)

ค่าพลังหลัก: Aerial Ability, Command of Arrea, Handling, Reflexes, One on Ones, Communication, Eccentricity, Rushing Out, Acceleration, Pace, Anticipation, Positioning, Decisions, First Touch, Outfield Rating

ตัวอย่างเทพ: Fabien Barthez, Jorge Campos, Rene Huiguita



โกล์ตัวกวาดมีหน้าที่สองอย่าง: โกล์ปรกติ กับผู้เล่นตำแหน่งตัวกวาด (Sweeper) โดยทำหน้าที่อยู่หลังแนวรับที่ดันขึ้นสูง โกล์ตัวกวาดจะถูกกำหนดให้มี mentality สูงกว่าเซ็นเตอร์แบ็ค และมี creative freedom แบบ mixed นอกเหนือจากหน้าที่ของโกล์ปรกติแล้ว เขายังจะเก็บกวาดบอลที่หลุดมาหน้าและข้างกรอบเขตโทษ รวมถึงเป็นตัวเริ่มการเล่นเคาน์เตอร์แอตแท็คด้วยการส่งบอลแบบ direct ไปยังผู้เล่นแนวรุก ดังนั้น เขาต้องเป็นผู้เล่นที่มีความสามารถทางร่างกายสูงและใช้เท้าเล่นกับบอลได้ด

- Player Role: ตัวสนับสนุน
- Run With Ball: Rarely
- Long Shots: Rarely
- Through Ball: Mixed
- Cross Ball: Mixed
- Cross From: Deep
- Hold Up Ball: No
- Distribution: Long Kick (รับ), Quick Throw (ปรกติ), Defender Collect (รุก)
- Distribute To: FC/Target Man (รับ), ML/R (ปรกติ), DL/R (รุก)

สวีปเปอร์/ลิเบอโร (Sweeper/Libero)

ค่าพลังหลัก: Jumping, Marking, Tackling, Positioning, Strength, Pace, Acceleration, Decisions, Concentration, Anticipation, Passing, Creativity, Flair, Dribbling, Technique

ตัวอย่างเทพ: Franz Beckenbauer, Franco Baresi



มีสองวิธีที่จะใช้กับนักเตะเทพประเภทนี้ ได้แก่ สวีปเปอร์ หรือ กองหลังตัวทำเกมในแบบลิเบอโร

สวีปเปอร์จะถูกกำหนด mentality ให้ต่ำกว่าเซนเตอร์แบ็คคนอื่นๆ ความสามารถทางร่างกายและการอ่านเกมทำให้เขาสามารถป้องกันความผิดพลาดในแนวรับได้ดี เก็บกวาดบอลในแนวลึก และครองบอล การมีสวีปเปอร์เป็นทางเลือกหนึ่งเมื่อมีการตั้งแผงรับไว้สูง

- Player Role: ตัวรับ
- Run With Ball: Rarely
- Long Shots: Rarely
- Through Ball: Mixed
- Cross Ball: Rarely
- Cross From: Deep
- Hold Up Ball: No

ส่วนลิเบอโรจะทำหน้าที่เก็บกวาดบอลหลังแผงหลังในลักษณะเดียวกับสวีปเปอร์ ความแตกต่างสำคัญ คือ ลิเบอโรจะดันขึ้นหน้าเพื่อช่วยเหลือกองกลาง เมื่อทีมได้ครอบครองบอล โดยลิเบอโรจะเป็นตัวพิเศษสำหรับแนวรับ ในแท็คติกที่เน้นเกมรุก การกำหนดบทบาทและ mentality ของเขาขึ้นอยู่กับว่า ต้องการให้เขาเติมเกมจากแผงหลังมากขึ้นขนาดไหน การกำหนด creative freedom ของเขาไว้สูงก็เป็นประโยชน์ เช่นเดียวกับการกำหนดให้เป็นตัวฟรี (Free Role) การใช้ลิเบอโรจะได้ผลดีเมื่อแผงหลังยืนต่ำ ซึ่งจะทำให้เขามีพื้นที่ให้เติมเกมหน้าเซนเตอร์แบ็คคนอื่นๆ

