มารู้จักโบท็อกซ์ (BOTOX) โบท็อกซ์ คืออะไร?

โบท็อกซ์
มารู้จักโบท็อกซ์ (BOTOX) โบท็อกซ์ คืออย่างไร?
"โบท็อกซ์" (Botox) เป็นนามสมญาทางการค้า (trade name) ของสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน หมวดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย นามสมญา คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น โบท็อกซ์กระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยโบท็อกซ์ตัวนี้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการที่โบท็อกซ์กระบังลมไม่ทำงาน ผู้ป่วยจึงหยุดหายใจ
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ อย่างไร?
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับเรื่องปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามโบท็อกซ์จึงคลายตัว หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อเล็กๆนั้น โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7- 14 วัน
แล้วแพทย์เอา "สารพิษ" นี้มาใช้ทำไม?
แพทย์ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ "คลายตัว" ดังนั้นในยุคแรกๆ โบท็อกซ์แพทย์จึงนำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยประจวบเหมาะจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ก็ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วย
ในยุคต่อมาจึงมีการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อประโยชน์ในด้านความสวยงามตามมาอย่างแพร่หลาย และมีเทคนิควิธีการที่ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้หน้าเรียวลง ยกกระชับผิวหนัง ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ตลอดจนป้องกันอาการปวดศีรษะ ปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการฉีดกันเป็น ล้านๆครั้ง ต่อปี
ผลของการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน อยู่นานเท่าใด?
โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด ซึ่งการที่ผลการรักษาอยู่ไม่ถาวรนั้น ที่จริงอาจนับได้ว่าเป็นข้อดี เพราะสมมติว่าผลที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ ในที่สุดก็จะค่อยๆ หายไปเองได้ ข้อเสียก็คือสิ้นเปลือง เพราะหากได้ผลดี ถูกใจก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
โบท็อกซ์ อันตรายหรือไม่
จากการรวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบท็อกซ์ จำนวนมาก ในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีดเพื่อความสวยงาม
ผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หนังตาตก กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตร หรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นแพทย์ และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง
เมื่อเกิดผลข้างเคียงแล้วจะทำอย่างไร?
ดังที่ได้กล่าวแล้วโบท็อกซ์ว่าผลจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ เปลืองไปเองภายในเวลาเป็นเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงใจเย็นๆ และค่อยๆ รอให้ผลของ โบท็อกซ์ หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นกรณีไป
เข้าระบบ
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
Kapook
รู้ไว้ก่อนตัดสินใจ 8 ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์
ศัลยกรรม
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
"การฉีดโบท็อกซ์" กระบวนการหยุดอายุด้วยเข็ม เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วยังฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวจริง ๆ แต่พอมาถึงยุคนี้การฉีดโบท็อกซ์กลับดูเป็นเรื่องใกล้ตัวเอามาก ๆ คลินิกเสริมความงามหลายแห่งมีให้บริการนี้ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก และคุณเองอาจเคยได้ฟังคำบอกเล่าประสบการณ์ตรงการฉีดโบท็อกซ์จากเพื่อน ๆ มาโบท็อกซ์แล้วก็ได้ หากว่าคุณเองก็สนใจที่จะหยุดอายุหรือปรับรูปหน้าให้ดูเรียวลงด้วยโบท็อกซ์บ้างแล้วล่ะก็ ก่อนจะเชื่อคำที่บรรยายมาจากคนใกล้ตัว หรือเชื่อว่าทำออกมาแล้วจะต้องสวยเหมือนดาราคนนั้นคนนี้แน่ ๆ ลองมาดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์ดูบ้างดีกว่าค่ะ จะได้มีประกาศไว้ชั่งใจได้อย่างรอบด้านและรอบคอบมากขึ้นนะคะ
1. รู้สึกแข็งไปทั้งใบหน้า
ความรู้สึกว่าใบหน้าตึง แข็ง บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ ทำให้หน้าตาคุณดูทื่อคล้ายกับหุ่นยนต์ เค้ามูลเกิดจากปริมาณโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสม นับเป็นผลข้างเคียงที่ไม่เพียงส่งผลต่อรูปลักษณ์ แต่ยังส่งผลกระทบถึงจิตใจของผู้ป่วยด้วย
2. หางคิ้วกระดก
การฉีดโบท็อกซ์แล้วดูแลไม่เหมาะสมอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วยกตัวขึ้น ทำให้คิ้วของคุณเลิกสูงขึ้น จึงมีหน้าตาเหมือนคนที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่ด้านปรัศว์ของคิ้วด้วย
3. หนังตาตก
กล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาตไปอาจทำให้หนังตาของคุณตกลง หน้าดูจึงดูอ่อนล้าเหมือนคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา สมมติว่าจะเป็นผลข้างเคียงเพียงชั่วคราวและสามารถดัดนิสัยได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ผู้ป่วยใจเสียได้มากแท้จริง
4. หน้าผากตกและตึง
หากได้รับโบท็อกซ์ในจำนวนมากเกินควรในบริเวณหน้าผาก คุณจะรู้สึกตึงและหนักหน้าผาก หน้าผากจะดูตกลงเช่นเดียวกับหนังตา
5. มีอาการของโรคโบทูลิซึ่ม (Botulism)
เนื่องจากโบท็อกซ์ หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) คือสารที่สกัดได้จากแบคทีเรีย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เดินทางสารตัวนี้คือร่างกายผู้ป่วยแสดงอาการถูกสารดังกล่าวคุกคาม อันเรียกว่าเกิดอาการของโรคโบทูลิซึ่ม โดยอาการสามารถเกิดได้แม้กับบริเวณที่ไม่ไหวโบท็อกซ์อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป เช่น ฉีดที่หน้าแต่เกิดอาการอ่อนแรงที่แขนขา มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่ชัด เสียงหาย ความสามารถในการอั้นฉี่ลดลง เป็นต้น
6. ความรู้สึกชาและผิวช้ำ
ความรู้สึกและผิวช้ำเป็นจ้ำมีโอกาสเกิดขึ้นหาได้ในทุกเข็มที่ฉีดลงไป
7. ใบหน้าบางส่วนเป็นอัมพาต
กลไกการทำงานของโบท็อกซ์คือยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดสารลงไป กล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการนั้นจึงเป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ริ้วรอยจึงไม่เกิดเพิ่ม และนั่นคือสิ่งที่ผู้ฉีดโบท็อกซ์ต้องการ แต่ฤทธิ์ของสารที่ฉีดเข้าไปอาจกระจายออกไปกว้างกว่าที่ต้องการ ทำเอากล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงก็ชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ตามไปด้วย ใบหน้าจึงเป็นอัมพาตไปบางส่วน เช่นใดก็ดีอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปไม่คงอยู่ถาวร
8. ผลข้างเคียงอื่น ๆ
ผลข้างเคียงอื่น ๆโบท็อกซ์ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์ เช่น มีความรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง มีอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นต้น
แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะไม่นับเป็นพิธานศัลยกรรมโบท็อกซ์ แต่การสวยด้วยเข็มเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงพ่วงมาด้วยไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจก็อย่าลืมชั่งน้ำหนักความเสี่ยงกับความคุ้มค่าให้ถี่ถ้วนที่สุดก่อนเสมอนะคะ
โบท็อกซ์ลดเลือนริ้วรอย
โบท็อกซ์ เป็นวิธีการรักษานี้ที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว การรักษาด้วยโบท็อกซ์นี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าต้องใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่เข้ารับการบริการ
โบท็อกซ์ คืออะไร?
โบท๊อกซ์ คือสารจากธรรมดาโบท็อกซ์ที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้คุณแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถช่วยคงสภาพอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน
โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร?
เมื่อโบท็อกซ์จับกับปลายประสาท สัญญานจูงใจการหดตัวจะไม่มีผล กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ การฉีดโบท๊อกซ์ที่ถูกวิธีนั้นนอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้วคุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หากฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานข้าวของเครื่องใช้กล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสมรรถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย
การรักษาทำอย่างไรบ้าง?
แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยลงในตำแหน่งที่ต้องการบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยเข็มที่มีขนาดเล็กมาก โดยไม่ต้องใช้ยาชา ในบางกรณีแพทย์จะใช้น้ำแข็งประคบในส่วนที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์ก่อน การทำทรีทเม้นต์นี้จะใช้เวลาเพียง 10 นาที คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาทำจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายมดกัด
จะเห็นผลการรักษาหลังจากการทำโบท็อกซ์ได้อย่างไร?
ผู้คนส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ โดยส่วนมากแล้วโบท็อกซ์จะเริ่มทำงานทันที โดยหลังฉีดโบท๊อกซ์ 2-3 วันจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น และจะเห็นผลเต็มที่ในข้างในโบท็อกซ์ 7 วัน ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์นั้นจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และเพื่อรักษาประสิทธิภาพของสภาพผิวหนังจากการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์แนะนำให้ฉีดโบท๊อกซ์ซ้ำ 2-3 ครั้งต่อปี โดยจากการศึกษาพบว่าการฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้การฉีดโบท็อกซ์ครั้งต่อๆไป มีประสิทธิภาพที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณน้อยลงได้ในอนาคต
ริ้วรอยจะเพิ่มขึ้นหรือไม่หากหยุดฉีดโบท็อกซ์?
ริ้วรอยในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์จะไม่เพิ่มขึ้น โดยมากริ้วรอยของคุณจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนทำโบท็อกซ์ในช่วยระยะเวลาประมาน 6-12 เดือนหลังจากสารโบท๊อกซ์สลายตัวไป
การฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงถาวรของการฉีดโบท๊อกซ์ ในบางกรณีแขกอาจจะมีอาการปวด มีรอยช้ำเล็กน้อย เฉพาะในบริเวณที่ฉีด หรือปวดศรีษะ แต่อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น การฉีดโบท็อกซ์เพื่อยกคิ้วของคุณนั้น อาจทำให้รู้สึกหนักบริเวณเปลือกตาประมาน 1-4 สัปดาห์แรก และอาการนี้จะหายไปได้เอง
สามารถฉีดโบท็อกซ์บริเวณใดบ้าง?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในขัณฑสีมาที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่นหน้าผาก รอยตีนกา และริ้วรอยที่เกิดจากการยิ้มบริเวณรอบดวงตา คุณสามารถฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณคิ้วเพื่อช่วยให้ตาของคุณดูโตและอ่อนวัยขึ้น ในส่วนของริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยรอบริมฝีปาก ริ้วรอยที่คอหรือคาง แพทย์สามารถฉีดโบท็อกซ์ร่วมกับคอลลาเจน หรือการทำทรีทเม้นท์ด้วยเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วการฉีดโบท็อกซ์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากคือการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า ซึ่งบริเวณแนวขากรรไกรและแก้มเป็นบริเวณที่แขกนิยมฉีดมากที่สุดเพื่อปรับใบหน้าให้ดูเรียวขึ้น
การฉีดโบท็อกซ์ปลอดภัยหรือไม่?
โบท๊อกซ์เป็นยาชนิดแรกที่มีการขึ้นทะเบียนในการรักษาริ้วรอย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ทั้งของไทยและของสหรัฐอเมริกา มีการใช้โบท็อกซ์อย่างแพร่หลายมานานเกือบยี่สิบปี โดยมีการศึกษาวิจัยจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงาม สหรัฐอเมริกาในเรื่องของสวัสดิภาพและผลลัพธ์ในการรักษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าการฉีดโบท็อกซ์นี้เป็นการรักษาด้านเวชสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
Chiva-Som International Health Resort, Medi Spa Thailand - The Rainforest Suites
โบท็อกซ์ เป็นวิธีการรักษาที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว การรักษาด้วยโบท็อกซ์นี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงโปรดและเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่เข้ารับการบริการ
บริการของนิรันดร์ลดา
รู้จัก "โบท็อกซ์" และ "ฟิลเลอร์" ก่อนจะไปฉีด - หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2555 เวลา 00:00 น.
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาหลักใหญ่รอยย่นที่กวนใจ เช่น รอยย่นที่หน้าผาก หางตา รอยขมวดคิ้ว ร่องแก้ม ร่องใต้ตา จนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย อย่าเพิ่งเครียดหรือหมดกำลังใจไปซะก่อน ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน รอยดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยไม่ยากเย็น
เทคโนโลยีดังกล่าวที่ว่าคือ การใช้สารคลายกล้ามเนื้อหรือที่เรียกว่าโบท็อกซ์ และสารเติมเต็มที่เรียกว่า ฟิลเลอร์ หลายท่านอาจจะเคยมีความจัดเจนกับการรักษาด้วยโบท็อกซ์และสารฟิลเลอร์มาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่เคย และลังเลว่าควรหรือไม่ควร ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์กัน
สารโบท็อกซ์ หรือชื่อเต็มทางราชการโบท็อกซ์แพทย์คือ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จัดเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยกลไกการทำงานของสารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับยาขยับน้อยลงและคลายตัวออก ดังนั้น รอยย่นที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าที่ผาก รอยขมวดคิ้ว รอยที่หางตาจะค่อย ๆ หายไป สารตัวนี้ออกฤทธิ์โดยตรงที่กล้ามเนื้อ ส่วนวิธีการที่จะได้รับยาคือการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ สมมุติใช้วิธีการทายาจะทำให้สารไม่สามารถซึมลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อได้
บางคนอาจกังวลว่า จะทำให้เกิดก้อนสะสมขึ้นได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเนื่องจากยาตัวนี้จะซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อและออกฤทธิ์ ดังนั้นยาจะไม่ไปทำให้เกิดปึกใต้ผิวแต่อย่างใด ตัวยาจะค่อย ๆ สลายไปเองใน 4 เดือน และเพื่อให้ได้ผลต่อเนื่อง จึงควรฉีดทุก 4 เดือน นอกจากการใช้โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังสามารถใช้ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับฟิลเลอร์ หรือที่เรียกว่าสารเติมเต็ม มีข้อบ่งบอกโบท็อกซ์คือใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพื่อเติมหรือเสริมส่วนที่บกพร่อง จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์มีมานานหลายสิบปี โดยเริ่มมีวิวัฒนาการมาจากการใช้สารกลุ่มฟาราฟิน ซิลิโคน คอลลาเจน แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องการเกิดปฏิกิริยาหลังฉีด เกิดก้อนภายหลัง ซึ่งมักจะเกิดหลังจากฉีดเป็นเดือนหรือเป็นปี จึงได้มีการพัฒนามาเป็นสารที่มีปฏิกิริยาน้อย
