"ไอ้จ้อน" ในที่นี้หมายถึง จอนนี่ อีแวนส์ นะครับ กรุณาอย่าคิดไกลไปถึง "ไอ้นั่น"
ด้วยตอนนี้ผู้เล่นสายพันธุ์ปีศาจแดงที่กำลังถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างสยดสยองรูปากมากที่สุดคือปราการหลังวัย 23 ที่ผมชอบเรียกเขาอย่างน่ารักน่าถีบว่า "ไอ้จ้อน" นี่แหละ
"ไอ้จ้อน" ถูกผู้ขายวิญญาณให้ปีศาจพากันขว้างปาก้อนหินใส่ โทษฐานที่ทำตัวเป็น "จุดอ่อน" ของ แมนฯ ยูไนเต็ด
โดยเฉพาะเกมแมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ที่ถูกใบแดงตะเพิดออกจากสนามจนเป็นเหตุให้ปีศาจแดงประสบกับความพินาศย่อยยับคาถิ่น
อย่างนัดล่าสุดที่บุกไปควักชัยชนะกลับออกมาจาก กูดิสัน พาร์ค อย่างหวุดหวิด "ไอ้จ้อน" ก็ไม่วายโดนกะซวกด้วยปากและถูกถากด้วยสายตา
ด่ากันโขมงโฉงเฉงตั้งแต่คุณป๋าแกควัก "ไอ้จ้อน" ออกมา เอ๊ย!...ไม่ใช่ ตั้งแต่คุณป๋าแกส่ง "ไอ้จ้อน" ลงเป็นตัวจริงแล้วครับ
เหตุเพราะเขามักจะทำตัวไม่ต่างจากบุตรแห่งความฉิบหายวายป่วงแบบไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทั้งสิ้น โดยเป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้ แมนฯ ยูไนเต็ด กลายเป็นทีมที่ถูกคู่แข่งล่อเป้าอย่างมากมายผิดวิสัย
แต่ขอโทษ...พรีเมียร์ลีกฤดูกาลนี้ผ่านไป 10 นัด จอนนี่ อีแวนส์ ลงเป็นตัวจริงทั้งหมด 8 นัดแล้วนะครับ
จุดเริ่มต้นคือนัดเปิดฤดูกาล เมื่อเขาถูกส่งลงมาเป็นตัวสำรองแทนที่ เนมานย่า วิดิช ที่บาดเจ็บ นับแต่นั้นก็ยึดตำแหน่งปราการหลังตัวจริงมาตลอด
นั่นตีความได้ว่าในสายตาของกุนซือผู้มีบรรดาศักดิ์ระดับเจ้าพระยานาหมื่น "ไอ้จ้อน" คือเซนเตอร์ฮาล์ฟตัวหลักของ แมนฯ ยูไนเต็ด และนาทีนี้ แถมยังเป็นตัวเลือกอันดับแรกของคุณป๋าก่อน ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, คริส สมอลลิ่ง และฟิล โจนส์ ซะอีก
เท่าที่สังเกตฟอร์มการเล่นของนักเตะผู้นี้ ผมพบว่า จอนนี่ อีแวนส์ ทำตัวเป็นจุดอ่อนจริงๆ นะครับ
อ่านเกมก็ไม่ค่อยขาด ประกบก็ห่าง ทะเล่อทะล่า โฉ่งฉ่าง ซุ่มซ่าม และปราศจากความเยือกเย็น เรียกว่าพร้อมที่จะแสดงความผิดพลาดง่ายๆ (และบางทีโง่ๆ) ออกมาให้เห็นตลอดเวลาน่าปวดตับ
ยกตัวอย่างเกมล่าสุด อยู่ดีๆ พี่แกก็ผ่านบอลแบบไม่ดูตามาตาเรือให้คู่แข่งฉกไปทำลายตาข่ายตัวเองซะอย่างนั้น
แล้วทำไม เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ถึงยังไว้เนื้อเชื่อใจในตัวปราการหลังวัยหนุ่มจากเบลฟาสต์ผู้นี้?
ในเหตุฆาตกรรมหมู่เลื่อยไฟฟ้าแห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทั้งที่ ฟิล โจนส์ กับ เนมานยา วิดิช ก็พร้อมลงเป็นตัวจริง ทำไมป๋าถึงทำเป็นหมางเมิน เช่นเดียวกับในนัดล่าสุดที่จับ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ไปขังบนม้านั่งสำรอง เพื่อเปิดทางให้ "ไอ้จ้อน" ลงตัวจริง
ความจริงอาจมีอยู่แค่ 2 ประการ
ประการหนึ่งคือถ้าคุณรู้จัก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ดีพอ คุณจะรู้ว่าป๋าแกโรคจิตและมีนิสัยชอบเอาชนะ โดยมีกฏประจำตัวอยู่ 2 ข้อ คือ 1.ป๋าถูกเสมอ 2. ถ้าไม่เข้าใจก็ไปไกลๆ ตีนกูเลยครับ เฉพาะอย่างยิ่งยามลูกทีมใดถูกชาวบ้านนินทาว่าห่วยแตก ป๋าจะยิ่งส่งลงสนาม เพื่อพิสูจน์ว่าคนอื่นมองผิด ยังจำกรณีของ ฮวน เซบาสเตียน เวรอน ที่ป๋าแกยกย่องว่าเป็น "เดอะ ฟัลกลิ้ง เกรต เพลเยอร์" พลางแจก "ของชำร่วย" ให้นักข่าวได้ไหมครับ?
