Apirl Fool day? For What?
เมื่อ: อังคาร เม.ย. 01, 2008 11:31APRIL Fool DAY??
อาจจะเป็นประเพณี ที่ได้รับการสืบทอดมาจากดินแดนตะวันตก โดยมีคอนเซปต์ของวันนี้ที่ว่า
"Lie me if you can" หรือ "หลอกฉันให้ได้ ถ้าคุณแน่จริง"
โดยทุกคนในวันนี้ จะต้องทำผิดกฏ เบญจศีล ข้อที่ 4 เพื่อที่จะร่วมสนุกกับ กติกาที่ว่า ใครสามารถ โกหกได้แนบเนียน ระดับ 18 มงกุฏ คนนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ที่โดนหลอกในวันนี้ (1 เมษายน) แล้ว ห้ามโกรธโดยเด็ดขาด หรือสามารถหลอกได้ฟรีๆ โดยไม่โกรธเคืองกัน และเมื่อผ่านพ้นวันที่ 1 เมษายนไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ จบลง กลับมาเป็นเหมือนปกติ
ส่วนประวัติที่มาของวันนี้ ที่รู้มาโดยคร่าวๆ ก็คือ สมัยก่อนนั้น ประเทศฝรั่งเศส ดินแดนที่มีเหล่าแข้งนักเตะซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เธียรี่ อองรี , ดาวิด เทร์เซเก้ต , ซีนาดีน ซีดาน (มันแอลจีเรีย ไม่ใช่เรอะ?) ในยุคสมัย ศตวรรษที่ 16 นั้น มีการจัดงานปีใหม่ เลี้ยงโต๊ะจีนกันในวันที่ 1 เมษายน (ใกล้เคียงกับวันปีใหม่ไทย หรือ สงกรานต์เลยแฮะ) แต่ก็ได้ถูกปฏิวัติ จนต้องเปลี่ยนแปลงวันเลี้ยงฉลองปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม แทน
แต่ทว่าด้วยความที่ เทคโนโลยีในสมัยนั้น ยังไม่มี CNN , รอยเตอร์ , hotmail , yahoo, google หรือ youtube ให้ได้กระจายข่าวสารกันไป ทำให้การกระจายข่าว เป็นไปด้วยปากต่อปาก และยังกระจายไม่ถึงเมืองต่างๆ ของประเทศฝรั่งเศส ทำให้หลงเข้าใจว่า ยังฉลองปีใหม่วันที่ 1 เมษายนอยู่ ส่วนบางคนที่รู้แล้ว ก็ไปเยาะเย้ย ถากถางว่า 'ยังฉลองวันปีใหม่ วันที่ 1 เมษายน อยู่เหรอ ไอ้โง่'
ส่วนคนที่ยังไม่รู้ มักจะตอบว่า 'จริงเหรอวะ? อย่ามาซุยให้เปลืองน้ำลายเลย' เป็นการตอบแทน และกว่าจะกระจายข่าว คอนเฟิร์มว่า วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว ให้ได้รับรู้ทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น ก็ปาเข้าไปร่วมศตวรรษ เสียแล้ว
จึงกลายเป็นวัน April Fool Day จนตราบตรึงถึงทุกวันนี้
เอาล่ะครับ แต่มีสิ่งนึงที่ผมอยากจะบอกเป็นอย่างมาก
เพราะการแสดงทัศนะสำหรับวันนี้ของผมก็คือ....
"ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง(ว่ะ)"
สาเหตุทำไมนั้น?
