ตำแหน่ง ศูนย์หน้า
วันเกิด 3 พฤศจิกายน 1971 (52 ปี)
สถานที่เกิด ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก
ส่วนสูง 175
ทีมชาติ ตรินิแดด แอนด์ โตเบโก
เข้าร่วมทีม 20 สิงหาคม 1998
ดไวท์ ยอร์ค เกิดเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 1971 เขาเป็นนักเตะชาวตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ซึ่งเคยเล่นให้กับแอสตัน วิลล่า, แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด, แบล็คเบิร์น โรเวอร์ส, เบอร์ฮิงแฮม ซิตี้, ซิดนี่ย์ เอฟซี และซันเดอร์แลนด์ เขาเคยเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมให้กับทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 ด้วย
เขาครองสถิติร่วมกับ รัสเซลล์ ลาตาปี และ แพ็ท เจนนิ่งส์ ในการลงเล่นให้กับทีมชาติในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลกมากครั้งที่สุดคือ 6 ครั้ง (1990, 1994, 1998, 2002, 2006 และ 2010) ยอร์คได้รับฉายาว่า "เพชฌฆาตหน้าเปื้อนยิ้ม" เนื่องจากความสามารถในการถล่มประตู และการที่เขาชอบยิ้มตลอดเวลา
ในฤดูกาลแรกที่เขาย้ายมาร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอร์คก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้าทริปเปิ้ลแชมป์คือพรีเมียร์ ลีก, เอฟเอ คัพ และยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก โดยเขาเล่นได้อย่างเข้าขากับ แอนดี้ โคล ในฤดูกาลนั้นยอร์คเป็นดาวซัลโวสูงสุดของลีกที่ 18 ประตู แถมยังยิงได้ในเวทียุโรปที่พบกับบาเยิร์น มิวนิค, บาร์เซโลน่า, อินเตอร์ มิลาน และยูเวนตุสด้วย
ยอร์คยังคงเป็นตัวหลักของทีมในชุดคว้าแชมป์ลีกฤดูกาล 1999-2000 โดยยิงได้ทุกรายการไป 22 ประตู แม้ว่าในฤดูกาลที่ 3 กับทีม เขาจะไม่ค่อยประสบความสำเร็จเป็นการส่วนตัวมากนอก แต่เขาก็ยังอุตส่าห์ทำแฮตทริคได้ในเกมที่แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เอาชนะอาร์เซนอล ก่อนจะคว้าแชมป์ลีกมาครองเป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน
เขาได้ลงเล่นน้อยลงในฤดูกาล 2001-2002 ท่ามกลางกระแสข่าวว่าเขาไม่ค่อยลงรอยกับ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เกี่ยวกับเรื่องที่เขาคบกับจอร์แดนนางแบบสาวชาวอังกฤษ ในเดือนมกราคมเขาพลาดย้ายไปร่วมทีมมิดเดิ้ลสโบรช์ แต่ยอร์คก็ได้ย้ายไปแบล็คเบิร์น โรเวอร์ส ด้วยค่าตัว 2 ล้านปอนด์ในช่วงปิดฤดูกาล โดยรวมแล้วเขายิงให้กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ไปทั้งหมด 64 ลูก จากการลงเล่น 188 เกม
สำหรับในทีมชาตินั้น ยอร์คเล่นให้กับตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ไป 72 เกมอย่างเป็นทางการ โดยยิงไปทั้งหมด 26 ลูก แต่เมื่อรวมเกมอุ่นเครื่องอย่างไม่เป็นทางการแล้ว เขาก็ลงเล่นไปเกิน 100 นัด เช่นเดียวกับเพื่อนร่วมชาติอย่าง รัสเซลล์ ลาตาปี เขาเป็นส่วนหนึ่งในทีมชุด สไตรค์ สควอด อันโด่งดังในปี 1989 ที่เกือบพาทีมไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายในปี 1990 ได้ ต่อมายอร์คก็ประกาศอำลาทีมชาติในปี 2001 เนื่องจากไม่ลงรอยกับโค้ช อย่างไรก็ตามเขาก็หวนกลับคืนสู่ทีมอีก และพาทีมไปลุยฟุตบอลโลกรอบสุดท้ายปี 2006 ได้สำเร็จ หลังจากเอาชนะบาห์เรนด้วยประตูรวม 2 - 1 ในรอบคัดเลือก
ยอร์คได้สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ในฟุตบอลโลก 2006 เขาได้เป็นแมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในเกมที่เสมอสวีเดน 0 - 0 โดยเอาชนะ ชาก้า ฮิสล็อป ผู้รักษาประตูจากเวสต์ แฮม ยูไนเต็ด ที่โชว์ฟอร์มเซฟอย่างยอดเยี่ยมในเกมนั้นไปได้ เขาเป็นหนึ่งใน 6 นักเตะของทีม (ที่เหลือคือ เบรนท์ ชานโก้, เดนนิส ลอว์เรนซ์, คริส เบอร์ชาลล์, คาร์ลอส เอ็ดเวิร์ดส์ และ สเติร์น จอห์น) ที่ได้ลงเล่นครบทุกนาทีในทัวร์นาเม้นท์ดังกล่าว เขาถูกรับเลือกให้เป็นมิดฟิลด์ตัวรับที่ดีที่สุดในรอบแรกของฟุตบอลโลกครั้งนั้น
ยอร์คประกาศอำลาทีมชาติอีกครั้งในปี 2007 เพื่อหันมามีสมาธิอย่างเต็มที่กับการค้าแข้งให้ซันเดอร์แลนด์ เขาได้สวมปลอกแขนให้ทีมชาติเป็นนัดสุดท้ายในนัดเยือนเยอรมัน แต่หลังจากนั้นเขาก็หวนคืนสู่ทีมชาติอีกครั้งในนัดอุ่นเครื่องกับอังกฤษในเดือนมิถุนายนปี 2008 หลังได้รับคำเชิญจาก แจ็ค วอร์เนอร์ รองประธานฟีฟ่า ในวันที่ 10 กรกฏาคม 2008 สมาคมฟุตบอลตรินิแดด แอนด์ โตเบโก ก็ประกาศว่ายอร์คจะกลับมาเล่นให้กับทีมชาติอีกครั้งในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010
วันที่ 15 ตุลาคม 2008 เขาก็ยิงประตูแรกได้หลังหวนคืนทีมชาติในนัดที่เจอกับสหรัฐอเมริกาในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 จบเกมตรินิแดด แอนด์ โตเบโก เอ่าชนะไป 2 - 1 นั่นช่วยให้พวกเขาได้ผ่านเข้ารอบไปพบกับคิวบา วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2009 ยอร์คยิงลูกจุดโทษได้ในนาทีที่ 26 แต่ก็มาถูกไล่ออกในเกมที่พวกเขาเจอกับเอล ซัลวาดอร์ ในรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก 2010 โซนคอนคาเคฟ รอบ 4 (เกมจบด้วยผลเสมอ 2 - 2) เขาไปมีเรื่องกับ มาร์โก อันโตนิโอ โรดริเกซ ผู้ตัดสินชาวเม็กซิโก และถูกแบนไป 4 เกมเนื่องจากใช้วาจาไม่สุภาพ โดยภายหลังโทษถูกลดหย่อนเหลือ 2 นัด
หลังจากถูกปล่อยตัวจากซันเดอร์แลนด์ในปี 2009 เขาก็หาต้นสังกัดใหม่ลงเล่นไม่ได้จนกระทั่งปิดตลาดซื้อขายนักเตะ ทำให้ยอร์คตัดสินใจอำลาแขวนสตั๊ดไปในเดือนกันยายนปี 2009 และเข้ามารับงานเป็นผู้ช่วยผู้จัดการทีมชาติตรินิแดด แอนด์ โตเบโก
ปัจจุบันยังพบเห็นเขาได้ในกิจกรรมของสโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก
|
