หน้า 1 จากทั้งหมด 2

ขับรถลงเขา...ให้ทำแบบนี้...

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 07:42
โดย sweet devil
******** ยาวหน่อย..อ่านไปเรื่อยๆ เตือนความทรงจำละกันนะ ********* :wink:

ขับรถลงเขา

การขับรถขึ้นเขาไม่เท่ากับการขับรถลงเขา ผู้ขับขี่จะต้องมีทักษะค่อนข้างสูงถึงจะสามารถควบคุมรถได้อย่างปลอดภัยไม่เพียงแต่ผู้ขับขี่จะต้องมีทักษะที่ดีแล้ว รถยนต์ก็มีส่วนสำคัญที่จะทำให้มีความปลอดภัยมากยิ่งขึ้น การที่รถยนต์ขาดการบำรุงรักษา หรือ มิได้ใช้เวลานาน ไม่เพียงแต่สมรรถนะจะไม่สมบูรณ์แล้ว ก็จะทำให้เกิดปัญหาขึ้นได้โดยเฉียบพลัน ดังนั้น ทั้งผู้ที่ขับขี่และสภาพของรถยนต์ที่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งในการขับรถลงเขา

• ผู้ขับขี่

การขับลงเขานั้น แน่นอนที่สุดรถจะพุ่งลงตามแรงโน้มถ่วงของโลก ยิ่งเป็นทางตรงรถจะพุ่งเร็วและทวีคูณเพิ่มขึ้น ถ้าเป็นทางโค้ง (ส่วนมากก็จะโค้ง) สภาพถนนคดไป-มา ก็มีความอันตรายอีก ดังนั้น ผู้ขับขี่จะต้องควบคุมรถให้มีความปลอดภัยสูงสุด สำหรับ ผู้ขับขี่มือใหม่ ไม่ควรขับขี่เด็ดขาด ยกเว้น จำเป็นจริงๆ เพราะโอกาสการเกิดอุบัติเหตุสูงมาก ถ้าหลีกเลี่ยงได้ควรหลีกเลี่ยง

และในการขับขี่ ไม่ควรเหยียบเบรก หรือ แตะเบรกตลอดเวลา (ก็มีไม่น้อยที่กระทำเช่นนี้) การกระทำเช่นนี้จะไม่เป็นผลดีต่อระบบเบรก เพราะจะทำให้เบรกไหม้และเสียหายในที่สุด นอกจากนั้น จะทำให้น้ำมันเบรกมีอุณหภูมิที่สูงขึ้น จะส่งผลต่อลูกยางเบรก ทำให้เสียหาย (เบรกแตก) และไม่สามารถทำการเบรกได้ในที่สุด

สังเกตไหมครับว่า ระยะทางที่ขับลงเขานั้น จะมีช่องทางพิเศษและช่องทางพิเศษนั้นเอาไว้สำหรับกรณีที่รถยนต์เกิดการเบรกแตก หรือ เบรกไม่อยู่ เป็นที่สำหรับเบรกฉุกเฉินนั่นเอง ไม่ว่ารถของคุณจะเป็นรถยนต์ราคาแพง เป็นรถใหม่ หรือ รถเก่า ยังไงแล้วหนีไม่พ้น ถ้าคุณกระทำการเบรกเหมือนดังที่กล่าวมา

อ้าว! และจะทำอย่างไรดีหล่ะ?

ขณะที่รถยนต์ขับลงเขานั้น ให้ทำการเหยียบเบรกเป็นจังหวะ เพื่อให้รถชะงัก ก็จะช่วยในเรื่องของความเร็วรถได้ นอกจากนั้นให้ทำการลดเกียร์ (เชนเกียร์) ให้ต่ำลง ให้กระทำพร้อมกันไป ก็จะช่วยในการบังคับและควบคุมรถยนต์ได้

ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติ แบบมีโอเวอร์ไดรฟ์ (OVER DRIVE) ก็ให้กดปุ่มยกเลิกการใช้ OVER DRIVE การทำเช่นนี้ส่งผลให้รถยนต์โดยเครื่องยนต์มีการ ENGINE BRAKE (เอ็นจิ้นเบรก) ใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก แต่ถ้าเป็นเกียร์อัตโนมัติแบบขั้นบันได (แบบหยักไปมา) ก็ให้เลื่อนคันเกียร์ไปในตำแหน่งที่ต่ำลงตามความเหมาะสมขณะนั้น ซึ่งเป็นการใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรกเช่นเดียวกัน

สำหรับรถยนต์เกียร์ธรรมดา ก็ให้ลดเกียร์ให้ต่ำลงตามความเหมาะสมในขณะนั้น พร้อมกับการแตะเบรกเป็นจังหวะ (เหยียบและปล่อยโดยเร็วเพียงแค่หนึ่งครั้ง) ก็จะช่วยให้รถยนต์เกิดการชะงัก การควบคุมรถก็ปลอดภัยมากยิ่งขึ้น ถ้าปล่อยให้รถยนต์ไหลลงไปเรื่อยๆ ความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นไปเรื่อย จนไม่สามารถที่จะควบคุมหรือห้ามล้อได้ในที่สุด

ดังนั้น ผู้ขับขี่จะต้องให้ความสำคัญอย่างมากในการขับรถลงเขา ผู้ขับขี่จะต้องสังเกตป้ายเตือนต่างๆ ที่อยู่ระหว่างทาง นอกจากนั้นก็จะต้องระมัดระวังกับผู้ร่วมทางคันอื่นๆ อีกด้วย บางครั้งการขับขี่ของเราดีแล้วแต่ผู้ร่วมทางอื่นประมาท อาจส่งผลต่อการเดินทางของเราก็เป็นได้