เนื่องจากว่า วัน April Fool Day นั้น เป็นวันสำคัญ หรือ วัฒนธรรม ที่ได้มาจากฝรั่งอั้งม้อซะส่วนใหญ่ สำหรับประเทศที่รับวัฒนธรรมของชาวบ้านมาเต็มที่ อย่างญี่ปุ่น คงไม่ว่าอะไรหรอก แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ถือว่า เป็นการทำลายขนบธรรมเนียมอันดีงามของชาวสยาม และนอกจากนี้ไม่พอ ยังจะเป็นการผิดศีล 5 ข้อที่ 4 (มุสาวาทา เวระมณี สิกขา ปะทัง สัมมา ทิยามิ) หรือข้อห้ามโกหก เป็นออฟชั่นแถมฟรีอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว มันยังทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเป็น โนบิตะ ที่โดนคนอื่น หลอกซะหัวปักหัวปำ จนรู้สึกสงสารโนบิตะ ขึ้นมาแล้ว ยัง ทำให้เกิดความรู้สึกของอาการที่ว่า "พวกเมิงเห็นกรูโง่เหรอ?" หรือ ไม่ตลกและเห็นด้วย กับกิจกรรม เมษาหลอกคนหน้าโง่ นี่ถ้าผมเป็นโนบิตะ ผมคงจะปืนพกอัตโนมัติบรรจุกระสุน 15 นัด มาไล่ฆ่าทุกคนที่กล้าบังอาจมาโกหกใส่ ก็เป็นได้
ผมเป็นคนถือสัจจะ อย่างรุนแรง แถมเข้าขั้นสายเลือดเสียด้วยสิ
โอเค จริงอยู่ว่า มันไม่ใช่น่าจะเป็นวันซีเรียสอะไร แต่ ผมจะยืนกราน นั่งกรานและนอนกราน ว่า ผมจะไม่มีทางเห็นด้วย หรือ ร่วมมือร่วมใจกับกิจกรรมแบบนี้โดยเด็ดขาด
เพราะมันเหมือนเป็นกิจกรรมที่ทำให้ คนๆ หนึ่ง กลายเป็นคนหน้าโง่ขึ้นมา แล้วกลายเป็นตัวตลก ขบขัน นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งไม่ใช่ประเพณี ที่เกิดมาจากขนบธรรมเนียมของประเทศไทย แล้ว ทำให้ผม ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่
แต่ทุกคนก็มีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน ผมจึงเลย เปิดโพลแบบสำรวจ สำหรับ เทศกาล "หลอกให้ได้ ถ้านายแน่จริง" กันไปชัดๆ เลยว่า พวกเรานั้น มีความคิดเห็นกันอย่างไร
เขียนโดย..... ManSmith
อาจจะเป็นประเพณี ที่ได้รับการสืบทอดมาจากดินแดนตะวันตก โดยมีคอนเซปต์ของวันนี้ที่ว่า
"Lie me if you can" หรือ "หลอกฉันให้ได้ ถ้าคุณแน่จริง"
โดยทุกคนในวันนี้ จะต้องทำผิดกฏ เบญจศีล ข้อที่ 4 เพื่อที่จะร่วมสนุกกับ กติกาที่ว่า ใครสามารถ โกหกได้แนบเนียน ระดับ 18 มงกุฏ คนนั้นจะเป็นฝ่ายชนะ โดยมีข้อแม้ว่า ผู้ที่โดนหลอกในวันนี้ (1 เมษายน) แล้ว ห้ามโกรธโดยเด็ดขาด หรือสามารถหลอกได้ฟรีๆ โดยไม่โกรธเคืองกัน และเมื่อผ่านพ้นวันที่ 1 เมษายนไปแล้ว ทุกสิ่งทุกอย่างก็ จบลง กลับมาเป็นเหมือนปกติ
ส่วนประวัติที่มาของวันนี้ ที่รู้มาโดยคร่าวๆ ก็คือ สมัยก่อนนั้น ประเทศฝรั่งเศส ดินแดนที่มีเหล่าแข้งนักเตะซุปเปอร์สตาร์ อย่าง เธียรี่ อองรี , ดาวิด เทร์เซเก้ต , ซีนาดีน ซีดาน (มันแอลจีเรีย ไม่ใช่เรอะ?) ในยุคสมัย ศตวรรษที่ 16 นั้น มีการจัดงานปีใหม่ เลี้ยงโต๊ะจีนกันในวันที่ 1 เมษายน (ใกล้เคียงกับวันปีใหม่ไทย หรือ สงกรานต์เลยแฮะ) แต่ก็ได้ถูกปฏิวัติ จนต้องเปลี่ยนแปลงวันเลี้ยงฉลองปีใหม่ เป็นวันที่ 1 มกราคม แทน
แต่ทว่าด้วยความที่ เทคโนโลยีในสมัยนั้น ยังไม่มี CNN , รอยเตอร์ , hotmail , yahoo, google หรือ youtube ให้ได้กระจายข่าวสารกันไป ทำให้การกระจายข่าว เป็นไปด้วยปากต่อปาก และยังกระจายไม่ถึงเมืองต่างๆ ของประเทศฝรั่งเศส ทำให้หลงเข้าใจว่า ยังฉลองปีใหม่วันที่ 1 เมษายนอยู่ ส่วนบางคนที่รู้แล้ว ก็ไปเยาะเย้ย ถากถางว่า 'ยังฉลองวันปีใหม่ วันที่ 1 เมษายน อยู่เหรอ ไอ้โง่'
ส่วนคนที่ยังไม่รู้ มักจะตอบว่า 'จริงเหรอวะ? อย่ามาซุยให้เปลืองน้ำลายเลย' เป็นการตอบแทน และกว่าจะกระจายข่าว คอนเฟิร์มว่า วันที่ 1 มกราคม เป็นวันขึ้นปีใหม่แล้ว ให้ได้รับรู้ทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น ก็ปาเข้าไปร่วมศตวรรษ เสียแล้ว
จึงกลายเป็นวัน April Fool Day จนตราบตรึงถึงทุกวันนี้
เอาล่ะครับ แต่มีสิ่งนึงที่ผมอยากจะบอกเป็นอย่างมาก
เพราะการแสดงทัศนะสำหรับวันนี้ของผมก็คือ....
"ไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง(ว่ะ)"
สาเหตุทำไมนั้น?
เนื่องจากว่า วัน April Fool Day นั้น เป็นวันสำคัญ หรือ วัฒนธรรม ที่ได้มาจากฝรั่งอั้งม้อซะส่วนใหญ่ สำหรับประเทศที่รับวัฒนธรรมของชาวบ้านมาเต็มที่ อย่างญี่ปุ่น คงไม่ว่าอะไรหรอก แต่สำหรับประเทศไทยแล้ว ถือว่า เป็นการทำลายขนบธรรมเนียมอันดีงามของชาวสยาม และนอกจากนี้ไม่พอ ยังจะเป็นการผิดศีล 5 ข้อที่ 4 (มุสาวาทา เวระมณี สิกขา ปะทัง สัมมา ทิยามิ) หรือข้อห้ามโกหก เป็นออฟชั่นแถมฟรีอีกด้วย
นอกจากนี้แล้ว มันยังทำให้ผมรู้สึกว่า ตัวเองเป็น โนบิตะ ที่โดนคนอื่น หลอกซะหัวปักหัวปำ จนรู้สึกสงสารโนบิตะ ขึ้นมาแล้ว ยัง ทำให้เกิดความรู้สึกของอาการที่ว่า "พวกเมิงเห็นกรูโง่เหรอ?" หรือ ไม่ตลกและเห็นด้วย กับกิจกรรม เมษาหลอกคนหน้าโง่ นี่ถ้าผมเป็นโนบิตะ ผมคงจะปืนพกอัตโนมัติบรรจุกระสุน 15 นัด มาไล่ฆ่าทุกคนที่กล้าบังอาจมาโกหกใส่ ก็เป็นได้
ผมเป็นคนถือสัจจะ อย่างรุนแรง แถมเข้าขั้นสายเลือดเสียด้วยสิ
โอเค จริงอยู่ว่า มันไม่ใช่น่าจะเป็นวันซีเรียสอะไร แต่ ผมจะยืนกราน นั่งกรานและนอนกราน ว่า ผมจะไม่มีทางเห็นด้วย หรือ ร่วมมือร่วมใจกับกิจกรรมแบบนี้โดยเด็ดขาด
เพราะมันเหมือนเป็นกิจกรรมที่ทำให้ คนๆ หนึ่ง กลายเป็นคนหน้าโง่ขึ้นมา แล้วกลายเป็นตัวตลก ขบขัน นั่นเป็นเรื่องที่ผมไม่ชอบเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งไม่ใช่ประเพณี ที่เกิดมาจากขนบธรรมเนียมของประเทศไทย แล้ว ทำให้ผม ยิ่งรับไม่ได้เข้าไปใหญ่
แต่ทุกคนก็มีความคิดเห็นไม่เหมือนกัน ผมจึงเลย เปิดโพลแบบสำรวจ สำหรับ เทศกาล "หลอกให้ได้ ถ้านายแน่จริง" กันไปชัดๆ เลยว่า พวกเรานั้น มีความคิดเห็นกันอย่างไร
เขียนโดย..... ManSmith
