
ในขณะที่แฟนบอลกว่า 3 ร้อยล้านคน ขายวิญญาณให้ทีมที่ชื่อว่า "ปิศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด จนกลายเป็นสโมสรที่มีแฟนบอลมากที่สุดในโลก แต่ก็มีจำนวนอีกหลายพันล้านคน ที่ผนึกกำลังพร้อมใจกันรุมเกลียดชังแบบไม่ได้นัดหมาย แม้กระทั่งผลวิจัยจากหลายสำนักก็ชี้ตรงกัน
ยิ่งเมื่อดูจากเหตุการณ์ล่าสุด ที่แมนฯ ยู ได้สองจุดโทษ จนสามารถลุกขึ้นมาจากหลุม จากที่ตามหลัง 0-3 ไล่มาตีเสมอ เชลซี 3-3 ในเกมพรีเมียร์ลีก เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ก็ยิ่งตอกย้ำได้เป็นอย่างดี จากกระแสในเว็บบอร์ดจากเว็บไซต์ต่างๆ ตลอดจนกระทั่งเพื่อนฝูงขาเกรียนทั้งหลาย ที่กระหน่ำจัดเต็มว่า แมนฯ ยู "โกง"
อย่างไรก็ตาม นั่นคงไม่ใช่เหตุผลเดียวที่จูงใจให้แฟนบอลจำนวนมาก ไม่ชอบทีมแมนฯ ยู ซึ่งอาจมีเป็นล้านแปด ที่ทำให้คนเหล่านี้ มีความเห็นไปในทางตรงกัน ดังนั้น วันนี้ "ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์" จึงขอสรุปเหตุผลเนื้อๆ เน้นๆ เอามาพิจารณาให้ดูกันว่าทำไม แมนฯ ยู ถึงเป็นทีม "คนชััง" มากที่สุด...
1. โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด

ด้วยความที่ โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เป็นสนามแข่งขันขนาดใหญ่ มีความจุมากสุดในระดับสโมสรของอังกฤษ จึงอาจทำให้หลายคนอิจฉาตาร้อน พร้อมกับวิจารณ์ว่า สนามแห่งนี้กลับไม่ได้ยิ่งใหญ่ หรือมีมนต์ขลังอย่างที่แฟนบอล "เรดเดวิลส์" ยกยอปอปั้นว่าเป็น "โรงละครแห่งความฝัน" เลยแม้แต่น้อย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง สมัยก่อนมันก็แค่สนามหญ้า ที่มักจะมีปัญหาเรื่องพื้นหญ้าเป็นหลุมดวงจันทร์อุกาบาตเสมอๆ ซึ่งจะว่าไป นอกจาก "ความใหญ่" แล้ว สนามแห่งนี้ กลับไม่มี "เสน่ห์" อะไรเลยในสายตาแฟนบอลทีมอื่นๆ
2. ชอบ "โกงความตาย"

ไม่ใช่ว่าทีมอื่นจะไม่เคยทำ หรือทำไม่ได้นะ แต่ดูเหมือนลูกทีมของ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะกลายเป็นหนึ่งในสโมสรที่การันตียี่ห้อ "โกงความตาย" เนื่องจากชอบเหลือเกินที่จะทำให้เหล่าบรรดากองแช่งต้องชักดิ้นชักงอ ดิ้นทุรนทุราย เพราะประตูได้ในช่วงท้ายเกม ไม่ว่าจะการเปลี่ยนผลจากแพ้ไปเป็นเสมอ หรือจากเสมอไปเป็นชนะ ซึ่งรวมถึงการเอาตัวรอด จากการโดนนำห่าง 2 ลูกขึ้นไป แต่ก็ยังทำเซอร์ไพรส์กลับมาพลิกเอาชนะ หรือยันเสมอไปได้อย่างเหลือเชื่อ และเหตุการณ์คลาสสิกที่จำกันได้ติดตา ก็คือ เกมยูฟ่าแชมเปียนส์ ลีก รอบชิงฯ เมื่อปี 1999 นั่นเอง
3. ผูกขาดความสำเร็จ