- Player Role: ตัวสนับสนุน/ตัวรุก
- Run With Ball: Mixed/Mixed
- Long Shots: Mixed/Often
- Through Ball: Often/Often
- Cross Ball: Rarely/Rarely
- Cross From: Deep/Deep
- Hold Up Ball: No

ตัวทำเกมที่ยืนต่ำ (Deep-Lying Playmaker)

ค่าพลังหลัก: Marking, Tackling, Positioning, Strength, Stamina, Passing, Technique, Creativity, First Touch, Decisions

ตัวอย่างเทพ: Andrea Pirlo, Cesc Fabregas, Juan Roman Riquelme



ตัวทำเกมที่ยืนต่ำจะยืนอยู่ระหว่างแผงหลังและกองกลาง เพื่อสร้างเกมรุกโดยการผ่านบอลที่เฉียบคมให้แก่ผู้เล่นที่ยืนอยู่สูงกว่า องค์ประกอบสำคัญในการตั้งค่าตัวทำเกมที่ยืนต่ำอย่างมีประสิทธิภาพ คือ ต้องทำให้แน่ใจว่า เขาสามารถจ่ายบอลจังหวะเดียวไปได้ทุกพื้นที่ในสนาม อย่างน้อยจึงต้องเป็นการจ่ายบอลแบบ mixed ที่สูง แม้ว่า creativ freedom จะมิใช่สิ่งจำเป็นโดยเฉพาะเมื่อให้เล่นในบทบาทตัวรับ การกำหนดให้เป็นตัวฟรี (Free Role) จะทำให้เขาสามารถเคลื่อนที่ไปยังที่ว่างเพื่อรับบอลจากเพื่อนได้ดีขึ้น

- Player Role: ตัวรับ/ตัวสนับสนุน
- Run With Ball: Rarely/Mixed
- Long Shots: Rarely/Mixed
- Through Ball: Often/Often
- Cross Ball: Rarely/Mixed
- Cross From: Deep/Deep
- Hold Up Ball: Yes

กองกลางแบบกรอบเขตโทษถึงกรอบถึงกรอบเขตโทษ (Box-to-Box Midfielder)

ค่าพลังหลัก: Marking, Tackling, Positioning, Strength, Stamina, Passing, Technique, Acceleration, Long Shots, Decisions, Teamwork, Bravery, Determination, Work Rate

ตัวอย่างเทพ: Brian Robson, Roy Keane, Steven Gerrard, Redondo



ปัจจุบัน กองกลางแบบกรอบเขตโทษถึงกรอบถึงกรอบเขตโทษเป็นนักเตะพันธุ์หายากที่อาจเจอเฉพาะในเกา
ะอังกฤษเท่านั้น การวางแผนฟุตบอลสมัยใหม่ไม่มีที่สำหรับการใช้งานนักเตะแบบวิ่งไม่หยุด ดังจะเห็นได้จากปัญหาของผู้จัดการทีมจากภาคพื้นทวีปยุโรปในการใช้งาน Steven Gerrard ให้เกิดประโยชน์ที่สุด ใน FM นั้น ควรกำหนดให้นักเตะกองกลางแบบกรอบเขตโทษถึงกรอบถึงกรอบเขตโทษมี mentality ที่ค่อนข้างสูงเช่นเดียวกับ creative freedom และมอบบทบาทตัวฟรี (Free Role) ให้เขาสามารถวิ่งขึ้นหน้า และกำหนดบทบาทตัวสนับสนุนเพื่อไม่ให้เขาละเลยเกมรุกไป

- Player Role: ตัวสนับสนุน
- Run With Ball: Mixed
- Long Shots: Often
- Through Ball: Mixed
- Cross Ball: Mixed
- Cross From: Mixed
- Hold Up Ball: Yes

ตัวทำเกมขั้นสูง (Advance Playmaker)

ค่าพลังหลัก: Passing, Technique, Creativity, Flair, Long Shots, Strength, First Touch, Anticipation, Off the Ball, Decisions, Dribbling, Teamwork

ตัวอย่างเทพ: Maradona, Zinedine Zidane, Michel Platini, Dennis Bergkamp, Zico

Reduced: 94% of original size [ 540 x 144 ] - Click to view full image

ตัวทำเกมขั้นสูงอาจเป็นได้ทั้งตำแหน่ง MC, AMC และ FC การกำหนด creative freedom สูงๆ และบทบาทตัวฟรี (Free Role) เป็นสิ่งจำเป็นสำหรับนักเตะประเภทนี้ ตัวทำเกมขั้นสูงจะหาช่องว่างในแผงกองกลางของคู่แข่งเพื่อโจมตี และเปลี่ยนเกมรับเป็นเกมรุกโดยฉับพลัน ในบทบาทตัวสนับสนุน เขาจะสามารถสร้างโอกาสให้เพื่อนร่วมทีมได้ดี ขณะที่ในบทบาทตัวรุก ไหวพริบ ความสร้างสรรค์ และอิสระจากแท็คติกทำให้เขาเป็นฝันร้ายของกองหลัง ถ้าตำแหน่งเขาเป็น AMC หรือ FC ควรกำหนด mentality เขาให้ต่ำกว่าปรกติ และวิ่งขึ้นหน้า (forward runs) ให้น้อยลง เพื่อให้เขามีพื้นที่มากขึ้นในการจ่ายบอลไปทั่วทุกพื้นที่ของสนาม การกำหนดคำสั่งแบบเดียวกันโดยไม่ต้องเลือก playmaker จะทำให้เขาทำหน้าที่เป็นกองหน้า/กองกลางตัวสร้างสรรค์

- Player Role: ตัวสนับสนุน/ตัวรุก
- Run With Ball: Mixed/Often
- Long Shots: Often/Mixed
- Through Ball: Often/Often
- Cross Ball: Mixed/Often
- Cross From: Mixed/Byline
- Hold Up Ball: No

นายเป้า (Target Man)

ค่าพลังหลัก: Strength, Stamina, Jumping, Heading, First Touch, Long Shots, Anticipation, Bravery, Decisions, Teamwork, Work Rate

ตัวอย่างเทพ: Jan Koller, Nikola Zigic, Emile Heskey, Peter Crouch



แม้ว่าตัวอย่างของนักเตะเหล่านี้จะเป็นระดับอินเตอร์ แต่การกำหนดนายเป้าเหมาะสมกับทีมระดับรองๆ มากกว่าทีมใหญ่ เพราะทำให้ความหลากหลายในการเล่นเกมรุกลดลง อย่างไรก็ตาม นายเป้าที่เก่งๆ จะเปลี่ยนทีมกลางๆ เป็นทีมที่ดีได้ โดยใช้ร่างกายที่แข็งแกร่งก่อกวนการป้องกันของกองหลังคู่แข่ง และเปิดช่องให้เพื่อนร่วมทีม และแม้ว่าคุณภาพของกองหลังระดับสูงจะทำให้นายเป้ายิงประตูได้ไม่มากนัก ดังนั้น การกำหนดบทบาทตัวสนับสนุนจะทำให้เขาทำประตูได้มากเฉพาะในลีกระดับรองลงมา เช่นเดียวกับการกำหนดให้เล่นบทบาทตัวรุกมากขึ้น

ควรกำหนดการจ่ายบอลให้นายเป้าเป็น “To Feet” เมื่อนายเป้าตัวไม่สูงนัก แต่มีเทคนิคดี และสามารถเล่นโดยหันหลังให้ประตูได้ดี (เช่น Mark Hughes หรือ Alan Shearer ตอนแก่) ส่วนนายเป้าที่สูงแต่เทคนิคไม่ดีนักใช้ “To Head” ส่วนกองหน้าที่ทั้งสูงและเทคนิคดีใช้ “Mixed”

- Player Role: ตัวสนับสนุน/ตัวรุก
- Run With Ball: Rarely/Rarely
- Long Shots: Often/Mixed
- Through Ball: Often/Often
- Cross Ball: Mixed/Mixed
- Cross From: Mixed/Mixed
- Hold Up Ball: Yes

มือปืนล่าตาข่าย (Poacher)

ค่าพลังหลัก: Pace, Acceleration, First Touch, Off the Ball, Finishing, Composure, Flair, Dribbling, Decisions, Anticipation

ตัวอย่างเทพ: Michael Owen, Gabriel Batistuta, Filippo Inzaghi, Ruud van Nistelrooy



มือปืนล่าตาข่ายหายไปจากวงการฟุตบอลระดับบนอย่างรวดเร็ว เนื่องจากฟุตบอลสมัยใหม่ต้องการกองหน้าที่ทำได้มากกว่าการ “ยิง ยิง และยิง” อย่างไรก็ตาม นอกจากการแข่งขันระดับบนแล้ว มือปืนสามารถประกันจำนวนประตูที่จะผลักดันให้ทีมอยู่ในอันดับที่ดีในลีกได้ การกำหนดแท็คติกที่ทำให้มือปืนเหล่านี้ต้องเล่นเพื่อทีมจะทำให้ไม่สามารถดึงส่วนดีที
่สุดจากตัวเขาได้ ดังนั้น ควรกำหนดคำสั่งโดยคำนึงถึงจุดแข็ง โดยใช้ mentality สูง เป็นตัวฟรี (Free Role) และ creative freedom สูงจะช่วยให้เขาสามารถใช้ประโยชน์จากพื้นที่ว่างได้ดีที่สุด และกระตุ้นให้เขาหาโอกาสในพื้นที่สุดท้ายมากขึ้น การกำหนดคำสั่งให้เขาเป็น Target Man และการจ่ายบอลให้เป็น Run onto Ball มักจะดึงความสามารถของมือปืนล่าตาข่ายได้ดีที่สุด และควรจำกัดวิธีการจ่ายบอลของเขาเพื่อให้เขาเน้นไปที่การทำประตู มากกว่ามีส่วนร่วมกับทีม

- Player Role: ตัวรุก
- Run With Ball: Often
- Long Shots: Rarely
- Through Ball: Rarely
- Cross Ball: Mixed
- Cross From: Byline
- Hold Up Ball: No

กองหน้าเทพ (Complete Forward)

ค่าพลังหลัก: Acceleration, First Touch, Off the Ball, Finishing, Composure, Flair, Dribbling, Decisions, Technique, Creativity, Long Shots, Strength, Heading, Stamina

ตัวอย่างเทพ: Pele, Johan Cruyff, Thierry Henry, Romario



ผู้จัดการจะโชคดีที่มีกองหน้าเทพในทีมหรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่า สามารถใช้ประโยชน์จากเขาได้เต็มที่หรือไม่ ไม่ว่าจะให้ยืนเป็นตัวสนับสนุนหลังหน้าเป้า หรือเป็นหัวหอก กองหน้าเทพก็ทำได้ทั้งนั้น แต่ต้องปล่อยให้เขาทำตามที่เขาคิด ควรกำหนดบทบาทตัวฟรี (free role) และ creative freedom สูงๆ เพื่อให้กองหลังฝั่งตรงข้ามเจอปัญหาในการจัดการกับเขา ไม่รู้ว่าเขาจะวิ่ง หรือจะยิง หรือจะจ่าย หรือจะลงต่ำ หรือจะขึ้นสูง หรือเจาะไปตามช่อง

- Player Role: ตัวสนับสนุน/ตัวรุก
- Run With Ball: Often/Often
- Long Shots: Often/Often
- Through Ball: Often/Often
- Cross Ball: Often/Often
- Cross From: Mixed/Byline
- Hold Up Ball: Yes

