หน้า 1 จากทั้งหมด 1

ฟังเรื่องนี้แล้ว ลองนำไปเปรียบเทียบกับการศึกษาของไทยซิครับ..

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 19:47
โดย numkala
โจทย์ข้อหนึ่งในข้อสอบวิชาฟิสิกส์ของมหาวิทยาลัยโคเปนเฮเกนมีดังนึ้


จงอธิบายว่าท่านจะใช้บารอมิเตอร์วัดความสูงของตึกระฟ้าได้อย่างไร


รู้จักกันนะครับ


บาร์รอมิเตอร์นี่ก็คือเครื่องมือวัดความกดอากาศนั่นเอง


(อธิบายเพิ่มเติมก็คงต้องบอกว่า อากาศนั้นมันมีน้ำหนักหรือมีแรงกดนั่น


และแรงกดของอากาศนั้นเมื่ออยู่ในระดับความสูงที่เปลี่ยนไป


ความกดอากาศก็เปลี่ยนไปด้วย)
นักศึกษาคนหนึ่งเขียนคำตอบลงไปว่า "เอาเชือกยาวๆ


ผูกกับบารอมิเตอร์แล้วหย่อนลงมาจากยอดตึก


แล้วก็เอาความยาวเชือกบวกความสูงบารอมิเตอร์ก็จะได้ความสูงของตึก"


ฟังดูเป็นอย่างไรครับคำตอบนี้ ผมฟังครั้งแรกผมยังอมยิ้มเลยครับ


แต่อาจารย์ที่ตรวจข้อสอบไม่นึกขันอย่างผมด้วย


อาจารย์ตัดสินให้นักศึกษาคนนั้นสอบตก


นักศึกษาผู้นั้นยืนยันต่ออาจารย์ที่ปรึกษาว่า


คำตอบของเขาควรจะถูกต้องอย่างไม่มีข้อโต้แย้ง



และคำตอบของเขาก็สามารถพิสูจน์ได้ทางวิทยาศาสตร์


ทางมหาวิทยาลัยจึงตั้งกรรมการชุดหนึ่งมาตัดสินเรื่องนี้


และในที่สุดคณะกรรมการก็มีความเห็นตรงกันว่า


คำตอบนั้นถูกต้องอย่างแน่นอน


แต่เป็นคำตอบที่ไม่แสดงถึงความรู้ความสามารถทางฟิสิกส์
ดังนั้น เพื่อเป็นการแก้ข้อขัดแย้งที่เกิดขึ้น