• รถยนต์

สภาพของรถยนต์ ก็มีส่วนสำคัญไม่น้อยไปกว่าผู้ขับขี่ มิฉะนั้น จะส่งผลต่อการเดินทาง ยิ่งมีการขัดข้องเกิดขึ้นในระหว่างทาง ขณะอยู่บนเขาแล้วละก็ คุณจะทำอย่างไร ไม่สามารถติดต่อใครได้ คลื่นสัญญาณโทรศัพท์ก็ไม่มี หรือ เกิดในยามค่ำคืน ดังนั้น ก่อนออกเดินทางควรตรวจสภาพของเครื่องยนต์ หรือ ซ่อมบำรุงก่อนออกเดินทางก็จะเป็นผลดีต่อตัวคุณและรถยนต์ของคุณ

ในรถยนต์ระบบที่สำคัญอย่างมาก คือ ระบบเบรกไม่ว่าจะเป็นผ้าเบรก, จานเบรก, ลูกยางเบรก, น้ำมันเบรก เป็นต้น เพราะการขับรถยนต์ลงเขานั้น จะใช้เบรกอย่างรุนแรงมากและบ่อยครั้งมาก ถ้าระบบเบรกไม่ดีก็ส่งผลเหมือนดังที่กล่าวมาข้างต้น

สำหรับตัวเครื่องยนต์ ก็ต้องทำงานอย่างสมบูรณ์ เพราะต้องใช้เครื่องยนต์ช่วยเบรก เพื่อควบคุม หรือ บังคับให้รถยนต์มีความปลอดภัย เหมือนดังที่กล่าวมาข้างต้น เช่นเดียวกัน

ส่วนระบบบังคับเลี้ยว ก็สำคัญแต่จะน้อยกว่าระบบเบรกและตัวเครื่องยนต์ เพราะจะต้องควบคุมรถยนต์ไปในทิศทางที่ต้องการ ถ้าเกิดสิ่งใดสิ่งหนึ่งชำรุดขณะขับขี่ โอกาสเกิดอุบัติเหตุสูง เช่นเดียวกัน

ดังนั้น ผู้ขับขี่และตัวรถยนต์ มีส่วนสำคัญอย่างสูงมากในการขับรถยนต์ลงเขา และการขับลงเขาไม่ควรใช้ความเร็วสูง (ถ้าเป็นไปได้) แต่เหนือสิ่งอื่นใด ผู้ใช้รถทุกท่านควรคำนึงถึงปัจจัยดังกล่าว เพื่อความปลอดภัยในการเดินทางครับ

ปลอดภัยในการขับขี่ (รถยนต์)

แผนกเทคนิคและฝึกอบรม
บริษัท พิธานพาณิชย์ จำกัด (กรุงเทพฯ)
Call Center : 0-2973-1268-9

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 07:52
โดย "][" e r n G
ยาวเกิ้น...

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 10:34
โดย Zenith
ผมขับขึ้นเขาลงเขาปีละสองครั้ง ตอนลงก็ใช้เกียร์ต่ำดึงไว้ แล้วก็ไม่ประมาท แค่นี้แหละครับ

เพราะสถานการณ์จริงมันไม่ได้เป็นไปตามนั้นเสมอไป ผมเคยขับไปเจอหินหล่น ร่วงมากั้นถนนแล้ว


แต่ยังไงบทความนี้ก็เป็นแนวทางได้ครับ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 12:25
โดย Baze
ยาวเกิน - -

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 14:01
โดย พี่สาวขี้จัง
ยากเหมือนกันนะ ยาวด้วย -*-

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 15:52
โดย Artamis
อืม

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 18:11
โดย meawmeaw
ยาวจัง

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 18:21
โดย beckpanit
ยาวจัง เเต่อ่านเสร็จเเล้ว ขอบคุณที่บอกนะครับ :P :P

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 18:25
โดย eventass
ขับยังไม่เป็นเลย

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 19:49
โดย ขนุย
ขอบคุนคับ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 20:34
โดย The Serbinator
รับทราบครับ

ทำแบบ ทาคูมิสิครับ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 21:01
โดย Real madrid
ยากนัก ดริฟท์แมร่งเลย สรัด

โพสต์เมื่อ: อังคาร ก.ย. 11, 2007 22:23
โดย อิสรชน
อยู่เชียงใหม่ครับ น่าเบื่อมากเวลาเจอคนขับรถ จากจังหวัดที่ไม่ค่อยมีภูเขา แถวๆ ในดอยที่เชียงใหม่
เวลาทางเรียบนี่ขับรถยังกับขี่จรวดมา พอขึ้นเขาลงเขาหน่อยทำยังกับขี่เต่ามา

ถึงว่าสิได้คนแนะนำแบบนี้นี่เอง

โพสต์เมื่อ: พุธ ก.ย. 12, 2007 00:09
โดย MiNt
ซงั้น ..ตอนแรกนึกว่าจะฮาอ่ะ ..

แต่ก้อแต๊งๆๆๆ ที่หวังดี ..แต่เราก้อขับไม่เป็น ..

โพสต์เมื่อ: พุธ ก.ย. 12, 2007 05:15
โดย Unlimited
ยาวจัง ขอบคุณที่บอกครับ :wink: