โดย The Fifth Beatle » พฤหัสฯ. พ.ค. 13, 2010 14:55
เซอร์อเล็กซ์ เคยนั่งจิบไวน์อารมณ์สบายๆ ให้สัมภาษณ์ในแม็กกาซีนประจำถิ่นอสูรแดงที่ชื่อ อินไซด์ ยูไนเต็ด เมื่อเกือบ 2 ปีที่แล้วว่า
ตั้งแต่ขึ้นมาเป็นผู้นำมวลชนที่ โอลด์แทรฟฟอร์ด กว่า 20 ปี เขามีกองทัพที่ลงตัวในทุกขุมกำลังอยู่ 3 ชุดด้วยกัน
ทัพแรก เป็นทีมยุคบุกเบิก ที่เปิดซิงคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสมัยแรกได้สำเร็จ ทำให้การรอคอยแชมป์ลีกที่ยาวนาน 26 ปี ของ แมนฯ ยูฯ สิ้นสุดลง ถือเป็นทีมที่สร้างรากฐานให้กับความยิ่งใหญ่ของปีศาจแดง
รวมถึงเป็นทีมที่ช่วยกันจับเป็ดที่คิดว่าตัวเองเป็นหงส์เชือด ก่อนจะโยนลงหม้อพะโล้ แล้วให้แฟนผีนั่งล้อมวงโซ้ยกับข้าวต้มมาจนถึงทุกวันนี้
ขุนพลชุดนี้ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, แบ็คซ้าย เดนิส เออร์วิ่น, แบ็คขวา พอล ปาร์เกอร์, คู่เซ็นเตอร์ สตีฟ บรูซ กับ แกรี่ พัลลิสเตอร์, มิดฟิลด์ พอล อินซ์ กับ รอย คีน, ปีกซ้าย ไรอัน กิ๊กส์, ปีกขวา อังเดร แคนเชลสกี้ส์, หน้าต่ำ เอริค คันโตน่า, หน้าเป้า มาร์ค ฮิวจ์ส ตัวสำรองเด่นๆ ลี ชาร์ป, ไบรอัน แม็คแคลร์ ฯลฯ
ทัพที่สอง เป็นทีมที่เขียนประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้แก่วงการฟุตบอลเมืองผู้ดี ด้วยการคว้าทริปเปิ้ลแชมป์ หรือ 3 ถ้วย ในฤดูกาลเดียวกัน ( 1998-99 ) ได้แก่ พรีเมียร์ลีก, เอฟเอ คัพ และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก เป็นทีมแรกและทีมเดียวในอังกฤษที่ทำได้
ที่น่าภูมิใจก็คือ นักเตะแกนหลักเกือบครึ่งทีม คลอดมาจากรังไข่ของสโมสร ( อะคาเดมี่ )
ขุนพลชุดนี้ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล, แบ็คซ้าย เดนิส เออร์วิ่น, แบ็คขวา แกรี่ เนวิลล์, คู่เซ็นเตอร์ ยาป สตัม กับ รอนนี่ ยอห์นเซ่น, มิดฟิลด์ รอย คีน กับ พอล สโคลส์, ปีกซ้าย ไรอัน กิ๊กส์, ปีกขวา เดวิด เบ็คแฮม, คู่ศูนย์หน้า ดไวท์ ยอร์ค กับ แอนดี้ โคล ตัวสำรองเด่นๆ โอเล่ กุนนาร์ โซลชา, เท็ดดี้ เชอร์ริงแฮม, นิคกี้ บัตต์, ฟิล เนวิลล์ ฯลฯ
ทัพที่สาม เพิ่งเกิดขึ้นเมื่อเร็วๆ นี้ เป็นทีมที่คว้าดับเบิ้ลแชมป์ พรีเมียร์ลีก และ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ในฤดูกาล 2008-09
แต่น่าเสียดาย ตรงที่นักเตะคีย์แมนบางคนดันไปสวมบทโสเภณีขายตัวให้กับทีมอื่น โดยอ้างว่า ต้องการทำความฝันวัยเด็กให้เป็นจริงบ้างล่ะ ไปตอแหลว่าป๋าไม่ต้องการบ้างล่ะ การสานต่อความยิ่งใหญ่จึงหมดอายุเร็วไปหน่อย
ขุมพลชุดนี้ประกอบไปด้วย ผู้รักษาประตู เอ็ดวิน ฟานเดอร์ ซาร์, แบ็คซ้าย ปาทริซ เอวร่า, แบ็คขวา เวส บราวน์, คู่เซ็นเตอร์ ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ เนมานย่า วิดิช, คู่มิดฟิลด์ พอล สโคลส์ กับ ไมเคิ่ล คาร์ริค ปีกซ้าย ไรอัน กิ๊กส์, ปีกขวา คริสเตียโน่ โรนัลโด้, คู่หน้า เวย์น รูนี่ย์ จับคู่กับ คาร์ลอส เตเวซ ตัวสำรองเด่นๆ ดาร์เรน เฟลทเชอร์, พาร์ค ชี-ซอง, แอนเดอร์สัน, นานี่, โอเว่น ฮากรีฟส์ ฯลฯ
ดู แมนฯ ยูฯ 3 ชุดนี้แล้ว เป็นไงกันบ้างเอ่ย?