ปฏิเสธไม่ได้ว่า ตลอด 20 กว่าปีที่ผ่านมา นับตั้งแต่ที่ เฟอร์กูสัน ยังไม่ได้สถาปนาเป็นท่านเซอร์อย่างตอนนี้ เมื่อปี 1986 แมนฯ ยู คว้าแชมป์ทั้งในประเทศและนอกประเทศได้อย่างมากมาย เรียกได้ว่า แทบจะไม่เปิดโอกาสให้ทีมอื่นได้ขึ้นมาสอดแทรกสูดดมความสำเร็จกันบ้างเลย โดยเฉพาะบอลลีกสูงสุด หรือพรีเมียร์ลีก ที่พวกเขาได้แชมป์ไปถึง 12 ครั้ง นับตั้งแต่ฤดูกาล 1992-93 เป็นต้นมา โดยมีเพียง แบล็คเบิร์น, อาร์เซนอล และเชลซี เป็น 3 ทีมที่สลับกันมาคั่นกลางความสำเร็จของแมนฯ ยู ซึ่งทำให้ปัจจุบัน "ปิศาจแดง" คือทีมที่คว้าแชมป์ลีกสูงสุดมากที่สุดของเกาะอังกฤษ 19 สมัย นั่นเอง ยิ่งไปกว่านั้น รายการบอลถ้วยเก่าแก่ที่สุดอย่างเอฟเอคัพ แมนฯ ยู ก็ยังได้ชื่อว่าเป็นสโมสรที่คว้าแชมป์มากที่สุด 11 สมัยอีกด้วย
4. ทีมมาเฟีย

บ่อยครั้งที่หลายคนมองว่า แมนฯ ยู มักจะได้ลูกจุดโทษ โดยที่ไม่น่าจะได้ โดยเฉพาะยามที่เล่นในสนามเหย้าของตัวเอง ซึ่งมันมักจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของเกม ช่วยให้ แมนฯ ยู กลับมาสู่เกม หรือเล่นได้ง่ายขึ้น ก่อนจะคว้าชัยไปครองในที่สุด กลับกันเมื่อทางฝั่งของผู้เล่นแมนฯ ยู ไปทำฟาวล์คู่ต่อสู้ทีมเยือน หลายคนตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ตัดสินมักจะทำเป็นเอาหูเอานาเอาตาไปไร่ ว่าเกิดอะไรขึ้น จนมีการตั้งฉายา แมนฯ ยู ว่าเป็น "ทีมมาเฟีย" ซื้อตัวกรรมการ, ซื้อตัวผู้ตัดสิน, ซื้อตัวไลน์แมน ฯลฯ อย่างไรก็ตาม ต้องยอมรับว่า บางทีอาจเป็นความผิดพลาดของกรรมการ, ผู้ตัดสินเอง ที่อาจรู้สึกประหม่า หากจะต้องเป่าฟาวล์ให้กับทีมอื่นที่เล่นกับทีมแมนฯ ยู ซึ่งถูกมองว่า มีเพาเวอร์มากกว่าทีมอื่นๆ ไม่ว่าจะในและนอกสนาม จนทำให้ดูเหมือนเข้าไปแทรกแซงผลการแข่งขันที่ไม่พึงประสงค์ของเหล่ากองแช่ง
5. เสื้อหมายเลข 7

ถือเป็นหมายเลขเสื้อที่เหล่าผู้เล่นระดับตำนานๆ หลายคน ได้สวมใส่เล่นให้กับ แมนฯ ยู ไม่ว่าจะเป็น จอร์จ เบสต์, ไบรอัน ร็อบสัน แต่ที่เป็นขวัญใจสุดๆ ก็เห็นจะเป็น เอริค คันโตนา, เดวิด เบคแคม และ คริสเตียนโน โรนัลโด ที่ต่างโชว์ฟอร์มสุดเทพ เข้าตากองเชียร์ตัวเอง แต่กลายเป็นปิศาจซาตานในสายตาแฟนบอลทีมอื่น ยิ่งไปกว่านั้น ด้วยบุคลิกอันเป็นเอกลักษณ์ จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทั้ง 3 คน มักจะตกเป็นจำเลยสังคม โดนรุมโห่จากแฟนบอลฝั่งตรงข้าม ตลอดช่วงชีวิตที่ค้าแข้งในถิ่นโอลด์ แทร็ฟฟอร์ด ในข้อหา "หมั่นไส้" นั่นเอง
6. แกรี เนวิลล์

แม้จะเป็นแค่นักเตะคนหนึ่งของยูไนเต็ด แต่ เนวิลล์ ผู้พี่ เขาคือตำนานคนหนึ่งที่มีความจงรักภักดีต่อสโมสรชนิดเข้ากระดูกดำ เรามักจะเห็นเขาออกมาเป็นเดือดเป็นร้อนแทนสโมสรเสมอๆ และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบทบาทจอมทัพผู้ชิงชังเหล่าสาวก "เดอะ ค็อป" ในศึกแดงเดือด ทุกๆ ครั้ง ในหลายสิบปีที่ผ่านมา รวมไปถึงอริอย่าง แมนเชสเตอร์ ซิตี้ เนวิลล์ ก็แทบจะทำหน้าที่องครักษ์พิทักษ์สโมสรมาโดยตลอด บวกกับสไตล์การเล่นที่ถึงลูกถึงคน และฝีปากที่กล้าด่า กล้าวิจารณ์ ก็ยิ่งทำให้แฟนบอลทีมอื่นๆ เหม็นขี้หน้าและหมายหัว เนวิลล์ เป็นผู้เล่นในอันดับต้นๆ ไว้เลย ที่เตรียมของชำร่วยไว้เล่นงานในสนาม
7. ทีมฟุตบอลที่มีคนเชียร์มากสุดในโลก

อันนี้ก็เป็นเหตุผลแปลกๆ แต่ก็สร้างความรู้สึก กลายเป็นความหมั่นไส้กันได้เหมือนกัน อย่างประสบการณ์ของใครหลายคน ที่อาจจะเคยถามไปยังแฟนบอลคนอื่นๆ ว่า คุณเชียร์ทีมอะไร เกินครึ่งจะบอกว่า "แมนยูฯ" และหลังจากนั้น ก็คิดเอาเองว่า ที่ชอบทีมแมนฯ ยู คงเพราะตามกระแส ในฐานะที่แข้งผีแดง คือทีมอังกฤษ ที่ประสบความสำเร็จมากสุดในยุคนี้บ้างล่ะ หรือไม่ก็บอกว่า ชอบเพราะความหล่อเหลาของ เดวิด เบคแคม หรือ โรนัลโด เป็นต้น ก็เลยอาจทำให้กลุ่มแฟนบอลทีมต่างๆ ที่ได้รับความนิยมรองหล่นมา รวมตัวกันเชียร์ทีมตรงข้ามกับ แมนฯ ยู ทุกทีม ไปเสียเลย ไม่ว่าจะเพราะความสะใจ, เกลียดชิง หรือ ขำขำ แต่นั่นก็เป็นเหตุผลว่า ทำไมคนเกลียด แมนฯ ยู ถึงมากมายเหลือเกิน
อย่างไรก็ตาม ก็มีบางส่วนที่ยอมรับเลยว่า "เกลียดแมนฯ ยู" เพราะไม่มีเหตุผล เอาสิ ให้มันได้อย่างนี้ แฟนผีหลายคนได้ยินแล้วคงปวดตับกันไม่น้อย...!!!
ผีมีเฮ!เคลฟพร้อมดวลหงส์แดง

แมนฯ ยูไนเต็ดเฮลั่น ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ กองกลางดาวรุ่งพร้อมลงบู๊ในเกมแดงเดือดนัดต้อนรับลิเวอร์พูลเสาร์นี้หลังจากหายเจ็บข้อเท้าเป็นปลิดทิ้งแล้ว ทั้งนี้ตามรายงานข่าวเมื่อ 8 ก.พ.
มีการเปิดเผยว่า ในเกมที่เร้ด เดวิลส์บุกไปเจ๊ากับเชลซี 3-3 เมื่อวันอาทิตย์ เคลฟเวอร์ลี่ย์ได้เดินทางไปกับทีมที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ด้วย แม้จะไม่มีส่วนร่วม
พร้อมกันนี้ ในเกมสำรองกับสิงห์บลูส์เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ดาวเตะวัย 22 ปีก็มีกำหนดลงสนาม แต่การฟาดแข้งมีอันต้องเลื่อนออกไปเนื่องจากสภาพอากาศที่เลวร้าย
ด้วยเหตุนี้ เคลฟเวอร์ลี่ย์จึงมีโอกาสถูกเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ใส่ชื่ออยู่ในทีมนัดบู๊กับเร้ด แมชีนไม่น้อย
จับตา!เช็กแฮนด์แดงเดือดเอวร่า-ซัวเรซ

