
เพิ่งเขียนกระทู้ “นัดนี้... ต้อง ชนะ สถานเดียว” ไปเมื่อวันอาทิตย์ เพราะ แอบคิดไว้ว่า “ป๋าเฟอร์กี้” จะงัดแทคติก เล่นเพื่อเสมอมาใช้ ... ซึ่ง “ป๋า” ก็มาตามนั้นไม่ผิดคาด แต่มันสร้างความผิดหวัง สำหรับแฟนบอลผู้ศรัทธาในตัว “ป๋า” อย่างรุนแรง...

ได้เปรียบทั้งเล่นในบ้าน....! ได้เปรียบทั้งแต้มที่เป็นต่อ...! ได้เปรียบที่ไม่มีแมทช์แข่งขันบอลถ้วย...! แถมนักเตะตัวหลัก อยู่ครบทีม…!
ในขณะที่ แมนซิ มาเยือนในแบบ กดดันสุดๆ ต้องพิสูจน์ตัวเอง ให้แฟนบอลเชื่อในคำพูดเปื้อนน้ำลาย ของมันชินี่ ที่ว่า “แมนซิ เป็นทีมที่ดีกว่า” และ “ตารางคะแนนนี้มันของปลอม” เลยยิ่งทำให้ พวก “มัน” จะแพ้นัดนี้ไม่ได้เลย ผลออกเป็นอื่น เท่ากับ “เสียหมา” อย่างรุนแรง

แค่รายชื่อปรากฏออกมา... ผมรู้ได้ในทันที ว่า “ป๋า” จะมาในหมากไหน พูดให้สวยหรู ก็คือจะมาในสไตล์ “เคาท์เตอร์ แอทแท็ค” พูดแบบไทยๆ คือ “เล่นรับแล้วรอสวนกลับฉับพลัน” แต่ภาพปรากฏบนสนาม มันคือ “ตั้งรับเต็มๆ แล้วเตะโด่งไปลุ้นเอา..”

ถ้ามองสถิติในครึ่งแรก เปอร์เซ็นต์การครองบอล ไม่ได้เป็นรองเลย ออกสูสีซะด้วยซ้ำ ต่างกันไม่ถึง 10% แต่ถ้ามองภาพจริงผ่านจอทีวี เปอร์เซ็นต์การครองบอล เราได้มาจากการเล่นบอลในแดนตัวเอง ส่วนของซิตี้ ก็ได้เปอร์เซ็นต์การครองบอล ส่วนมากมาจากการเล่นในแดน ยูไนเต็ด... แม้จังหวะยิง เราจะมีมากกว่า แต่ก็มาจากจังหวะทะลุทะลวง สวนกลับรวดเร็ว 2-3 จังหวะ ตามสไตล์ถนัด แต่ โจ ฮาร์ท กลับเหนื่อยน้อยกว่า เด เคอา และกองหลังของเรา ที่ต้องวิ่งไล่สกัดการบุกของ ซิตี้ ที่มาจากการเล่นอันหลากหลาย ทั้งแทงตามช่อง, ครอสจากข้าง และเลี้ยงเข้าไปยิง...

ในเกมนี้... ถ้าไม่รักทีมแบบหน้ามืดตามัว สิ่งที่ต้องยอมรับเลย คือ ทีมเวิร์ค ของ ซิตี้ ดีกว่าเรามากๆ การขับเคลื่อนเกม ต่อบอลกัน จังหวะเดียว แม่นยำ ดูสอดประสานรู้ใจ, ยิ่งพอไปมองที่ความสามารถเฉพาะตัว นักเตะของเขาสามารถเอาตัวรอด จากจังหวะรุมแทคเกิล ของนักเตะเรา แบบต้องเข้าปะทะ 2 บ้าง 3 บ้างตลอด นัดเตะอย่าง เตเวส, ซิลบา, นาสรี, ยาย่า แม้กระทั่ง มิลเนอร์ ที่ดูคล่องตัวน้อยสุด ยังหลุดเข้ามาเล่นบอลในพื้นที่อันตรายของเราได้ตลอด
กลับกัน พอเราดักสกัดบอลได้ แม้จะเล่นชิ่งกันได้ดี บ่อยครั้งก็มีเพลย์แอคชั่นสวยๆ ให้เห็น แต่กลับไม่เล่นให้ตลอด แตะเกิน 4-5 จังหวะปุ๊บ ก็จะสาดโด่ง หรือ เตะแทงแรงไปแดนหน้าทันที... ซึ่งใช้ได้ผลอยู่ไม่กี่ครั้ง นอกนั้น ถ้าไม่ถูกเขาดักเก็บได้ ก็ไร้ทิศทาง ไม่ตรงเป้าไปเลย.. ยิ่งพอ แมนซิ ใช้แผนเล่นเพรสซิ่งเร็วเข้าหา คนดูจะได้เห็นจังหวะเตะทิ้ง เตะขว้าง เตะส่งแบบจวนตัว ของทีมว่าที่แชมป์ แล้วถอยลงมารับต่อ แบบเจียมในตัวเอง
การจัดตัวของ “ป๋าเฟอร์กี้” ในนัดนี้ ยังคงเอกลักษณ์ที่ยากจะลอกเลียนแบบ คือ โรเตชั่น จนไม่มีใครเดา 11 ตัวแรกของ แมนยู ได้ถูกสักครั้ง... “ป๋า” จะเลือกหมากจัดทีม เปลี่ยนไปตาม คู่แข่ง ที่เจอ บ่อยครั้งที่ใช้ได้ผล จนทำทีมชนะ นำโด่งบนหัวตาราง แต่บ่อยครั้ง ก็คิดมาก จนทีมเสียสมดุล อย่าง 2 นัดหลังสุด ที่เจอกับ เชลซี และ แมนซิ เป็นต้น
การเลือก เวลเบ็ค ลงมิดฟิลด์ทางขวา กึ่งกองหน้า เริ่มไม่ใช่เรื่องแปลก และที่สำคัญคือ นัดนี้ เวลเบ็ค เล่นได้ค่อนข้างโดดเด่น เป็นประโยชน์มาก ในการป่วนนักเตะ แมนซิ และยังอันตราย ในจังหวะฉาบฉวย ความเร็ว และสเต็ปการครองบอล ช่วยให้ทีมได้เปรียบในหลายๆจังหวะ... แต่ เวลเบ็ค ก็ยังหลงเหลือความเป็น เด็กดำ คนเดิมที่พร้อมจะทำลายจังหวะเหน่งๆ ของพวกเดียวกัน ได้ในทุกๆเกมที่ลงสนาม

ถ้าใครจำ จังหวะหลุดเดี่ยว ในเกม F.A. Cup นัดรีเพลย์ กับเชลซีได้ ช่วงที่เขาลากโซโล่เข้าจะเขตโทษ แล้วดึงให้กองหลังเข้ามารุม ถ้าเขารีบแตะส่งให้ ชิชาริโต้ ที่วิ่งตีคู่ขึ้นมา รอโล่งๆ ดีกว่า ยังเลี้ยงมุดๆเข้าไปให้คู่แข่งเตะสกัด จนหมดโอกาส ก็เช่นเดียวกับช่วงครึ่งแรกของนัดนี้ กับ แมนซิ ที่ทีมเราตัดบอลได้ปุ๊บ ก็เล่นชิ่งเร็ว 2-3 จังหวะปุ๊บ เวลเบ็ค ได้หลุดทะลุทันที โดยมี กิ๊กส์ วิ่งพรวดตามขึ้นไป แต่ผลก็ลงเอยด้วยความดื้อของเด็กดำ ที่เลี้ยงจนโอกาสปิด เสียของ จนเพื่อนรุ่นน้ากระโดดร้องลั่น ด้วยความเสียดาย... ผมดูภาพรีเพลย์ จังหวะนี้ ช่วงพักครึ่งด้วยความโครตเสียดาย เพราะมันเป็นการเล่นที่สวยมากๆของเกมเลยทีเดียว... ไม่แน่ใจว่า ที่ผ่านๆมา เขาเคยโดน ป๋า ว๊ากใส่บ้างไม๊ เคยโดนสต๊าฟโค้ช เปิดวีดีโอให้ดูความผิดพลาด แล้วจับมาติวบ้างไม๊... ทำไมยังเกิดซ้ำแล้ว ซ้ำอีก... นักเตะ อย่างเบ็คแฮม ที่เล่นดี เกือบตลอดเกม แค่ ทำจังหวะเหน่งๆ เสียเพียงครั้งเดียว พอผลทีมแพ้ ถึงกับโดนสตั๊ดบินเจาะหางคิ้ว... แต่กับ เวลเบ็ค ที่อยู่ในทีมชุดใหญ่ตลอด กลับไม่พัฒนาขึ้นเลย ในจังหวะทีเด็ดทีขาด

ในขณะที่ โจนส์ กลับกลายเป็นหมากที่เวิร์คมากๆในเกมนี้ แม้จะต้องมีส่วนรับผิดชอบในประตูของ อาเกวโร่ แต่ก็โทษเขาไม่ได้เต็มๆ เพราะจังหวะนั้น พลาดทั้งกระบิ ตั้งแต่ ริโอแล้ว แต่นอกนั้น ก็โจนส์นี่แหล่ะ ที่ช่วยสกัด ช่วยดักเก็บ ลูกอันตราย ช่วยปะทะ บรรดาตัวจี๊ดของ ซิตี้ ได้แข็งแรง แบบเอาอยู่หลายครั้ง มีส่วนช่วยชีวิตทีม และ ริโอ ไว้หลายครั้ง เช่นกัน... ที่เขียนอย่างงี๊ ก็เพราะ เกมนี้ ริโอ ก็เล่นต่ำกว่ามาตรฐาน หลายๆจังหวะ มีประกบตัวพลาด และมีภาพช้าหลายครั้ง ที่เห็น ริโอ ยืนว่างๆ ไม่มีตัวประกบ เพราะจะเคลื่อนที่ ช้ากว่า กองหน้า ซิตี้ ทุกครั้ง มีดีที่เก๋า กับประสบการณ์ในการคุมแนวรับ ไม่ให้น้องๆรวนไปมากกว่านี้
แต่หมากตัวที่พลาดของ “ป๋า” ก็คือการวาง กิ๊กส์ ลงเล่นในตำแหน่งมิดฟิลด์ ด้วยฝีเท้า ด้วยประสบการณ์ ของ กิ๊กส์ ที่ ป๋า หวังพึ่งให้เขา เอาความเก๋า มาจัดการเกมที่มีความกดดันสูง แต่ ป๋า อาจจะลืมไปว่า สังขารของ กิ๊กส์ ก็ไม่เหมาะกับเกมที่ คู่แข่งระดับท็อป ที่เขามีทั้งฝีเท้า และความฟิตสูง ยิ่งไปจับคู่กับ คาร์ริก ที่ช้าแต่เกิดอยู่แล้ว พอถูกกลาง ซิตี้ เพรสซิ่งเข้าใส่ ทำให้เราเห็นหลายๆครั้ง ที่แดนกลาง ซิตี้ เคลื่อนที่ ต่อบอลกันเพลิดเพลิน เหมือนเล่นกันง่ายๆ