สิ่งที่เหมือนกันอยู่อย่าง และเป็นสิ่งที่ แมนฯ ยูฯ ในชุดปัจจุบันไม่มีก็คือ
3 ชุดดังกล่าว มีนักเตะประเภท แมตช์ วินเนอร์ หรือ พวกที่ชี้เป็นชี้ตายให้กับทีมเพียบเลย ไม่ว่าสถานการณ์จะย่ำแย่หรือเป็นรองแค่ไหน แฟนๆ ยังรู้สึกอุ่นใจได้เสมอว่า ถ้ายังไม่หมดเวลา เดี๋ยวจะต้องมีใครสักคนทำอะไรสักอย่างช่วยทีมเอาไว้ได้
ซึ่งหลายครั้งทั้งแฟนผีและทีมอื่นเรียกมันว่า ปาฏิหาริย์
ชุดแรกเนี่ย... เรียกได้ว่า ตัวเกมรุกเป็นความหวังให้กับทีมได้ทั้งหมด ผู้เล่นแต่ละคนสามารถยิงประตูนำชัยชนะมาสู่ทีมได้ทั้งนั้น
นอกจากนี้ ยังมีทีเด็ดจากลูกคอร์เนอร์ ที่ สตีฟ บรูซ กองหลัง ขึ้นมาโขกทำประตูได้บ่อยๆ
ชุดที่สอง ก็ไม่แพ้กัน แผงกลางยิงได้ราวๆ 10 ลูกต่อฤดูกาลเกือบทุกคน
ส่วนกองหน้าที่ย้ายเข้ามาแรกๆ ฟอร์มฝืด จนได้รับฉายาจากแฟนบอลว่า สากกะเบือตัวพ่อ อย่าง แอนดี้ โคล พอได้คู่หูใหม่อย่าง ดไวท์ ยอร์ค ก็เรียกฟอร์มเก่งคืนมาได้
ชุดที่สาม แม้คู่มิดฟิลด์ และ ปีกพ่อมด ไรอัน กิ๊กส์ จะลดประสิทธิภาพเรื่องการทำประตูของทีมลงไป แต่โดยรวมกลับไม่มีปัญหาในเรื่องการจบสกอร์ เพราะคนที่เหลืออย่าง ไอ้โด้, อีเตฟ และ หมูรูน ถือเป็นดาวยิงชั้นแนวหน้าของโลกทั้งนั้น
พอกลับมาดูทีมชุดปัจจุบัน ชั่วโมงนี้ต้องยอมรับว่ายังห่างจาก แมนฯ ยูฯ 3 เจเนอเรชั่นข้างต้นอยู่พอสมควรในเรื่องเกมรุก
( แม้ฤดูกาลนี้จะยิงได้มาก แต่ก็มาจากการสงเคราะห์ของฝั่งตรงข้ามซะหลายลูก )
เพราะมีแค่ เวย์น รูนี่ย์ คนเดียวเท่านั้น ที่แฟนๆ ไว้ใจได้ในเรื่องการผลิตสกอร์
สำหรับ นานี่ และ มาเคด้า ถือว่าหน่วยก้านดี แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นฝากความหวังได้แบบเต็มร้อย
ราย ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ ไม่ต้องพูดถึง แค่ลงเล่นแล้วไม่ง่วงนอน หรือไม่ลื่นหกคะล้ม แฟนผีก็ปลื้มแล้ว
ป๋าเองก็รู้แหละว่า ต้องซื้อศูนย์หน้าที่จบสกอร์เก่งๆ หรือกองกลางที่ยิงแถวสองได้เข้าทีมเพิ่ม ลำพังกองกลางที่ถนัดเกมแท็คติกคงไม่พอ ส่วนกองหน้าดาวรุ่งก็อาจต้องรอเวลาอีกสักหน่อย
ถ้าปิดฤดูกาลนี้ยังไม่มีบิ๊กเนมเข้ามาช่วย คงหวังแย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกคืนจากเชลซีลำบาก และ แมนฯ ยูฯ เจเนอเรชั่นที่ 4 ก็ยากที่จะเกิดขึ้น
ไม่แปลกใจที่ 2-3 วันก่อน เวย์น รูนี่ย์ ก็เพิ่งจะออกมากระตุ้นสโมสรให้ซื้อดาวยิงมาช่วยแบ่งเบาภาระ
เพราะตัวเขาแม้จะบึกบึนแข็งแรง แต่ก็แบกทีมจนหลังแอ่นแล้ว เท่านั้นไม่พอ พี่เบลอตาหลอด ยังกระโดดขี่คออยู่ข้างหลัง
ขนาดบาดเจ็บ แฟนๆ ยังภาวนาให้ป๋าเข็นลงเล่นในหลายๆ เกมช่วงปลายฤดูกาล ที่กำลังเบียดลุ้นแชมป์กับสิงห์บลู เพราะไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใคร
เป็น เวย์น รูนี่ย์ ยามนี้ เหนื่อยสาหัส และคงไม่มีประโยคไหนจะแทนใจได้เหมาะสมเท่ากับประโยคที่ว่า
อะไรก็กรู !!!
หรือคุณว่าไง ???