สื่อเมืองผู้ดีกะเก็งสถานการณ์ พรีเมียร์ลีกเตรียมเน้นย้ำให้ ศึกแดงเดือดระหว่าง แมนฯ ยูไนเต็ด กับ ลิเวอร์พูล ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เสาร์นี้ต้องมีการสัมผัสมือกันก่อนเกมของนักเตะทั้งสองฝ่ายตามธรรมเนียมปฏิบัติ หลังเอฟเอเพิ่งตัดสินใจยกเลิกการสัมผัสมือของนักเตะในเกมเอฟเอ คัพ คู่ระหว่าง ควีนส์ปาร์ค กับ เชลซี
ด้วยเหตุที่ หลุยส์ ซัวเรซ กองหน้าลิเวอร์พูลก่อเหตุเหยียดผิว ปาทริซ เอวร่า กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด ในศึกแดงเดือดหนก่อนที่แอนฟิลด์ โดยดาวยิงหงส์แดงชดใช้โทษแบนไปแล้วนั้น ส่งผลให้เป็นที่สงสัยกันว่าคู่กรณีจะยินดีสัมผัสมือกันก่อนเกมที่โรงละครแห่งความฝันหรือไม่
ที่สำคัญ สมาคมฟุตบอล (เอฟเอ) เพิ่งตัดสินใจยกเลิกการสัมผัสมือของนักเตะในเกมเอฟเอ คัพ คู่ระหว่าง ควีนส์ปาร์ค กับ เชลซี ด้วยเนื่องจาก จอห์น เทอร์รี่ กัปตันสิงห์บลูส์ ก่อคดีเหยียดผิว แอนทอน เฟอร์ดินานด์ กองหลังคิวพีอาร์ และเป็นที่ซุบซิบกันว่าดาวเตะผิวสีจะไม่สัมผัสมือกับเจทีจนเป็นเหตุให้เอฟเอยอมยกเลิกธรรมเนียมด้วยเกรงว่าจะเกิดภาพที่ไม่เหมาะสมเหมือนเมื่อครั้งที่ เวย์น บริดจ์ กองหลังแมนฯ ซิตี้ เคยเมินจับมือกับเพื่อนสนิทในทีมสิงโตน้ำเงินครามที่ก่อเหตุตีท้ายครัวเขามาแล้ว
อย่างไรก็ดี ล่าสุดเมื่อ 8 ก.พ. สื่ออิงลิชได้คาดการณ์ว่าพรีเมียร์ลีกจะไม่ยกเลิกธรรมเนียมการเช็กแฮนด์ก่อนเกมอันหมายความว่าเอวร่ากับซัวเรซจะต้องสัมผัสมือกันโดยไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ เว้นก็แต่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะเมินการจับมือกับคู่กรณีเหมือนที่บริดจ์เคยกระทำ
อามอสตั้งเป้าติดทีมสหราชอาณาจักรลุย อลป.

เบน อามอส ผู้รักษาประตูดาวรุ่งของ "ปีศาจแดง" แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มหาอำนาจลูกหนังแห่งศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ ตั้งเป้ามีชื่อติดทีมลูกหนังสหราชอาณาจักร ลุยศึกฟุตบอลโอลิมปิกเกมส์ 2012 ที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในช่วงซัมเมอร์นี้
นายทวารวัย 21 ปี ซึ่งได้ลงเล่นให้ "เร้ด เดวิลส์" 4 เกมในฤดูกาลนี้ ยอมรับ คงเป็นเรื่องยากที่จะเบียดแย่งตำแหน่งมือ 1 ทีมชาติอังกฤษ จาก โจ ฮาร์ท โกล์ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แต่มั่นใจสำหรับโอกาสที่จะได้เฝ้าเสาให้ทัพสหราชอาณาจักร สำหรับลุยมหกรรมกีฬาแห่งมวลมนุษยชาติ
อามอส เผยว่า "สำหรับสิ่งที่ โจ ฮาร์ท ทำถือว่าสุดยอดมากกับทีมชาติอังกฤษ เขามีศักยภาพที่จะเป็นตัวเลือกในตำแหน่งกัปตันทีมชาติคนต่อไปด้วย โอกาสยังคงห่างไกลมากสำหรับผม ดังนั้น โอลิมปิกเกมส์ เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เป็นตัวแทน ไม่ใช่แค่ อังกฤษ แต่เป็น สหราชอาณาจักร ในการแข่งขันที่ยิ่งใหญ่แบบนี้"
นอกจากนี้ โกล์อนาคตไกล ยอมรับ สุดมีความสุขที่ได้โอกาสลงเล่นตัวจริงครั้งแรก ในเกมลีกแมตช์ชนะ สโต๊ค ซิตี้ "มันเป็นเรื่องดีจริงๆ ผมรอคอยมานานที่จะได้ลงเล่นใน พรีเมียร์ลีก ผมเคยเล่นทีมชุดใหญ่มาก่อน แต่ครั้งนี้เป็นเรื่องที่สำคัญมากสำหรับผม"
ขณะเดียวกัน อามอส เผยว่า เคยคิดอำลาทีมแบบยืมตัวในช่วงต้นซีซั่นนี้ "ผมพยายามที่จะอดทนตลอดทั้งซีซั่น และบางครั้งก็คิดย้ายไปเล่นแบบยืมตัว ทุกๆ สิ่งที่เกิดขึ้นมันมีเหตุผล ดังนั้นมันเป็นเรื่องดีที่ผมตัดสินใจไม่ย้ายออกไป"
หายซ่า!แบนแฟนผีเหยียดผิวแข้งสโต๊คห้ามดูบอล 3 ปี