สารฟิลเลอร์ตัวล่าสุดที่นิยมใช้กันคือ สารกลุ่มไฮยารูโลนิก แอซิด หรือบางคนเรียกสั้น ๆ ว่า เอชเอ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในผิวมนุษย์ สารตัวนี้ได้นำมาใช้ได้ประมาณ 10 ปีแล้ว โดยพบว่าไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรือก้อนในภายหลัง สำหรับบริเวณที่นิยมใช้สารฟิลเลอร์ได้แก่ ร่องแก้ม ร่องบริเวณมุมปาก ริมฝีปาก ข้อดีของฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด คือไม่เกิดก้อน และโอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก แต่ข้อเสียคือต้องฉีดซ้ำเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากตัวสารจะค่อย ๆ สลายไปเองในช่วงเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี แล้วแต่ชนิดของไฮยาลูโรนิก แอซิด
ส่วนสารฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่มีใช้ในต่างประเทศ เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทท์ และโพลีแอลแลคติก แอซิด เป็นสารที่อยู่ในผิวหนังได้นานเป็นปีและจะค่อย ๆ สลายไป สารเหล่านี้ได้รับการรับรองโดยองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกาให้ใช้เพื่อการเติมเต็มแล้ว แต่ยังไม่มีการนำมาใช้ในประเทศไทย
การฉีดสารโบท็อกซ์ และการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ การรักษาส่วนมากจะใช้เวลา 5-20 นาที ในรายที่กลัวความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาชาชนิดทา ทาก่อนเริ่มทำการรักษาประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยโดยมากจะกลับไปทำงานต่อได้ทันที สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะทำการรักษาคือต้องคุยกับแพทย์ถึงความต้องการและให้แพทย์ประเมินความเป็นไปได้ถึงผลที่จะได้รับ สำหรับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ การมีจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น จึงมีข้อแนะนำว่า ควรหยุดยาที่อาจทำให้เลือดออกง่ายก่อนจะฉีด เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาละลายลิ่มเลือด วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย รวมทั้งไม่ควรฉีดหากจะมีงานสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์อาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดที่ไม่ต้องการ จึงควรงดนวดหน้าภายหลังการฉีดและควรหลีกเลี่ยงการนอนราบภายหลังฉีด 4 ชั่วโมง ข้อสำคัญคือ ควรเลือกสถานที่ฉีดที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่จำพวกที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา นอกจากนี้ควรมีการเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง แต่อย่าพิจารณาเรื่องปัจจัยด้านราคาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ในประจุบันมีหลายยี่ห้อ เหมือนรถตามท้องตลาดที่มีราคาหลากหลาย ฉะนั้นควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับงบประมาณโดยที่ยังได้ทั้งคุณภาพและไม่เกิดผลเสียในระยะยาวด้วย
สารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ชนิดไฮยารูโลนิก แอซิด ได้ถูกนำมาใช้ในทางผิวหนังไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นสารที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยหากใช้ตามข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม ข้อมูลจากแผนกผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า ผลรวมผู้ที่เข้ามารับบริการการรักษาดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่รับการฉีดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา ควรรับทราบผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย เพื่อที่จะได้มีข้อปฏิบัติตัวที่ดีทั้งก่อนและหลังทำการรักษา.
นายแพทย์วาสนา วชิรมน
อาจารย์แพทย์ประจำแผนกผิวหนังและเลเซอร์ หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลBOTOX เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botolinum Toxin type A ที่ฮอตฮิตติดอันดับหนึ่ง ของวงการความสวยความงามทั่วโลก นั่นเพราะโบท๊อกซ์ มีประสิทธิภาพในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ โดย โบท๊อกซ์ จะออกฤทธิ์ ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ก่อเกิดริ้วรอยย่นคลายตัว จึงมีการใช้สารโบท๊อกซ์ ฉีดลบริ้วรอยกันอย่างแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในเวลาหลังจากนั้น นอกจากนั้นโบท๊อกซ์ยังสามารถช่วยในการปรับแต่งแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ปลายจมูกบาน หรือยกปลายจมูกให้ตั้งขึ้น ร่องแก้มลึก ริ้วรอบรอบริมฝีปาก รอยหยักรอยบุ๋มบริเวณคาง รอยย่นบริเวณคอ การปรับความค้งของคิ้วในรูปแบบต่างๆ การทำดวงตาให้ดูกลมโตขึ้น
ส่วนเทคนิคใหม่ที่น่าสนใจของการใช้โบท๊อกซ์ ในขณะนี้คือการยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น (Microbotox for Lifting) วิธีนี้ให้ผลดีมาก โดยหลังจากฉีดหนึ่งสัปดาห์จะรู้สึกว่าใบหน้าตึงกระชับขึ้น ผิวที่หย่อนคล้อยดีขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าไม่มันแลดูละเอียดขึ้นอีกด้วย
ปรับโครงหน้าเหลี่ยมให้เรียวสวยด้วยโบท๊อกซ์
ผู้ที่มีโครงหน้าเหลี่ยมจะมีลักษณะกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรที่ใหญ่กว่าปกติ กล้ามเนื้อชนิดนี้มีชื่อว่า “Masseter” มักพบในคนที่นอนกัดฟัน สบฟันไม่สนิท หรือเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวอย่างปลาหมึกหรือหมากฝรั่งมากๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามหรือขากรรไกรมีการพัฒนาให้หนานูนมากกว่าปกติ หรือบางรายอาจจะเป็นโดยกำเนิด เมื่อสังเกตบริเวณใบหน้าจะพบว่าคางเป็นเหลี่ยมอย่างชัดเจน หากลองกัดฟันจะเห็นลำของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรทั้งสองฟากชัดเจนกว่าปกติ การฉีดโบท๊อกซ์ ทำให้ใบหน้าเหลี่ยมดูเรียวเล็กลงได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดกราม เพราะโบท๊อกซ์ จะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อและช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ความหนานูนของกล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามจึงลดลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลงได้
Botox Face Lift
การฉีด Botox เพื่อกระชับรูปหน้า แพทย์จะฉีดไล่ตามแนวกรอบหน้า และลำคอ ตามปัญหาของแต่ละคน โดยสารโบทอกซ์ที่ฉีดเข้าไป ตรงกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Platysma muscle ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อแผ่นใหญ่มากพาดระหว่างพวน 1ขอ¬บคาง ยาวลงเกือบถึงไหปลาร้า มีหน้าที่ดึงหน้าลง เมื่อปูนมากขึ้น ผิวจะหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง การฉีดกล้ามเนื้อมัดนี้ ซึ่งทำหน้าที่ดึงหน้าลงให้คลายตัว กล้ามเนื้อมัดตรงข้ามจะปฏิบัติงานได้เด่นกว่า ส่งผลให้หน้าถูกยกขึ้น ลำคอตึงกระชับ หน้าเรียวขึ้น
โบท๊อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่ช่วง 2-3 เดือน ปฤษฎางค์จากการฉีด ซึ่งผลการรักษาแต่ละครั้งจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน
มารู้จักโบท็อกซ์ (BOTOX) โบท็อกซ์ คืออย่างไร?