ทางคณะกรรมการจึงให้เรียกนักศึกษาคนนั้นมา


แล้วให้สอบข้อสอบข้อนั้นอีกครั้งหนึ่งต่อหน้า โดยให้เวลาเพียง 6 นาที


เท่ากับเวลาในการสอบข้อสอบเดิม


เพื่อหาคำตอบที่แสดงให้เห็นถึงความรู้ทางด้านฟิสิกส์



หลังจากผ่านไป 3 นาที นักศึกษาคนนั้นก็ยังนั่งนิ่งอยู่


กรรมการจึงเตือนว่า เวลาผ่านไปครึ่งหนึ่งแล้วจะไม่ตอบหรืออย่างไร


นักศึกษาหัวรั้นจึงตอบว่า เขามีคำตอบมากมายที่เกี่ยวกับฟิสิกส์


แต่ไม่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะใช้คำตอบไหนดี


และเมื่อได้รับคำเตือนอีกครั้ง


นักศึกษาจึงเขียนคำตอบลงไปดังนี้


ให้เอาบารอมิเตอร์ขึ้นไปบนดาดฟ้าตึกและทิ้งลงมา


จับเวลาจนถึงพื้น


ความสูงของตึกหาได้จากสูตร H=0.5g*t กำลัง 2


หรือถ้าแดดแรงพอ


ให้วัดความสูงบารอมิเตอร์แล้วก็วางบารอมิเตอร์ให้ตั้งฉากพื้น


แล้ววัดความยาวของเงาบารอมอเตอร์


จากนั้นก็วัดความยาวของเงาตึก


แล้วคิดด้วยตรีโกณมิติก็จะได้ความสูงของตึกโดยไม่ต้องขึ้นไปบนตึกด้วยซ้ำ


หรือถ้าเกิดอยากใช้ความสามารถด้านวิทยาศาสตร์มากกว่านี้


ก็เอาเชือกเส้นสั้นๆ มาผูกกะบารอมิเตอร์แล้วแกว่งเหมือนลูกตุ้ม


ตอนแรกก็แกว่งระดับพื้นดิน แล้วก็ไปแกว่งอีกทีบนดาดฟ้า


ความสูงของตึกจะหาได้จาก ความแตกต่างของคาบการแกว่ง


เนื่องจากความแตกต่างของแรงดึดดูดจากจุดศูนย์กลางของมวล


คำนวณจาก T = 2 พาย กำลัง 2 รากที่ 2 ของ l/g


ถ้าตึกมีบันไดหนีไฟก็ง่ายๆ


ก็เดินขึ้นไปเอาบารอมิเตอร์ทาบแล้วก็ทำเครื่องหมายไปเรื่อยๆ


จนถึงยอดตึกนับไว้คูณด้วยความสูงของบารอมิเตอร์ก็ได้ความสูงตึก


แต่ถ้าคุณเป็นคนที่น่าเบื่อและยึดถือตามแบบแผนจำเจซ้ำซาก


คุณก็เอาบารอมิเตอร์วัดความดันอากาศที่พื้นและที่ยอดตึก


คำนวณความแตกต่างของความดันก็จะได้ความสูง


ส่วนวิธีสุดท้ายง่ายและตรงไปตรงมาก็คือ ไปเคาะประตูห้องภารโรง


แล้วบอกว่า อยากได้บารอมิเตอร์สวยๆ ใหม่เอี่ยมสักอันไหม


ช่วยบอกความสูงของตึกให้ผมทีแล้วผมจะยกให้



นักศึกษาคนนั้นคือ นีล โบร์


ผู้ได้รางวัลโนเบลสาขาฟิสิกส์ในปีค.ศ.1922

จากคอลัมน์ คุยกับประภาส
โดย ประภาส ชลศรานนท์





ปล.ถ้าเป็นของไทยนะ คำตอบผิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็ผิด ได้ 0 สอบตก โดนเรียกผู้ปกครอง ไล่ออก หาว่ากวนตีนอาจาน ท่านว่าจริงไหมครับ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 19:59
โดย Kaokao'
โห

เก่งเกิ๊นนนน

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 20:04
โดย kwangiggs
อันนี้เคยเจอ...
ข้อสอบคณิต......
ใช้สูตรลัดหาคำตอบ <<<<< อาจาร์ยว่าผิด ให้ 0 คะแนน #เหตุผลเพียงแค่ว่าไม่ใช้สูตรที่แกสอน

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 20:05
โดย gotjisolo
ปล.ถ้าเป็นของไทยนะ คำตอบผิดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็ผิด ได้ 0 สอบตก โดนเรียกผู้ปกครอง ไล่ออก หาว่ากวนตีนอาจาน ท่านว่าจริงไหมครับ


ไม่หรอก นี่คือความคิด

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 20:07
โดย คิคิมารุ
อัจฉริยะจริงๆ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 20:59
โดย seamyoo
สร้างสรรค์ความรู้ได้ดีจริงๆครับ ทำให้มีแนวคิดที่หลากหลายยิ่งขึ้น ก่อให้เกิดสิ่งใหม่ๆแหวกแนวต่างๆ สุดยอดจริงๆครับ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 21:01
โดย mmmutd18
อ่านแล้วปวดหัวเรื่องเรียน

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 21:50
โดย Zenith
ไม่จริง ครูไทยก็ไม่ได้แย่ไปซะทุกคน ครูดีๆก็มี ครูแย่ๆก็เยอะ

เรื่องของนีลบอร์นั้น ถ้าอาจารย์ที่ไหนในโลกได้เจอกับตัวก็ต้องอึ้งกับนีลบอร์ทุกคนล่ะ หรือไม่จริง

เมืองไทยไม่น่ามีเหตุการณ์แบบนี้ เพราะความไม่กล้าที่จะแสดงออกของเด็กนักเรียน กลัวครูด่า ทั้งๆที่ยังไม่ได้ลงมือทำ
อีกทั้งความกลัวก็สร้างขึ้นมาเองทั้งนั้น จะทำโครงงานทีก็ต้องทำให้เหมือนรุ่นพี่เคยทำ กลัวว่าจะไม่ได้คะแนน กลัวคนอื่นว่าอย่างนู้นอย่างนี้

เมืองไทยพัฒนายากเพราะอย่างนี้ล่ะ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 22:20
โดย viktorianz
อ่า นะ อึ้งเลย หุหุ....มีหลายคำตอบ

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 22:39
โดย manutd_girl_w
อ่านกี่รอบก็ชอบมากค่ะ

แต่มองว่าเด็กไทยส่วนใหญ่ชอบยึดถือคำตอบตามบทเรียนแบบท่องมาไม่ได้ใช้จินตนาการของตนมาประยุกต์

อาจารย์ก็มีส่วนด้วยค่ะส่วนมากถ้าคำตอบแปลกๆก็ไม่ให้คะแนนแล้ว

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 22:46
โดย numkala
เพื่อนผมมีอยู่คนนึง สอบวิชาชีวะ มันถามว่าเซลล์สื่อสารกันได้ยัไง เพื่อนผมตอบว่า โทรศัพท์มือถือ เป็นเรื่องสิครับ
โดนตี โดน 0 โดนทำทันบนด้วย ข้อหา หาว่าไปกวนตีนอาจานเค้า

โพสต์เมื่อ: อังคาร ต.ค. 14, 2008 23:27
โดย pe_cc
เออเนอะ คิดไปได้ ..

โพสต์เมื่อ: พุธ ต.ค. 15, 2008 00:11
โดย guitar_left
อย่างนี้ โน้ต อุดม บอกว่า สุโค่ยยยย ครับ....

โพสต์เมื่อ: พุธ ต.ค. 15, 2008 17:20
โดย Zenith
numkala เขียน:เพื่อนผมมีอยู่คนนึง สอบวิชาชีวะ มันถามว่าเซลล์สื่อสารกันได้ยัไง เพื่อนผมตอบว่า โทรศัพท์มือถือ เป็นเรื่องสิครับ
โดนตี โดน 0 โดนทำทันบนด้วย ข้อหา หาว่าไปกวนตีนอาจานเค้า


แล้วเซลล์ที่ไหนมันใช้โทรศัพท์มือถือเป็นครับ

ถ้าอาจารย์ถามว่า "ฉันตบหัวเธอ แล้วเซลล์หนังศรีษะเธอสื่อสารไปให้สมองรับรู้ได้อย่างไร"

ตอบว่าโทรศัพท์ มันไม่ใช่คำตอบทางวิทยาศาสตร์ แล้วก็ถือว่ากวนตีนนะ :P

ไม่มีเซลล์ที่ไหนมา ฮาโหลๆ NOKIA connecting people หรอก

รูปภาพ