บาร์เซโลนากับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลุ้นสร้างประวัติศาสตร์ให้กับสโมสรตัวเองโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชนะในปีนี้จะคว้าแชมป์รายการใหญ่ของยุโรปได้เป็นสมัยที่ 4
ที่น่าทึ่งคือทั้งสองสโมสรนั้นได้แชมป์รายการนี้ครั้งแรกที่สนามเวมบลีย์ โดยแมนฯยูฯ คว้าแชมป์ครั้งแรกเมื่อปี 1968 ส่วนบาร์เซโลนาเมื่อปี 1992 บังเอิญที่ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า เป็นนักเตะกองกลางของทีมชุดที่เรียกว่า ดรีมทีม โดยมี โยฮัน ครัฟฟ์ เป็นเทรนเนอร์ใหญ่นั่นเอง
การชิงชัยในครั้งนี้ตามหน้าเสื่อแล้วยกให้บาร์เซโลนาเหนือกว่าแต่ฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศนัดเดียวอะไรก็เกิดขึ้นได้ อีกทั้งแมนฯยูไนเต็ดก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นรองขนาดนั้น พวกเขามีความพร้อมในตัวผู้เล่นมากกว่าบาร์ซ่าด้วยซ้ำ เช่นเดียวกันกับความมั่นใจในการเล่นเกมที่มีมากขึ้นเรื่อยๆในรอบหนึ่งเดือนที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตามนี่คือการรีเพลย์แมตช์ชิงชนะเลิศเมื่อ 2 ปีก่อนที่กรุงโรม ตอนนั้นบาร์ซ่าชนะแมนฯยูฯ 2-0 นักเตะจากชุดนั้นก็ยังอยู่กันหลายคน เป็นแกนนำให้กับทีมเช่นกัน
อย่างไรก็ตามจัดว่าคู่ชิงชนะเลิศคู่นี้เป็นคู่ที่สมศักดิ์ศรีคู่หนึ่งทั้งในแง่รากฐานประวัติศาสตร์...ความสำเร็จ...ความมั่งคั่ง กระทั่งเรื่องสไตล์ของฟุตบอลที่อาจแตกต่างกัน จนทำให้เป็นคู่ชิงที่คาดว่าจะได้เห็นฟุตบอลคนละแบบที่ต้องเล่นเพื่อชัยชนะ
บาร์เซโลนา (แชมป์ปี 1992,06,09) VS แมนฯยูไนเต็ด (แชมป์ปี 1968,99,08)
วันที่ 28 พ.ค. เวลา 01.45 น.
สนาม เวมบลีย์...ช่อง 7, 3 ถ่ายทอดสด
กลยุทธ์และผลที่คาด
บาร์ซ่า ; กวาร์ดิโอล่า จะยังคงยึดมั่นกับระบบ 4-3-3 หากจะมีการปรับเปลี่ยนตำแหน่งการเล่นคือเซนเตอร์ฮาล์ฟว่าจะใช้ มาสเชราโน กับ ปิเกต์ หรือนำ ปูโยล กลับมาเล่น โดยแบกซ้ายคือ เอริค อบิดาล แต่ถ้ายังวางใจ มาสเชราโน นั่นหมายความว่า ปูโยล จะต้องเล่นแบกซ้าย แดนกลางเหมือนเดิม บุสเกต-อีเนียสต้ส-ชาบี ขณะที่แนวรุก เปโดร,เมสซีและบีย่า
โดย เมสซี จะถอนลงมาต่ำมากเพื่อเล่นเกมกับ ชาบี, อีเนียสต้า เพื่อให้ บียา กับ เปโดร ขยับเข้าไปข้างในตามจังหวะของเกม