"โบท็อกซ์" (Botox) เป็นนามสมญาทางการค้า (trade name) ของสาร โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum toxin A) ซึ่งเป็นโปรตีน หมวดหนึ่ง ที่สร้างจาก แบคทีเรีย นามสมญา คลอสตริเดียม โบทูลินั่ม (Clostridium botulinum) ที่ก่อให้เกิดโรคอาหารเป็นพิษแก่มนุษย์ หากได้รับในปริมาณมากๆ เช่น โบท็อกซ์กระป๋องที่ปนเปื้อนด้วยโบท็อกซ์ตัวนี้ก็อาจเป็นอันตรายถึงชีวิตได้ จากการที่โบท็อกซ์กระบังลมไม่ทำงาน ผู้ป่วยจึงหยุดหายใจ
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์ อย่างไร?
โบทูลินั่ม ท็อกซิน ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับเรื่องปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาท ไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามโบท็อกซ์จึงคลายตัว หรือ อีกนัยหนึ่งก็คือ เกิด อัมพาตของกล้ามเนื้อเล็กๆนั้น โดยจะเริ่มออกฤทธิ์ภายใน 2-3 วัน และเห็นผลสูงสุดในเวลาประมาณ 7- 14 วัน
แล้วแพทย์เอา "สารพิษ" นี้มาใช้ทำไม?
แพทย์ทราบมานานหลายสิบปีแล้วว่าหากฉีดเข้าไปในกล้ามเนื้อในปริมาณน้อยๆ โบทูลินั่ม ท็อกซินจะทำให้กล้ามเนื้อ "คลายตัว" ดังนั้นในยุคแรกๆ โบท็อกซ์แพทย์จึงนำโบทูลินั่ม ท็อกซิน มาฉีดรักษาโรคตาเหล่ ตาเข และโดยประจวบเหมาะจากการฉีดรักษาในบริเวณรอบดวงตานี้เอง ก็ทำให้แพทย์พบว่าริ้วรอยบริเวณใบหน้า โดยเฉพาะบริเวณหน้าผากหว่างคิ้วและรอบดวงตาดีขึ้นด้วย
ในยุคต่อมาจึงมีการฉีด โบท็อกซ์ เพื่อประโยชน์ในด้านความสวยงามตามมาอย่างแพร่หลาย และมีเทคนิควิธีการที่ต่างๆ กันออกไป มีการนำมาฉีดเพื่อทำให้หน้าเรียวลง ยกกระชับผิวหนัง ลดเหงื่อบริเวณรักแร้ ฝ่ามือ ตลอดจนป้องกันอาการปวดศีรษะ ปวดเกร็งต้นคอ และอีกหลายกรณี ในประเทศสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวมีการฉีดกันเป็น ล้านๆครั้ง ต่อปี
ผลของการฉีด โบทูลินั่ม ท็อกซิน อยู่นานเท่าใด?
โดยทั่วไปผลของการฉีดจะอยู่ได้นานประมาณ 3-8 เดือน ทั้งนี้ขึ้นกับว่าฉีดรักษาอาการอะไร ฉีดบริเวณใด ฉีดเป็นครั้งแรกหรือเป็นการฉีดซ้ำ ผู้รับการรักษาอายุเท่าใด ซึ่งการที่ผลการรักษาอยู่ไม่ถาวรนั้น ที่จริงอาจนับได้ว่าเป็นข้อดี เพราะสมมติว่าผลที่ได้รับไม่เป็นที่น่าพอใจ ในที่สุดก็จะค่อยๆ หายไปเองได้ ข้อเสียก็คือสิ้นเปลือง เพราะหากได้ผลดี ถูกใจก็ต้องฉีดซ้ำเรื่อยๆ
โบท็อกซ์ อันตรายหรือไม่
จากการรวบรวมผู้ป่วยที่ได้รับการฉีด โบท็อกซ์ จำนวนมาก ในต่างประเทศ พบว่าไม่มีอันตรายถึงชีวิต เมื่อใช้โดยผู้เชี่ยวชาญและใช้ฉีดเพื่อความสวยงาม
ผลข้างเคียงส่วนมากที่เกิดขึ้นมักเป็นแบบเฉพาะที่ เช่น หนังตาตก กลืนอาหารลำบาก หน้าไม่สมมาตร หรือจุดเลือดออกในบริเวณที่ฉีด ซึ่งเกิดได้แม้ในมือผู้เชี่ยวชาญ ดังนั้นแพทย์ และผู้ทำการรักษาจึงควรคุยกันโดยละเอียดก่อนการฉีดทุกครั้ง
เมื่อเกิดผลข้างเคียงแล้วจะทำอย่างไร?
ดังที่ได้กล่าวแล้วโบท็อกซ์ว่าผลจากการฉีด โบทูลินั่มท็อกซิน นั้นจะค่อยๆ เปลืองไปเองภายในเวลาเป็นเดือน ดังนั้นผู้รับการรักษาจึงใจเย็นๆ และค่อยๆ รอให้ผลของ โบท็อกซ์ หมดไปเองก็ได้ ส่วนในกรณีที่เกิดหนังตาตกนั้น ผู้รับการรักษาควรปรึกษาแพทย์ผู้ทำการรักษาเป็นกรณีไป
เข้าระบบ
สมัครสมาชิก ได้มากกว่าที่คุณคิด
Kapook
รู้ไว้ก่อนตัดสินใจ 8 ผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์
ศัลยกรรม
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
"การฉีดโบท็อกซ์" กระบวนการหยุดอายุด้วยเข็ม เมื่อสิบกว่าปีที่แล้วยังฟังดูเป็นเรื่องไกลตัวจริง ๆ แต่พอมาถึงยุคนี้การฉีดโบท็อกซ์กลับดูเป็นเรื่องใกล้ตัวเอามาก ๆ คลินิกเสริมความงามหลายแห่งมีให้บริการนี้ในราคาที่เอื้อมถึงได้ไม่ยากนัก และคุณเองอาจเคยได้ฟังคำบอกเล่าประสบการณ์ตรงการฉีดโบท็อกซ์จากเพื่อน ๆ มาโบท็อกซ์แล้วก็ได้ หากว่าคุณเองก็สนใจที่จะหยุดอายุหรือปรับรูปหน้าให้ดูเรียวลงด้วยโบท็อกซ์บ้างแล้วล่ะก็ ก่อนจะเชื่อคำที่บรรยายมาจากคนใกล้ตัว หรือเชื่อว่าทำออกมาแล้วจะต้องสวยเหมือนดาราคนนั้นคนนี้แน่ ๆ ลองมาดูความเสี่ยงที่อาจเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์ดูบ้างดีกว่าค่ะ จะได้มีประกาศไว้ชั่งใจได้อย่างรอบด้านและรอบคอบมากขึ้นนะคะ
1. รู้สึกแข็งไปทั้งใบหน้า
ความรู้สึกว่าใบหน้าตึง แข็ง บังคับกล้ามเนื้อบนใบหน้าไม่ได้ ทำให้หน้าตาคุณดูทื่อคล้ายกับหุ่นยนต์ เค้ามูลเกิดจากปริมาณโบท็อกซ์ที่ฉีดเข้าไปไม่เหมาะสม นับเป็นผลข้างเคียงที่ไม่เพียงส่งผลต่อรูปลักษณ์ แต่ยังส่งผลกระทบถึงจิตใจของผู้ป่วยด้วย
2. หางคิ้วกระดก
การฉีดโบท็อกซ์แล้วดูแลไม่เหมาะสมอาจทำให้กล้ามเนื้อบริเวณคิ้วยกตัวขึ้น ทำให้คิ้วของคุณเลิกสูงขึ้น จึงมีหน้าตาเหมือนคนที่กำลังรู้สึกตื่นเต้นอยู่ตลอดเวลา รวมทั้งยังอาจทำให้เกิดรอยย่นขึ้นที่ด้านปรัศว์ของคิ้วด้วย
3. หนังตาตก
กล้ามเนื้อที่เป็นอัมพาตไปอาจทำให้หนังตาของคุณตกลง หน้าดูจึงดูอ่อนล้าเหมือนคนง่วงนอนอยู่ตลอดเวลา สมมติว่าจะเป็นผลข้างเคียงเพียงชั่วคราวและสามารถดัดนิสัยได้ แต่ก็ต้องยอมรับว่าทำให้ผู้ป่วยใจเสียได้มากแท้จริง
4. หน้าผากตกและตึง
หากได้รับโบท็อกซ์ในจำนวนมากเกินควรในบริเวณหน้าผาก คุณจะรู้สึกตึงและหนักหน้าผาก หน้าผากจะดูตกลงเช่นเดียวกับหนังตา
5. มีอาการของโรคโบทูลิซึ่ม (Botulism)
เนื่องจากโบท็อกซ์ หรือ โบทูลินั่ม ท็อกซิน เอ (Botulinum Toxin A) คือสารที่สกัดได้จากแบคทีเรีย ผลข้างเคียงที่อาจเกิดขึ้นได้เดินทางสารตัวนี้คือร่างกายผู้ป่วยแสดงอาการถูกสารดังกล่าวคุกคาม อันเรียกว่าเกิดอาการของโรคโบทูลิซึ่ม โดยอาการสามารถเกิดได้แม้กับบริเวณที่ไม่ไหวโบท็อกซ์อยู่ใกล้เคียงกับจุดที่ฉีดโบท็อกซ์เข้าไป เช่น ฉีดที่หน้าแต่เกิดอาการอ่อนแรงที่แขนขา มองเห็นภาพซ้อนหรือมองไม่ชัด เสียงหาย ความสามารถในการอั้นฉี่ลดลง เป็นต้น
6. ความรู้สึกชาและผิวช้ำ
ความรู้สึกและผิวช้ำเป็นจ้ำมีโอกาสเกิดขึ้นหาได้ในทุกเข็มที่ฉีดลงไป
7. ใบหน้าบางส่วนเป็นอัมพาต
กลไกการทำงานของโบท็อกซ์คือยับยั้งการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณที่ฉีดสารลงไป กล้ามเนื้อส่วนที่ต้องการนั้นจึงเป็นอัมพาตชั่วคราว เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถเคลื่อนไหวได้ริ้วรอยจึงไม่เกิดเพิ่ม และนั่นคือสิ่งที่ผู้ฉีดโบท็อกซ์ต้องการ แต่ฤทธิ์ของสารที่ฉีดเข้าไปอาจกระจายออกไปกว้างกว่าที่ต้องการ ทำเอากล้ามเนื้อบริเวณข้างเคียงก็ชา ไม่สามารถขยับเคลื่อนไหวได้ตามไปด้วย ใบหน้าจึงเป็นอัมพาตไปบางส่วน เช่นใดก็ดีอาการนี้จะค่อย ๆ หายไปไม่คงอยู่ถาวร
8. ผลข้างเคียงอื่น ๆ
ผลข้างเคียงอื่น ๆโบท็อกซ์ ที่สามารถเกิดขึ้นได้จากการฉีดโบท็อกซ์ เช่น มีความรู้สึกเจ็บที่ใบหน้า ปวดศีรษะ ผิวเห่อแดง มีอาการวิงเวียนศีรษะ เป็นต้น
แม้ว่าการฉีดโบท็อกซ์จะไม่นับเป็นพิธานศัลยกรรมโบท็อกซ์ แต่การสวยด้วยเข็มเช่นนี้ก็มีความเสี่ยงพ่วงมาด้วยไม่ต่างกัน เพราะฉะนั้นก่อนจะตัดสินใจก็อย่าลืมชั่งน้ำหนักความเสี่ยงกับความคุ้มค่าให้ถี่ถ้วนที่สุดก่อนเสมอนะคะ
โบท็อกซ์ลดเลือนริ้วรอย
โบท็อกซ์ เป็นวิธีการรักษานี้ที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว การรักษาด้วยโบท็อกซ์นี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าต้องใจและเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่เข้ารับการบริการ
โบท็อกซ์ คืออะไร?
โบท๊อกซ์ คือสารจากธรรมดาโบท็อกซ์ที่เป็นโปรตีนบริสุทธิ์สกัดจากแบคทีเรียที่มีประโยชน์ชนิดหนึ่งซึ่งจะช่วยคลายกล้ามเนื้อบริเวณที่หดตัว โดยหลังการฉีดโบท็อกซ์แล้วตัวยาจะจับตัวกับปลายเส้นประสาทที่เชื่อมต่อกับกล้ามเนื้อ ทำให้กล้ามเนื้อส่วนนั้นคลายตัว ส่งผลให้ริ้วรอยลดเลือน เมื่อกล้ามเนื้อไม่เกร็งตัวแล้ว โบท็อกซ์ยังจะช่วยส่งผลปรับลดขนาดกล้ามเนื้อ ช่วยให้คุณแลดูอ่อนเยาว์มากยิ่งขึ้น เพียง 10 นาที หลังจากทำการรักษา กล้ามเนื้อของคุณจะรู้สึกผ่อนคลาย ร่องลึกจะเริ่มคลายตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไปและเมื่อเวลาผ่านไปกล้ามเนื้อจะเล็กลง ทำให้ผิวบริเวณนี้เรียบตึง การเปลี่ยนแปลงนี้สามารถช่วยคงสภาพอยู่ได้นานกว่า 4 เดือน
โบท็อกซ์ ทำงานอย่างไร?
เมื่อโบท็อกซ์จับกับปลายประสาท สัญญานจูงใจการหดตัวจะไม่มีผล กล้ามเนื้อของคุณจะผ่อนคลาย ริ้วรอยต่างๆจะค่อยๆเนียนเรียบขึ้นจากเดิม และจะช่วยป้องกันไม่ให้เกิดริ้วรอยใหม่ การฉีดโบท๊อกซ์ที่ถูกวิธีนั้นนอกจากจะไม่ทำให้หน้าคุณดูแข็งเกร็งแล้วคุณยังสามารถแสดงอารมณ์ทางสีหน้าได้อย่างเป็นปกติ เพราะโบท๊อกซ์จะทำงานเฉพาะในส่วนของกล้ามเนื้อที่แพทย์ได้เลือกฉีด เช่น หากฉีดโบท็อกซ์ในบริเวณกล้ามเนื้อที่หน้าผากส่วนกลางแล้ว จะไม่กระทบกับการทำงานข้าวของเครื่องใช้กล้ามเนื้อหน้าผากด้านข้าง ผลคือคุณจะสามารถการยกคิ้วได้อย่างเป็นธรรมชาติ ทำให้การแสดงอารมณ์ทางสีหน้าเป็นไปได้อย่างเป็นปกติ นอกจากจะช่วยให้ผิวเรียบตึงขึ้นแล้วโบท็อกซ์ยังสมรรถช่วยลดการทำงานในส่วนของกล้ามเนื้อที่เราไม่ต้องการ ซึ่งจะช่วยปรับรูปหน้าของคุณให้เรียวขึ้นได้อีกด้วย
การรักษาทำอย่างไรบ้าง?
แพทย์จะฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณเพียงเล็กน้อยลงในตำแหน่งที่ต้องการบริเวณกล้ามเนื้อใบหน้าด้วยเข็มที่มีขนาดเล็กมาก โดยไม่ต้องใช้ยาชา ในบางกรณีแพทย์จะใช้น้ำแข็งประคบในส่วนที่จะทำการฉีดโบท็อกซ์ก่อน การทำทรีทเม้นต์นี้จะใช้เวลาเพียง 10 นาที คนไข้ส่วนใหญ่ที่มาทำจะมีความรู้สึกเจ็บเล็กน้อยคล้ายมดกัด
จะเห็นผลการรักษาหลังจากการทำโบท็อกซ์ได้อย่างไร?
ผู้คนส่วนใหญ่สามารถกลับไปทำกิจกรรมต่างๆได้ตามปกติ โดยส่วนมากแล้วโบท็อกซ์จะเริ่มทำงานทันที โดยหลังฉีดโบท๊อกซ์ 2-3 วันจะเริ่มเห็นผลชัดเจนขึ้น และจะเห็นผลเต็มที่ในข้างในโบท็อกซ์ 7 วัน ประสิทธิภาพของโบท็อกซ์นั้นจะคงอยู่ได้ประมาณ 4-6 เดือน ขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล และเพื่อรักษาประสิทธิภาพของสภาพผิวหนังจากการฉีดโบท็อกซ์ แพทย์แนะนำให้ฉีดโบท๊อกซ์ซ้ำ 2-3 ครั้งต่อปี โดยจากการศึกษาพบว่าการฉีดโบท็อกซ์อย่างต่อเนื่องจะช่วยทำให้การฉีดโบท็อกซ์ครั้งต่อๆไป มีประสิทธิภาพที่ยาวนานมากขึ้น ซึ่งจะช่วยให้คุณฉีดโบท็อกซ์ในปริมาณน้อยลงได้ในอนาคต
ริ้วรอยจะเพิ่มขึ้นหรือไม่หากหยุดฉีดโบท็อกซ์?
ริ้วรอยในบริเวณที่ฉีดโบท็อกซ์จะไม่เพิ่มขึ้น โดยมากริ้วรอยของคุณจะกลับมาเป็นปกติเหมือนก่อนทำโบท็อกซ์ในช่วยระยะเวลาประมาน 6-12 เดือนหลังจากสารโบท๊อกซ์สลายตัวไป
การฉีดโบท็อกซ์มีผลข้างเคียงหรือไม่?
ยังไม่มีรายงานถึงผลข้างเคียงถาวรของการฉีดโบท๊อกซ์ ในบางกรณีแขกอาจจะมีอาการปวด มีรอยช้ำเล็กน้อย เฉพาะในบริเวณที่ฉีด หรือปวดศรีษะ แต่อาการดังกล่าวจะเกิดขึ้นเพียงชั่วคราวเท่านั้น การฉีดโบท็อกซ์เพื่อยกคิ้วของคุณนั้น อาจทำให้รู้สึกหนักบริเวณเปลือกตาประมาน 1-4 สัปดาห์แรก และอาการนี้จะหายไปได้เอง
สามารถฉีดโบท็อกซ์บริเวณใดบ้าง?
การฉีดโบท็อกซ์นั้นสามารถฉีดได้ในขัณฑสีมาที่มีริ้วรอยที่เกิดจากการแสดงอารมณ์ เช่นหน้าผาก รอยตีนกา และริ้วรอยที่เกิดจากการยิ้มบริเวณรอบดวงตา คุณสามารถฉีดโบท็อกซ์ที่บริเวณคิ้วเพื่อช่วยให้ตาของคุณดูโตและอ่อนวัยขึ้น ในส่วนของริ้วรอยร่องแก้ม ริ้วรอยรอบริมฝีปาก ริ้วรอยที่คอหรือคาง แพทย์สามารถฉีดโบท็อกซ์ร่วมกับคอลลาเจน หรือการทำทรีทเม้นท์ด้วยเลเซอร์ฟื้นฟูสภาพผิวเพื่อผลลัพธ์ที่ดีขึ้นได้ นอกจากนี้แล้วการฉีดโบท็อกซ์ที่กำลังเป็นที่นิยมอย่างมากคือการฉีดเพื่อปรับรูปหน้า ซึ่งบริเวณแนวขากรรไกรและแก้มเป็นบริเวณที่แขกนิยมฉีดมากที่สุดเพื่อปรับใบหน้าให้ดูเรียวขึ้น
การฉีดโบท็อกซ์ปลอดภัยหรือไม่?
โบท๊อกซ์เป็นยาชนิดแรกที่มีการขึ้นทะเบียนในการรักษาริ้วรอย และผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา ทั้งของไทยและของสหรัฐอเมริกา มีการใช้โบท็อกซ์อย่างแพร่หลายมานานเกือบยี่สิบปี โดยมีการศึกษาวิจัยจากสมาคมศัลยกรรมเพื่อความงาม สหรัฐอเมริกาในเรื่องของสวัสดิภาพและผลลัพธ์ในการรักษาเป็นจำนวนมาก ซึ่งถือได้ว่าการฉีดโบท็อกซ์นี้เป็นการรักษาด้านเวชสำอางที่ได้รับความนิยมเป็นอันดับ1 ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2544
Chiva-Som International Health Resort, Medi Spa Thailand - The Rainforest Suites
โบท็อกซ์ เป็นวิธีการรักษาที่ทำได้ง่าย ไม่ต้องผ่าตัด สามารถช่วยลดเลือนริ้วรอยและร่องลึกได้ภายในระยะเวลาที่รวดเร็ว การรักษาด้วยโบท็อกซ์นี้จะให้ผลลัพธ์ที่น่าพึงโปรดและเพิ่มความมั่นใจให้กับแขกที่เข้ารับการบริการ
บริการของนิรันดร์ลดา
รู้จัก "โบท็อกซ์" และ "ฟิลเลอร์" ก่อนจะไปฉีด - หมอรามาฯ ไขปัญหาสุขภาพ
วันเสาร์ที่ 15 กันยายน 2555 เวลา 00:00 น.
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่มีปัญหาหลักใหญ่รอยย่นที่กวนใจ เช่น รอยย่นที่หน้าผาก หางตา รอยขมวดคิ้ว ร่องแก้ม ร่องใต้ตา จนทำให้ใบหน้าดูแก่กว่าวัย อย่าเพิ่งเครียดหรือหมดกำลังใจไปซะก่อน ด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบัน รอยดังกล่าวสามารถแก้ไขได้โดยไม่ยากเย็น
เทคโนโลยีดังกล่าวที่ว่าคือ การใช้สารคลายกล้ามเนื้อหรือที่เรียกว่าโบท็อกซ์ และสารเติมเต็มที่เรียกว่า ฟิลเลอร์ หลายท่านอาจจะเคยมีความจัดเจนกับการรักษาด้วยโบท็อกซ์และสารฟิลเลอร์มาแล้ว แต่ก็ยังมีอีกหลายท่านที่ยังไม่เคย และลังเลว่าควรหรือไม่ควร ในวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับสารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์กัน
สารโบท็อกซ์ หรือชื่อเต็มทางราชการโบท็อกซ์แพทย์คือ สารโบทูลินั่ม ท็อกซิน จัดเป็นโปรตีนชนิดหนึ่ง มีฤทธิ์ทำให้กล้ามเนื้อคลายตัว โดยกลไกการทำงานของสารนี้จะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่ได้รับยาขยับน้อยลงและคลายตัวออก ดังนั้น รอยย่นที่เกิดจากการขยับกล้ามเนื้อ เช่น รอยย่นหน้าที่ผาก รอยขมวดคิ้ว รอยที่หางตาจะค่อย ๆ หายไป สารตัวนี้ออกฤทธิ์โดยตรงที่กล้ามเนื้อ ส่วนวิธีการที่จะได้รับยาคือการฉีดเข้าที่กล้ามเนื้อ สมมุติใช้วิธีการทายาจะทำให้สารไม่สามารถซึมลงไปถึงชั้นกล้ามเนื้อได้
บางคนอาจกังวลว่า จะทำให้เกิดก้อนสะสมขึ้นได้ ซึ่งเป็นความเชื่อที่ผิดเนื่องจากยาตัวนี้จะซึมเข้าไปในกล้ามเนื้อและออกฤทธิ์ ดังนั้นยาจะไม่ไปทำให้เกิดปึกใต้ผิวแต่อย่างใด ตัวยาจะค่อย ๆ สลายไปเองใน 4 เดือน และเพื่อให้ได้ผลต่อเนื่อง จึงควรฉีดทุก 4 เดือน นอกจากการใช้โบท็อกซ์เพื่อลดริ้วรอยดังที่ได้กล่าวมาแล้ว ยังสามารถใช้ลดขนาดกล้ามเนื้อบริเวณกรามทำให้ใบหน้าเรียวขึ้นได้อีกด้วย
สำหรับฟิลเลอร์ หรือที่เรียกว่าสารเติมเต็ม มีข้อบ่งบอกโบท็อกซ์คือใช้ฉีดเข้าใต้ผิวหนังเพื่อเติมหรือเสริมส่วนที่บกพร่อง จริง ๆ แล้วฟิลเลอร์มีมานานหลายสิบปี โดยเริ่มมีวิวัฒนาการมาจากการใช้สารกลุ่มฟาราฟิน ซิลิโคน คอลลาเจน แต่พบว่ามีปัญหาเรื่องการเกิดปฏิกิริยาหลังฉีด เกิดก้อนภายหลัง ซึ่งมักจะเกิดหลังจากฉีดเป็นเดือนหรือเป็นปี จึงได้มีการพัฒนามาเป็นสารที่มีปฏิกิริยาน้อย
สารฟิลเลอร์ตัวล่าสุดที่นิยมใช้กันคือ สารกลุ่มไฮยารูโลนิก แอซิด หรือบางคนเรียกสั้น ๆ ว่า เอชเอ ซึ่งเป็นสารธรรมชาติที่มีอยู่แล้วในผิวมนุษย์ สารตัวนี้ได้นำมาใช้ได้ประมาณ 10 ปีแล้ว โดยพบว่าไม่ก่อให้เกิดปฏิกิริยาหรือก้อนในภายหลัง สำหรับบริเวณที่นิยมใช้สารฟิลเลอร์ได้แก่ ร่องแก้ม ร่องบริเวณมุมปาก ริมฝีปาก ข้อดีของฟิลเลอร์ชนิดไฮยาลูโรนิก แอซิด คือไม่เกิดก้อน และโอกาสเกิดการแพ้น้อยมาก แต่ข้อเสียคือต้องฉีดซ้ำเมื่อเวลาผ่านไปเนื่องจากตัวสารจะค่อย ๆ สลายไปเองในช่วงเวลา 6 เดือนถึง 1 ปี แล้วแต่ชนิดของไฮยาลูโรนิก แอซิด
ส่วนสารฟิลเลอร์ชนิดอื่นที่มีใช้ในต่างประเทศ เช่น แคลเซียมไฮดรอกซีอะพาไทท์ และโพลีแอลแลคติก แอซิด เป็นสารที่อยู่ในผิวหนังได้นานเป็นปีและจะค่อย ๆ สลายไป สารเหล่านี้ได้รับการรับรองโดยองค์การอาหารและยาในสหรัฐอเมริกาให้ใช้เพื่อการเติมเต็มแล้ว แต่ยังไม่มีการนำมาใช้ในประเทศไทย
การฉีดสารโบท็อกซ์ และการฉีดฟิลเลอร์ ไม่ต้องมีการเตรียมตัวอะไรเป็นพิเศษ การรักษาส่วนมากจะใช้เวลา 5-20 นาที ในรายที่กลัวความเจ็บ แพทย์อาจใช้ยาชาชนิดทา ทาก่อนเริ่มทำการรักษาประมาณครึ่งชั่วโมง ผู้ป่วยโดยมากจะกลับไปทำงานต่อได้ทันที สิ่งสำคัญที่สุดก่อนที่จะทำการรักษาคือต้องคุยกับแพทย์ถึงความต้องการและให้แพทย์ประเมินความเป็นไปได้ถึงผลที่จะได้รับ สำหรับผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้คือ การมีจ้ำเลือดบริเวณที่ฉีด ซึ่งใช้เวลาประมาณ 1 สัปดาห์จึงจะดีขึ้น จึงมีข้อแนะนำว่า ควรหยุดยาที่อาจทำให้เลือดออกง่ายก่อนจะฉีด เช่น ยาแก้ปวดบางชนิด ยาละลายลิ่มเลือด วิตามินอี น้ำมันปลา ใบแปะก๊วย รวมทั้งไม่ควรฉีดหากจะมีงานสำคัญในอีกไม่กี่วันข้างหน้า
นอกจากนี้การฉีดโบท็อกซ์อาจเกิดผลข้างเคียงได้ หากยากระจายไปยังกล้ามเนื้อมัดที่ไม่ต้องการ จึงควรงดนวดหน้าภายหลังการฉีดและควรหลีกเลี่ยงการนอนราบภายหลังฉีด 4 ชั่วโมง ข้อสำคัญคือ ควรเลือกสถานที่ฉีดที่ไว้ใจได้ เพื่อป้องกันโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ปลอม หรือไม่จำพวกที่ไม่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยา นอกจากนี้ควรมีการเตรียมพร้อมเรื่องค่าใช้จ่ายเป็นสิ่งสำคัญอีกประการหนึ่ง แต่อย่าพิจารณาเรื่องปัจจัยด้านราคาเพียงอย่างเดียว เนื่องจากสารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ในประจุบันมีหลายยี่ห้อ เหมือนรถตามท้องตลาดที่มีราคาหลากหลาย ฉะนั้นควรเลือกชนิดที่เหมาะสมกับงบประมาณโดยที่ยังได้ทั้งคุณภาพและไม่เกิดผลเสียในระยะยาวด้วย
สารโบท็อกซ์และฟิลเลอร์ชนิดไฮยารูโลนิก แอซิด ได้ถูกนำมาใช้ในทางผิวหนังไม่ต่ำกว่า 10 ปีแล้ว และเป็นสารที่ได้รับการรับรองจากองค์การอาหารและยาทั้งในประเทศไทยและสหรัฐอเมริกา จึงมั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยหากใช้ตามข้อบ่งชี้ที่เหมาะสม ข้อมูลจากแผนกผิวหนัง คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดีพบว่า ผลรวมผู้ที่เข้ามารับบริการการรักษาดังกล่าวมีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ไม่ว่าจะเป็นเพศหญิงหรือเพศชาย สิ่งที่สำคัญคือผู้ที่รับการฉีดควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทำการรักษา ควรรับทราบผลการรักษาและผลข้างเคียงที่อาจจะเกิดขึ้นได้ด้วย เพื่อที่จะได้มีข้อปฏิบัติตัวที่ดีทั้งก่อนและหลังทำการรักษา.