โพสต์เมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 00:21
โดย knightoflaw
บทบาทผู้เล่นและการวิ่งเติมเกม (Player Roles and Forward Runs)

แปลและเรียบเรียงจาก: คัมภีร์ทฤษฎีและกรอบแท็คติก’ 09 (Tactical Theorems and Frameworks’ 09) โดย Richard Claydon และ Gareth Millward

เวลาที่จะกำหนดการวิ่งเติมเกม (Forward Runs: FWRs) ให้กับผู้เล่นของคุณ จำเป็นต้องรู้หน้าที่ของผู้เล่นคนนั้นๆ ให้กระจ่างเสียก่อน

หน้าที่ของผู้เล่นมีดังนี้

ตัวรับ: ผู้เล่นจะเน้นไปที่การทำหน้าที่การตั้งรับเป็นส่วนใหญ่
ตัวสนับสนุน: ผู้เล่นจะทำหน้าที่ทั้งการตั้งรับ และการทำเกมรุก
ตัวรุก: ผู้เล่นจะเน้นไปที่การทำหน้าที่การทำเกมรุกเป็นส่วนใหญ่

การใช้คำสั่ง FWRs หมายถึง การกำหนดว่า ผู้เล่นนั้นจะออกจากตำแหน่งปรกติของตน บ่อยแค่ไหน และไกลแค่ไหน
ถ้าสั่ง FWRs แบบ Rarely - ผู้เล่นจะรักษาตำแหน่งของตนเอาไว้เป็นหลัก เพื่อเตรียมพร้อมต่อการถูกโต้กลับอย่างฉับพลัน (Counter-attacks)
ถ้าสั่ง FWRs แบบ Mixed - ผู้เล่นจะออกจากตำแหน่งของตนไปเพื่อเติมเกมรุก แต่จะไม่ออกไปจากตำแหน่งปรกติของตนมากนัก เพื่อที่จะได้กลับมาช่วยผู้เล่นตัวรับได้อย่างทันท่วงที
ถ้าสั่ง FWRs แบบ Often - ผู้เล่นจะเติมเกมเข้าสู่ตำแหน่งที่ทำเกมรุกได้ทันทีเมื่อทีมได้ครอบครองบอล

ตามหน้าที่ดังกล่าว การสั่ง FWRs ให้แก่ผู้เล่น จึงควรเป็นดังนี้

• ตัวรับ - FWRs แบบ Rarely
• ตัวสนับสนุน - FWRs แบบ Mixed
• ตัวรุก - FWRs แบบ Often

เพื่อให้ง่ายต่อการทำความเข้าใจ จะอธิบายในแท็คติกการเล่นพื้นฐาน 3 รูปแบบ ได้แก่ แท็คติกตั้งรับ แท็คติกแบบปรกติ และแท็คติกการเปิดเกมรุก
แท็คติกการเล่นทุกๆ แบบต้องการผู้เล่นอย่างเพียงพอในการป้องกันประตู และทำประตู
แต่ในแท็คติกตั้งรับย่อมต้องการผู้เล่นที่ทำหน้าที่ตัวรับมากกว่าในแท็คติกการเปิดเก
มรุก และในทางตรงข้าม การเปิดเกมรุกก็ต้องการผู้เล่นที่ทำหน้าที่ตัวรุกมากกว่าการตั้งรับ

ตามแท็คติกทั้งสามดังกล่าว ควรกำหนดบทบาทของผู้เล่นดังนี้

• การตั้งรับ: ตัวรับ 5 ตัวสนับสนุน 2 และตัวรุก 3 คน
• ปรกติ: ตัวรับ 3 ตัวสนับสนุน 4 และตัวรุก 3 คน
• การเปิดเกมรุก: ตัวรับ 3 ตัวสนับสนุน 2 และตัวรุก 5 คน

ทุกๆ แท็คติกการเล่น ต้องการตั้งรับ 3 ตัวสนับสนุน 2 และตัวรุก 3 คนเป็นอย่างน้อย (รวมเป็น 8 คน)
ผู้เล่นอีก 2 คนที่เหลือ คือผู้เล่นที่ผู้จัดการต้องตัดสินใจว่า จะเอาไป "วาง" บทบาทใดให้
วางไว้ที่บทบาทตัวรับ เมื่อเล่นแท็คติกตั้งรับ วางไว้ที่บทบาทตัวสนับสนุน เมื่อเล่นแท็คติกปรกติ และวางไว้ที่ตัวรุก เมื่อต้องการเปิดเกมรุก
โดยทั่วไปแล้ว ในแผนการเล่นพื้นฐาน เช่น 5-3-2, 4-4-2, 4-3-3, 4-5-1 และอื่นๆ ผู้เล่น 2 คนที่เหลือมักจะเป็น Full backs หรือ Wing backs
ส่วนแผนการเล่นอื่นๆ ที่ไม่มีทั้ง Full backs หรือ Wing backs ผู้จัดการทีมอาจต้องใช้ความสร้างสรรค์มากขึ้น
เมื่อตัดสินใจได้แล้วว่า จะวางบทบาทใดให้ผู้เล่น 2 คนที่เหลือ ก็จะเป็นการง่ายในการวางแผนการเล่นตามแท็คติกทั้งสาม

เมื่อกำหนดบทบาทให้ผู้เล่นแต่ละคน ควรคำนึงว่า ตำแหน่งกองหน้าย่อมเป็นตัวรุกโดยธรรมชาติอยู่แล้ว ดังนั้น จึงไม่จำเป็นต้องกำหนด FWRs เป็น Often เพื่อให้เป็นตัวรุก หรือ Mixed เพื่อให้เป็นตัวสนับสนุน
ถ้ากำหนด FWRs เป็นแบบ Often ให้กับกองหน้าทั้งสองคนในระบบที่ใช้หน้าคู่ จะทำให้กองหน้ามักขาดการเชื่อมโยงจากกองกลาง และไม่มีส่วนร่วมกับเกม
กองหน้าตัวหนึ่งจึงควรยืนอยู่ต่ำกว่าอีกตัวหนึ่ง เพื่อทำหน้าที่เชื่อมโยงระหว่างกองหน้าและแผงกองกลาง ขณะที่กองหน้าอีกตัวยืนค้ำกองหลัง
การกำหนด FWRs ที่ถูกต้องเป็นพื้นฐานสำคัญที่จะทำให้การทำเกมรุกกลมกลืนเป็นหนึ่งเดียว

• กองหน้าตัวต่ำควรมีบทบาท ตัวรุก/ตัวสนับสนุน โดยใช้ FWRs แบบ Rarely/Mixed
• กองหน้าตัวเป้าควรมีบทบาท ตัวรุก โดยใช้ FWRs แบบ Mixed/Often

(หมายเหตุผู้แปล: กองหน้าตัวเป้าไม่จำเป็นต้องเป็น Target Man นะจ๊ะ ขอให้นึกภาพ Robbie Keane หรือ Alessandro Del Piero เป็นกองหน้าตัวต่ำ และ Fernando Torres หรือ David Trezeguet เป็นกองหน้าตัวเป้าละกันจ้ะ)