จริงๆ ผมว่า ป๋า ก็หวังแค่ให้ กิ๊กส์ ลงมาช่วยจ่ายบอล และหาจังหวะลากทะลุทำเกมจากกลาง แล้วคอยยืนประคอง ไม่ต้องปะทะ เพราะมี คาร์ริค, รูนีย์, เวลเบ็ค คอยมาวิ่งช่วยอยู่แล้ว.. แต่สิ่งที่เห็นในเกมคือ บ่อยครั้ง ที่เห็น กิ๊กส์ กัดฟันวิ่งไล่เสียบ แย่งบอล กับมิดฟิลด์ ซิตี้ แบบชวนให้หดหู่ น่าสงสารมาก เพราะความไม่แม่นในการรับ-ส่งบอลของนักเตะเรา พอถูกตัดได้ ก็มีกิ๊กส์ กับ คาร์ริค นี่แหล่ะ ที่ต้องเข้าปะทะก่อน (แต่ก็เห็นเสียบ ว่าว หลายจังหวะ)
มันผิดตั้งแต่ “ป๋า” เลือกวางแผน รับแล้วโต้ แทนที่จะเดินหน้าฆ่ามัน วัดกันไปเลย เพราะพลาดแพ้ก็ไม่เสียหาย เกมเล่นในบ้าน ทำไมไม่ใช้จุดเด่น ที่เป็นทีมเน้นเกมบุกโดยธรรมชาติ ชนะเขาได้ ก็เหมือนแจ๊คพ๊อตคว้าแชมป์เร็วขึ้น และยังเป็นการแก้แค้น ในฤดูกาลก่อน ที่โดนเขามาถลุงถึง 1-6 ดีกว่า เลือกเพลย์เซฟ ได้ก็เอา ไม่ได้ ก็ไม่ซีเรียส เลยกลายเป็น พอไม่ได้ ก็เลยเสียอีกต่างหาก แม้ไม่ได้ทำให้พลาดแชมป์ แต่ก็สร้างรอยด่างในการคว้าแชมป์ รอยด่างที่ต้องถูกบันทึกว่า ซิตี้ คือทีมที่หยุดสถิติ ไม่แพ้ใครติดต่อกันลง และ ซิตี้ คือทีมเดียว ที่บุกมาชนะที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด 2 ฤดูกาลซ้อน และยังถูกบันทึกเพิ่มว่า แมนยู แพ้ติดต่อกันมา 2 นัด กับทีมท็อป4 มันยิ่งทำให้ทีมขาดความมั่นใจลงไปอีก มองไปในนัดที่เหลือ ยังมี อาร์เซน่อล, เชลซี และพวกทีมท้ายตาราง รออยู่อีก ผมว่า กว่าจะขึ้นคว้าแชมป์ หน้าตา คงบูดเบี้ยว ห้อเลือด ฟกช้ำทั้งตัว... เป็นแชมป์ได้เพราะได้บุญเก่าที่สั่งสมไว้มาดี ตอนนั้น คู่แข่ง นัดกันออกทะเลไปหมด ทีมที่รวมแข้งฟอร์มตกอย่างเรา เลยยังไล่เก็บแต้มได้เป็นกอบเป็นกำ พอตอนนี้ คู่แข่งแย่งแชมป์ เริ่มฟื้น พวกโซนครึ่งล่าง เริ่มกัดฟันสู้ตาย ชาวโลก เลยได้เห็นรอยปะผุ ของทีมปีศาจแดง ชัดเจนขึ้น

“ป๋า” เอง ก็คงรู้สภาพทีมดี นัดที่เจอกับ เชลซี จึงออกอาการกลัวคู่แข่งอย่างชัดเจน จนวางแผนผิดอัตลักษณ์ หรือชาวบ้านเรียกว่า “มั่ว” จนเล่นไม่เป็นทรง ต้องตั้งรับเป๋ไปมา ตลอดครึ่งหลัง คอลัมนิสต์ ทั้งไทย-เทศ ต่างชี้เป็นเสียงเดียวว่า “สู้ไม่ได้” ยกเว้นในบอร์ดแห่งนี้ ที่มีคนบอกว่า “เล่นดี สู้ได้สูสี“ เช่นเดียวกับ เกมเมื่อคืนกับ “แมนซิ” ที่ได้เปรียบเขาแทบทุกอย่าง แต่เลือกเล่นเกมรับในบ้านตัวเอง แถมยังใช้ “คู่ช้า” มายืนมิดฟิลด์ ดูถ่ายทอดสด นึกว่าเล่นเป็นทีมเยือน เพราะเห็นรับอย่างเดียว
จริงๆแล้ว ในช่วงที่ฮึดบุกสู้ หลังจากโดนนำ 0-1 ทีมเราก็บุกได้ดี ใส่จน ซิตี้ โอนไปเอนมา จนพลาดให้เรา แทนที่จะฉวยจังหวะที่เกมเทมาเข้าทางเรา กลับถอยไปเล่นรับแบบเดิม เกมเลยกลับมาคล้ายครึ่งแรกอีก ยอมรับว่า ช่วงนั้น ผมงงมาก ที่เราเลือกเล่นเหมือนประคองตัว แบบไม่ได้ ก็ไม่เสีย จนแอบสงสัยทีมตัวเองขึ้นมาว่า “นี่เหรอ ทีมแชมป์”