นายแพทย์วาสนา วชิรมน
อาจารย์แพทย์ประจำแผนกผิวหนังและเลเซอร์ หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดลBOTOX เป็นโปรตีนบริสุทธิ์ ซึ่งสกัดได้จาก Botolinum Toxin type A ที่ฮอตฮิตติดอันดับหนึ่ง ของวงการความสวยความงามทั่วโลก นั่นเพราะโบท๊อกซ์ มีประสิทธิภาพในการคืนความอ่อนเยาว์ให้กับผิวพรรณ โดย โบท๊อกซ์ จะออกฤทธิ์ ทำให้การทำงานของกล้ามเนื้อเล็กๆ ที่ก่อเกิดริ้วรอยย่นคลายตัว จึงมีการใช้สารโบท๊อกซ์ ฉีดลบริ้วรอยกันอย่างแพร่หลายกว่า 70 ประเทศทั่วโลกในเวลาหลังจากนั้น นอกจากนั้นโบท๊อกซ์ยังสามารถช่วยในการปรับแต่งแก้ไขข้อบกพร่องของใบหน้าส่วนต่างๆ ของร่างกายให้ดูดีขึ้นได้ ไม่ว่าจะเป็นรอยย่นบริเวณดั้งจมูก ปลายจมูกบาน หรือยกปลายจมูกให้ตั้งขึ้น ร่องแก้มลึก ริ้วรอบรอบริมฝีปาก รอยหยักรอยบุ๋มบริเวณคาง รอยย่นบริเวณคอ การปรับความค้งของคิ้วในรูปแบบต่างๆ การทำดวงตาให้ดูกลมโตขึ้น
ส่วนเทคนิคใหม่ที่น่าสนใจของการใช้โบท๊อกซ์ ในขณะนี้คือการยกกระชับใบหน้าให้ตึงขึ้น (Microbotox for Lifting) วิธีนี้ให้ผลดีมาก โดยหลังจากฉีดหนึ่งสัปดาห์จะรู้สึกว่าใบหน้าตึงกระชับขึ้น ผิวที่หย่อนคล้อยดีขึ้น รูขุมขนดูเล็กลง นอกจากนี้ยังทำให้ใบหน้าไม่มันแลดูละเอียดขึ้นอีกด้วย
ปรับโครงหน้าเหลี่ยมให้เรียวสวยด้วยโบท๊อกซ์
ผู้ที่มีโครงหน้าเหลี่ยมจะมีลักษณะกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรที่ใหญ่กว่าปกติ กล้ามเนื้อชนิดนี้มีชื่อว่า “Masseter” มักพบในคนที่นอนกัดฟัน สบฟันไม่สนิท หรือเคี้ยวอาหารที่มีความเหนียวอย่างปลาหมึกหรือหมากฝรั่งมากๆ ก็เป็นสาเหตุทำให้กล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามหรือขากรรไกรมีการพัฒนาให้หนานูนมากกว่าปกติ หรือบางรายอาจจะเป็นโดยกำเนิด เมื่อสังเกตบริเวณใบหน้าจะพบว่าคางเป็นเหลี่ยมอย่างชัดเจน หากลองกัดฟันจะเห็นลำของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกรทั้งสองฟากชัดเจนกว่าปกติ การฉีดโบท๊อกซ์ ทำให้ใบหน้าเหลี่ยมดูเรียวเล็กลงได้โดยไม่ต้องเสี่ยงเหมือนการผ่าตัดกราม เพราะโบท๊อกซ์ จะออกฤทธิ์โดยการคลายกล้ามเนื้อและช่วยลดการทำงานของกล้ามเนื้อบริเวณขากรรไกร ความหนานูนของกล้ามเนื้อบริเวณมุมกรามจึงลดลง ทำให้รูปหน้าดูเรียวเล็กลงได้
Botox Face Lift
การฉีด Botox เพื่อกระชับรูปหน้า แพทย์จะฉีดไล่ตามแนวกรอบหน้า และลำคอ ตามปัญหาของแต่ละคน โดยสารโบทอกซ์ที่ฉีดเข้าไป ตรงกล้ามเนื้อที่ชื่อว่า Platysma muscle ซึ่งเป็นกล้ามเนื้อแผ่นใหญ่มากพาดระหว่างพวน 1ขอ¬บคาง ยาวลงเกือบถึงไหปลาร้า มีหน้าที่ดึงหน้าลง เมื่อปูนมากขึ้น ผิวจะหย่อนคล้อยตามแรงโน้มถ่วง การฉีดกล้ามเนื้อมัดนี้ ซึ่งทำหน้าที่ดึงหน้าลงให้คลายตัว กล้ามเนื้อมัดตรงข้ามจะปฏิบัติงานได้เด่นกว่า ส่งผลให้หน้าถูกยกขึ้น ลำคอตึงกระชับ หน้าเรียวขึ้น
โบท๊อกซ์จะเริ่มออกฤทธิ์เต็มที่ช่วง 2-3 เดือน ปฤษฎางค์จากการฉีด ซึ่งผลการรักษาแต่ละครั้งจะคงอยู่ได้นานประมาณ 6-12 เดือน ขึ้นอยู่กับแต่ละคน