ฮาวเวิร์ด ฮ็อบสัน แฟนบอล แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ก่อเรื่องงามหน้า ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีเหยียดผิวนักเตะผิวสีของ สโต๊ค ซิตี้ ในศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดที่ "ปีศาจแดง" สำแดงอิทธิฤทธิ์ความเป็นอภิมหาอำนาจลูกหนังโลก โชว์ฟอร์มเก่งเอาชนะ "ช่างปั้นหม้อ" ไปได้แบบสบายหัวเกือก 2-0 เมื่อวันอังคารที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ที่สนาม โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด มีอันต้องถูกลงโทษห้ามเข้าชมเกมลูกหนังถึงขอบสนามเป็นเวลานานถึง 3 ปี เป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ฮ็อบสัน วัย 57 ปี ตะโกนด่าทอด้วยถ้อยคำหยาบคายที่พาดพิงถึงชาติพันธุ์ รวมทั้งยังส่งเสียงเป็นลิงเป็นค่างล้อเลียน เคนวีน โจนส์ หัวหอกผิวเข้มของ สโต๊ค อีกต่างหาก หลังจากที่ดื่มเบียร์ 4 ขวดรวดจนเมามาย และมีรายงานว่า เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยในสนามถึงกับต้องพาตัวออกไป เมื่อตอนที่กลับมายังที่นั่งของตัวเองในช่วงพักครึ่ง โดยมีพยานยืนยันถึงพฤติกรรมต่ำทรามของแฟนผีรายนี้อย่างถนัดชัดเจน จนกระทั่งเจ้าตัวไม่อาจจะแก้ตัวแก้ต่างอย่างไรได้
เมื่อผู้พิพากษาศาลแขวงแทร็ฟฟอร์ด ออกปากขอให้ ฮ็อบสัน อธิบายพฤติกรรมของตนเอง หลังจากที่ยอมรับสารภาพผิดข้อหาเดียวคือ ก่อกวนความสงบด้วยการเหยียดผิวนั้น ฮ็อบสัน กลับเอาแต่ยืนกรานเสียงแข็งว่า "ผมไม่ใช่พวกเหยียดผิว" แต่ก็ยอมรับว่า ตัวเองพูดคำว่า "ผิวดำ" ออกมาจริงๆ พร้อมชี้แจงว่า "ผมมีคนผิวสีอยู่ในครอบครัวของผมด้วย รวมทั้งเพื่อนสนิทส่วนใหญ่ของผมก็ยังเป็นคนผิวสี ผมไม่รู้เหมือนกันว่า อะไรดลใจผม ผมเสียใจอย่างสุดซึ้ง"
ด้าน ราเชล กู๊ดดี้ ทนายความของ ฮ็อบสัน กล่าวว่า จำเลยรู้สึกละอายใจเป็นอย่างที่สุดแล้วกับการกระทำของตัวเอง โดย ฮ็อบสัน จะหมดสิทธิ์เข้าชมการแข่งขันในสังเวียนแข้งที่อังกฤษ และเวลส์ เป็นเวลา 3 ปี รวมทั้งยังต้องนำหนังสือเดินทางมาส่งมอบต่อทางการในยามที่ทีมชาติอังกฤษออกเดินทางไปโม่เกือกในต่างแดน และยังจะต้องถูกปรับเป็นเงินจำนวน 200 ปอนด์ (ประมาณ 10,000 บาท) อีกด้วย


Special Thanks : ทีมข่าวกีฬาไทยรัฐออนไลน์