ประการต่อมาคือยังมีกองหลังที่อาจทำตัวเป็นจุดอ่อนมากกว่า จอนนี่ อีแวนส์ น่ะซี่
นัดล่าสุด คริส สมอลลิ่ง บาดเจ็บไม่ได้รับอนุญาตให้สับตีนในสนาม ต้องขยับ ฟิล โจนส์ ออกไปเป็นแบ็คขวา เหลือที่ว่างในตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่กับ เนมานย่า วิดิช อีก 1 คน ว่าแล้วป๋าเลือก "ไอ้นั่น" เอ๊ย! "ไอ้จ้อน" ก่อนรุ่นพี่อย่าง ริโอ เฟอร์ดินานด์ ที่ต้องยอมรับความจริงว่าฟอร์มตกอย่างน่าเกลียด
กล่าวถึงเส้นทางสายลูกหนังของ "เบลฟาสต์บอย" ผู้นี้
คอลัมนิสต์ลูกหนังผู้บูชาซาตานอย่างผมรู้จัก จอนนี่ อีแวนส์ ในจอทีวีครั้งแรกจากศึก อัมสเตอร์ดัม ทัวร์นาเมนต์ ก่อนที่ฤดูกาล 2006-07 จะเริ่มขึ้น
ในนัดชิงชนะเลิศกับทีมเจ้าภาพอย่าง อาแจ็กซ์ อัมสเตอร์ดัม - พ่อใหญ่แห่ง โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ทำเรื่องน่าประหลาดใจเล็กน้อยด้วยการส่งผลผลิตจากสถาบันลูกกรอกคนะนองที่ตอนนั้นเพิ่งมีวัยเพียง 18 ขวบลงไประเบิดฟลอร์ (หญ้า) ผู้พากย์เรียกไอ้หนูกุมารแพนด้าผู้นี้ว่า โจนาธาน อีแวนส์
ขูดความจำได้ว่าฟอร์มการเล่นค่อนข้างโดดเด่นและน่าประทับใจมั่กมาก เรียนตามตรงว่าฉายแววรุ่งโรจน์ออกมาจนแสบตา ผมเลยจำชื่อของ โจนาธาน อีแวนส์ ได้อย่างแม่นยำมาตั้งแต่การศึกครั้งนั้น
แน่นอนว่าปราการหลังรุ่นคุณหนูผู้นี้ยังไม่แข็งแกร่งพอที่จะถูกกระชากออกมาจากม้านั่งสำรอง จอนนี่ อีแวนส์ จึงถูกส่งไปฝึกวิทยายุทธกับ โรยัล อันท์เวิร์ป สโมสรฟุตบอลในเครือปีศาจแดงที่ เบลเยี่ยม (ลูกกรอกคะนองแทบทุกคนมักถูกส่งไปสะสมประสบการณ์ที่นั่น) ก่อนที่นายใหญ่ของ ซันเดอร์แลนด์ ในนาทีนั้นอย่าง รอย คีน จะขอยืมตัวไปเป็นกำลังหลักในการเลื่อนชั้น
นอกจากจะมีส่วนช่วยให้ทีมแมวดำคว้าแชมป์ลีกแชมเปี้ยนชิพพลางเลื่อนชั้นขึ้นมาบนพรีเมียร์ลีกอย่างสง่างาม "ไอ้จ้อน" ยังได้รับรางวัล "ดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปี" มาครองอีกต่างหาก ซึ่งนั่นรับประกันความสะเด่าได้ในระดับหนึ่ง
หลังจากช่วย ซันเดอร์แลนด์ อีกประมาณครึ่งฤดูกาล คุณป๋าก็ตัดสินใจดึงเขากลับมาเป็นอะไหล่ แถมยังมั่นใจถึงขนาดปล่อยตัว เคราร์ด ปีเก้ กลับไปให้ บาร์เซโลน่า โดยไม่ต้องวงเล็บว่า...ซะอย่างนั้น
โอวซ์ซ์ซ์...คิดแล้วก็ให้เสียดายอย่างสุดซึ้ง (อย่างไรก็ตามนักเตะต่างชาติจากสเปนอย่าง เคราร์ด ปีเก้ อาจจะไม่มีความอดทนพอที่จะรอโอกาสอย่างใจเย็น แต่เคยสังเกตไหมครับว่าเรื่องแบบนี้มักไม่เกิดขึ้นกับพวกกุมารทองในประเทศที่คุณป๋าปลุกเสกด้วยตัวเอง)
ฤดูกาลนี้ต้องยอมรับว่าตำแหน่งเซนเตอร์ฮาล์ฟของ แมนฯ ยูไนเต็ด ยังไม่ค่อยนิ่งสักเท่าไหร่
ไม่ค่อยนิ่งนี่หมายถึงยังหาคู่ปราการหลังที่ลงตัวและดีที่สุดไม่เจอนะครับ
พูดถึงคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟของปีศาจแดง
ตลอดความเกรียงไกรในยุคสมัยของเฟอร์กี้ - แมนฯ ยูไนเต็ด มีคู่เซนเตอร์ฮาล์ฟระดับคลาสสิก 3 รุ่น
รุ่นแรกคือ สตีฟ บรู๊ซ กับ แกรี่ พัลลิสเตอร์ เรียกว่ารุ่นบุกเบิกความสำเร็จ
แม้รูปทรงการเล่นของน้าบรู๊ซจะไม่ค่อยสง่างาม (พูดถึงกองหลังที่สง่างามขอให้นึกถึง จอห์น เทอร์รี่) อีกทั้งยังไม่มากด้วยชั้นเชิง แต่ทดแทนด้วยความแข็งแกร่งและทุ่มเท เข้าสกัดทุกรูปแบบ ประเภทกางเกงเปื้อนโคลน
อนึ่ง เซนเตอร์ฮาล์ฟที่ดีต้องกางเกงสะอาดครับ เพราะนั่นหมายถึงการเล่นแบบมีชั้นเชิง ไม่จำเป็นต้องล้มลุกคลุกคลาน
รุ่นที่ 2 คือ ยาป สตัม กับ รอนนี่ ยอห์นเซ่น เรียกว่ารุ่น "ทริปเปิ้ลแชมป์"
และรุ่นที่ 3 คือ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช ที่ปัจจุบันดูจะไม่ภูผาเหมือนเดิม
ทั้งคู่น่าจะผ่านจุดสุดยอดของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วนะครับ ซึ่งนี่แหละปัญหาของ แมนฯ ยูไนเต็ด
ปัญหาลักษณะนี้เคยเกิดขึ้นในฤดูกาล 2001-02 เมื่อพลพรรคปีศาจแดงเสียประตูง่ายและเสียประตูมากเกินกว่าที่ทางการกำหนด เหตุเพราะการขาย ยาป สตัม ออกไปให้ ลาซิโอ โดยป๋ายืนยันว่าเป็นเหตุผลเรื่องฟอร์มการเล่นที่ตกลงไป ไม่เกี่ยวกับหนังสืออัตชีวประวัติแบบแฉแต่เช้าอย่าง "เฮดทูเฮด" แต่อย่างใด
หลังจากปล่อยตัวปราการหลังชาวดัตช์ออกไป ท่านอธิการบดีปีศาจแดงไปคว้ากองหลังในดวงใจของตัวเองอย่าง โลรองต์ บล็องค์ ที่ผ่านพ้นจุดสุดยอดไปแล้วมาแทน
แล้วมันทดแทนกันได้ที่ไหนล่ะ ในเมื่ออดีตกองหลังทีมชาติฝรั่งเศสชุดแชมป์โลก 1998 เดินทางมาที่โรงละครแห่งความฝันพร้อมความร่วงโรยและเชื่องช้า ทุกครั้งที่พี่แกหมุนตัวตามกองหน้าของคู่แข่ง มันมักทำให้ผมนึกถึงรถสิบล้อที่กำลังกลับตัว
ฤดูกาลต่อมา แมนฯ ยูไนเต็ด จึงต้องวอดวายเป็นสถิติ 30 ล้านปอนด์ เพื่อกระชาก ริโอ เฟอร์ดินานด์ มาจาก ลีดส์ ยูไนเต็ด ก่อนประสบความสำเร็จด้วยการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก
มิกาแอล ซิลแวสต์ กับ เวส บราวน์ ผลัดกันเป็นเนื้อคู่ของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กระทั่งเจอคนที่ใช่ที่สุดในโลกอย่าง เนมานย่า วิดิช ปราการหลังพันธุ์โลหะหนักจากเซอร์เบีย และนั่นหมายถึงแชมป์พรีเมียร์ลีกอีก 4 สมัย ในรอบ 5 ปีหลังสุด
แต่ในเมื่อกาลเวลาไม่ยินยอมให้ปราการหลังรุ่นที่ 3 ก่อร่างสร้างกำแพงเหล็กต่อไป มันจึงหมายถึงช่วงรอยต่อที่ผู้เป็นกุนซือจะต้องทดลองใช้และพยายามจับคู่กันไปจนกว่าจะค้นพบคู่เซนเตอร์ฯ ที่ดีที่สุดเป็นรุ่นที่ 4
จอนนี่ อีแวนส์ คือหนึ่งในตัวเลือกของคุณป๋า เช่นเดียวกับ คริส สมอลลิ่ง และ ฟิล โจนส์ ซึ่งผมเข้าใจว่า "ไอ้จ้อน" นี่แหละคือผู้เล่นที่ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน หมายจะให้ขึ้นมาแทนตำแหน่งของเซนเตอร์ฮาล์ฟคู่เดิมอย่างถาวร
โธ่...ป๋า!
"บอ.บู๋"
Bbmeetyou@yahoo.com
credic : siamsport


