แต่สิ่งที่ไม่เหมือนครึ่งแรกคือ หลังจากที่ เตเวส, ซิลบา, นาสรี่ สามารถวิ่งทำชิ่งกันในเขตโทษ แมนยู ได้ตลอด โดยเฉพาะ เตเวส ถ้าดูดีๆ จะเห็นว่า เขาเอาตัวไปฝังอยู่ในไลน์แบ็คโฟร์ของเรา คอยทำชิ่ง แล้วแปะต่อให้เพื่อนที่สอดทะลุขึ้นมา ที่สำคัญคือ มันเล่นบอลได้ตลอด ทั้งๆที่ มันวิ่งไปตรงไหน ก็มีกองหลังของเราอย่างน้อย 2 คนยืนประกบอยู่ ยังไม่นับจังหวะที่ ซิลบา วิ่งทะลุเข้าไปรับบอลที่ทรูตามช่องได้บ่อยมาก เพียงแต่จังหวะเปิด ก็จะมีนักเตะ แมนยู มาตัด มาสกัด ได้ทันเวลาพอดิบพอดี
ผมว่า... มันชินี่ ก็มอง เห็นจังหวะตรงนี้ เลยส่ง “กุน” ตัวจี๊ดที่เก็บไว้เป็นทีเด็ด แม้จะสลับกับ นาสรี่ ที่เกมนี้ก็เล่นดี แต่ทรงทีมไม่เสีย ไม่เหมือนกับ “ป๋า” ที่เลือกเปลี่ยน รูนีย์ ออก ในเกมที่เราต้องการชนะ แทนที่จะเป็น กิ๊กส์ แล้วแต่ละตำแหน่ง ที่ ป๋า ส่งลงมาแก้เกม ไม่สามารถทำให้เกมดีขึ้นได้เลย ทั้ง ชิชา, วาเลนเซีย, คากาวะ และยังรอจนเวลาไม่เหลือแล้ว ถึงเปลี่ยนตัว นักเตะที่ลงมาใหม่ ยังปรับตัวแทบไม่ทัน ก็หมดเวลาแล้ว

พอ กุน ลงมา ก็กลายเป็น ซิตี้ มีกองหน้า 3 ตัว วิ่งไป วิ่งมา ไม่อยู่นิ่ง กองหลังเราไม่มาร์คแมน อยู่แล้ว พอคุมโซน ก็เลยโดน กุน ลากผ่านโซน จนเกิดอาการโซนแตก อย่างที่เห็น จริงๆ ครึ่งแรก ซิลบา มีวิ่งลากผ่านโซนหาช่องยิงแบบนี้ อยู่หลายครั้ง แต่ยิงไม่สำเร็จ โดยแผนนี้ จะคล้ายๆ วันที่เราเจอ เชลซี มี ฮาร์ซาร์, ออสการ์ สาธิตการลากหาช่องยิงหน้าเขตโทษ โชว์เป็นเคสสตัดดี้ ให้ดูมาแล้ว
หลังเกม... ป๋า ให้สัมภาษณ์ว่า... “เราเป็นฝ่ายทำได้ดีกว่า เราโชคร้ายจริงๆ ที่เป็นฝ่ายปราชัยในเกมนี้” ก็ตามฟอร์มละครับ แกคงไม่บอกกับนักข่าวหรอกว่า “ผมวางแผนผิดเอง” หรือ “ผมเลือกนักเตะผิดเอง” หรือ “ใช่แล้ว...ทีมเรากำลังฟอร์มตก แต่เราก็ยังนำในตาราง”
อันที่จริง... เกมนี้ ก็แค่ เกมๆหนึ่ง... แมนยู แค่ลงเล่นให้ครบตามโปรแกรม ก็จะรอรับแชมป์แล้ว
แต่.... สปิริต ของนักสู้ มันหายไปไหนแล้วละครับ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่า นี่คือ วิถีของการเป็น “แชมเปี้ยนส์”
.
.
.
อันนี้ เป็นคะแนนความสามารถ ของเว็บ Goal.com ที่ปะดาวดำ (เป็นดาวดับ) ให้ ฟาน เพอซี่, และนักเตะดับในเกม เป็น ไรอัน กิ๊กส์

ภาพนี้ เป็นสถิติรวมของเกม

ภาพนี้ ผมแคป บทวิเคราะห์คุณภาพของทั้ง 2 ทีม

ผมโควตบทวิเคราะห์ย่อ ของ ร็อบบี้ ซาเวส ที่มีต่อทีมทั้ง2ทีม


.