เพื่อประเมินว่า คุณสั่ง FWRs ให้แก่ผู้เล่นได้เหมาะสมหรือไม่ ควรพิจารณาจากสถิติในแมตช์ (Match Stat) เพื่อดูจำนวนการล้ำหน้าและการมีส่วนร่วมในเกมของกองหน้า
ถ้าจำนวนการล้ำหน้าสูง แปลว่า กองหน้าตัวเป้าอาจวิ่งขึ้นหน้าเร็วไป จึงควรลด FWRs เป็น Mixed
ถ้ากองหน้าตัวต่ำไม่ได้บอลมากนัก อาจแปลว่า หนึ่ง. เขาอาจไม่ได้อยู่ในตำแหน่งที่จะสามารถรับบอลจากกองกลางได้ง่าย หรือ สอง. สนาม (Pitch) อาจมีขนาดเล็กจนทำให้เขาถูกบีบพื้นที่จนเล่นไม่ได้
ในกรณีแรก ควรลด FWRs จาก Mixed เป็น Rarely ส่วนกรณีที่สอง ควรเพิ่ม FWRs จาก Rarely เป็น Mixed

ใน FM 2009 ลูกศรหลายทิศทางหายไป ดังนั้น คำสั่ง FWRs จึงมีความสำคัญมากยิ่งขึ้น
FWRs กับ mentality เป็นวิธีการหลักในการออกคำสั่งกับผู้เล่นให้ออกจากตำแหน่งของตนเพื่อเล่นเกมรุก และเป็นเรื่องสำคัญที่จะไขความกระจ่างในการเปลี่ยนแปลงนี้

มีความเข้าใจที่คลาดเคลื่อนอยู่เสมอเกี่ยวกับลูกศร ลูกศรไม่ใช่การวิ่งของผู้เล่น และไม่ใช่ตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงที่ผู้เล่นจะวิ่งไป ไม่ว่าจะมีบอลหรือไม่ก็ตาม
สิ่งที่ลูกศรบอก คือ ตำแหน่งการยืนที่ขึ้นอยู่กับการครอบครองบอลของทีม เมื่อทีมได้ครองบอล ผู้เล่นจะเคลื่อนที่โดยอัตโนมัติไปยังตำแหน่งที่ทำเกมรุกตามเกม ขณะที่เมื่อทีมเสียการครองบอล ผู้เล่นก็จะทำตรงกันข้าม
ระหว่างการเคลื่อนที่ไปยังตำแหน่งที่ถูกสั่งไว้ ผู้เล่นจะทำตามคำสั่งที่ตั้งไว้โดยไม่สนใจว่า อะไรจะเกิดขึ้นในสนาม และลดทอนความสามารถของผู้เล่นในการตอบสนองต่อเกม

การแทนที่ลูกศรด้วยการใช้คำสั่ง FWRs จะทำให้แน่ใจได้ว่า การเคลื่นที่ของผู้เล่นเป็นไปอย่างมีพลวัตรมากขึ้น และเป็นไปตามสถานการณ์ในสนาม
แม้ว่าดูเหมือนจะทำให้สูญเสียการควบคุมทิศทางการเคลื่อนที่ของผู้เล่นตามลูกศร และต้องใช้ภาพจินตนาการมากขึ้น
แต่ระบบใหม่นี้ก็จะทำให้ผู้เล่นเคลื่อนที่ได้อย่างมีพลวัตร มีเกมฟุตบอลที่ลื่นไหล และการเปลี่ยนตำแหน่งจากรับเป็นรุกที่สมจริง

การวางแผนรูปแบบ FWRs ที่ดีจะนำไปสู่การผ่านบอลที่ยอดเยี่ยม และคุณภาพในการเล่นเกมรุก

โพสต์เมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 00:22
โดย knightoflaw
ขอขอบคุณ www.cm-fmthai.com ครับที่ให้ข้อมูลดี ๆ มาเผยแพร่

โพสต์เมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 02:27
โดย Kaokao'
สุดยอดเลยอ่ะ

ขอบคุณมากครับ

โพสต์เมื่อ: ศุกร์ ธ.ค. 12, 2008 14:16
โดย gopy
ขอบคุณครับสำหรับข้อแนะนำ

แต่ชื่อ "คัมภีร์ทฤษฎีและกรอบแท็คติก’ 09" แล้วทำไมตัวนักเตะที่ยกมาเป็นสมัยปี 89 - 99 หว่า แทบไม่มี 09 เลย ฮ่าๆ