แมนฯยูฯ ; เซอร์ อเล็กซ์ ส่งน้องชายของเขาคือ มาร์ติน เฟอร์กูสัน เป็นแมวมองซุ่มดูฟอร์ม บาร์ซ่าตลอด 2 เดือนเพื่อจดรายละเอียดวิธีการเล่นทั้งรุกและรับ จุดแข็งและจุดอ่อน นั่นคือจุดที่เซอร์ อเล็กซ์ จะใช้วางแผนเล่นเกม แต่เชื่อว่าระบบการเล่นเกมนี้จะใช้ 4-4-2 โดยปรับเป็น 4-5-1 ได้ตามจังหวะของเกม
กองหลังชุดเดิมตั้งแต่ ริโอ, วีดิช, เอวรา และน่าจะเป็น ฟาบิโอ สำหรับเกมใหญ่เกมนี้ โดยแดนกลาง คาร์ริค คุมจังหวะของเกมร่วมกับ พาร์ค ชี ซอง, ไรอัน กิ๊กส์ และ วาเลนเซีย โดย รูนีย์ ยืนหน้ากับ ชิชาริโต้ ในแบบ 4-4-2 แต่ถ้า รูนีย์ ลงต่ำมาก ชิชาริโต้ จะยืนหน้าเป้าค้ำกองหลังของบาร์ซ่าเอาไว้
รูนีย์ VS บุสเกต
น่าจะเป็นแผนพิเศษของเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เหมือนเกมที่พวกเขาชนะเชลซีในรอบ 8 ทีมสุดท้ายด้วยการให้ รูนีย์ ถอนลงมาเล่นเกมตรงกลาง บลอคการขึ้นบอลของ เอสเซียง เป็นเกมที่ได้ผล ครั้งนี้ เซร์คิโอ บุสเกต ตัวเชื่อมเกมบาร์ซ่าอาจโดนแบบนั้นบ้าง
พาร์ค VS เมสซี
ด้วยความขยันวิ่งไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อยของ พาร์ค ชี ซอง เขาอาจเป็นนักเตะที่รับบท แมน มาร์คเกอร์ ตามประกบ ลิโอเนล เมสซี หรือก็มีส่วนในการไล่ตามเพื่อแย่งบอลทำให้ เมสซี เสียจังหวะ เข้ามาไม่ถึงหน้าเขตโทษ หรือพื้นที่อันตราย ให้ถอยไปต่ำมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
เกมที่คาด...
บาร์ซ่าเล่นสไตล์ตัวเองคือเน้นครองบอลผ่านบอล บุกเข้าหา ขณะที่แมนฯยูฯ เล่นเกมอย่างรัดกุม แต่จะเน้นพื้นที่แดนกลางมากเป็นพิเศษ ไม่ให้บาร์ซ่าเข้ามาถึงระยะ 35 หลาหน้าเขตโทษ จะตรึงบาร์ซ่าเอาไว้แค่กลางสนาม แดนกลางต้องทำงานหนักเป็นพิเศษในการคุมพื้นที่และคนเพื่อไม่ให้บาร์ซ่าทะลุถึงระยะ 18 หลาอันเป็นพื้นที่อันตราย จากนั้นหากมีโอกาสตัดบอลได้เล่นเร็ว เพราะมี ชิชาริโต้ พร้อมโจมตี
เกมแบบนี้น่าจะทำให้บาร์ซ่าเล่นยาก อึดอัด ครองบอลได้แต่เข้าหาเขตโทษไม่ได้ สุดท้ายจะทำบอลพลาดแล้วโดนแมนฯยูไนเต็ด ตีโต้ จัดการใช้ความเร็วข้างหน้าทั้ง ชิชาริโต้ และ วาเลนเซีย เล่นงาน อีกทั้งแมนฯยูฯ มีทีเด็ดเรื่องเตะมุม, ฟรีคิกที่ลงโทษกองหลังบาร์ซ่าได้ง่าย เนื่องจากป้องกันลูกกลางอากาศไม่ดี
แมนฯยูไนเต็ด จะชนะบาร์เซโลนานัดนี้ 1-0 พร้อมคว้าแชมป์ยุโรปสมัยที่ 4 ไปครอง
บทความโดย "แจ็คกี้" อดิสรณ์ พึ่งยา





</center>








</center>

