เข้าสู่เดือนที่ 8 ของการชิงชัย ในศึกพรีเมียร์ลีก แต่แฟนบอล "ผีแดง" กลับไม่ยักเห็นพัฒนาการใดๆ จากฝีมือการคุมทัพของ กุนซือชาวสกอตต์รายนี้ แม้เขาจะได้รับการคัดเลือกจาก เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ให้เข้ามาสืบทอดเก้าอี้แทน แต่เราก็คงไม่ลืมว่า ในอดีตที่ผ่านมา มีไม่น้อยที่ เซอร์อเล็กซ์ ก็เคยตัดสินใจผิดพลาดมาแล้วเช่นกัน
และนี่คือ 10 เหตุผล ที่ตอกย้ำว่า ทำไม "มอยส์" ควรจะ "หยุด" และเก็บกระเป๋าออกจาก ถิ่น โอลด์แทรฟเฟิร์ด ไปซะไม่ว่าจะเดี๋ยวนี้หรือจบฤดูกาล!!!
1. ไม่มีบารมี มากพอ
เกียรติประวัติการทำงานที่ผ่านมา มอยส์ ยังไม่เคยพิสูจน์ให้เห็นว่า เขามีดีพอที่จะคุมทีมแมนฯยู เพราะจากการทำงานที่เอฟเวอร์ตัน มาหลายปี สิ่งที่เขาทำได้ดีที่สุด ก็แค่การเฉียดไปเฉียดมาในอันดับท็อปโฟร์ เท่านั้น ฉะนั้น เมื่อมองจากประสบการณ์ ในการแบกรับความกดดันการลุ้นแชมป์ เขาก็แทบจะไม่มีเอาซะเลย
2. ทำลายสถิติสโมสร
แค่ฤดูกาลแรก มอยส์ ก็ทำลายสถิติของสโมสร ระเนระนาดไปหมด อย่างทีมที่ไม่เคยแพ้ในบ้านมาหลายสิบปี ก็มาเกิดขึ้นในยุคสมัยของเขา เช่น เกมกับ เวสต์บรอมฯ, นิวคาสเซิล, เอฟเวอร์ตัน และ สวอนซี ยังไม่นับสถิติ ที่ไม่น่าจดจำ จิปาถะอีกเพียบ ในฤดูกาลนี้
3. ไม่มีความกล้าได้กล้าเสีย
แท็กติกการคุมทีม ที่ไม่มีความกล้าได้กล้าเสีย ที่คงติดมาจากการคุมทีม อย่างเอฟเวอร์ตัน ซึ่งเน้นไม่เสียประตูไว้ก่อน แต่สำหรับ ทีมแมนฯยู คือทีมที่ต้องทำประตูให้ได้ และนึกถึงชัยชนะอย่างเดียว สภาพเกมที่ออกมา ก็เลยดูแล้วอึดอัดไปหมด ส่วนหนึ่งก็น่าจะมาจากการปลดสตาฟฟ์โค้ชชุดเก่าออก และเอาทีมของตัวเอง จากเอฟเวอร์ตัน มาทำงาน ทำให้ไม่มีใคร เข้าใจถึง หัวใจสำคัญของแมนฯยู จริงๆ ว่าคืออะไร
4. การจัดทีม ขัดใจ ขัดสายตา ไปหมด
ว่ากันตั้งแต่การไม่เปิดโอกาสให้ วิลฟรีด ซาฮา ลงสนาม ทั้งๆ ที่ เซอร์อเล็กซ์ ทุ่มซื้อมาจาก พาเลซ ถึง 15 ล้านปอนด์ ขณะที่ ชินจิ คากาวะ ก็ดูเหมือนกลายเป็นส่วนเกิน แต่กลับกัน เขากลับตะบี้ตะบันส่งนักเตะที่ฟอร์มไม่ได้ดีไปกว่ากัน อย่าง วาเลนเซีย, ยัง, นานี, เคลฟเวอร์ลีย์ ลงเล่นต่อเนื่อง มากกว่า ส่วน มาตา ที่ยืนยันว่า ถนัดเล่นตรงกลาง ก็โดนโยกไปอยู่ริมเส้น เพราะตำแหน่งทับกับรูนีย์ หนำซ้ำ ยังไปฝากความหวังไว้กับ อัดนัน ยานูไซ ดาวรุ่ง เกินวัยของนักเตะเสียอีก ส่วน สมอลลิง กับ โจนส์ ก็โดนโยกตำแหน่งถนัดไปรับบทแข้งสารพัดประโยชน์ ทำให้ ณ ตอนนี้ มอยส์ ถึงไม่มีทีมตัวจริง ในใจเสียที
5. สู้ทีมระดับเดียวกันไม่ได้เลย
ในเกมระดับบิ๊กแมตช์ หัวตาราง ผลงานของแมนฯยู แทบจะเรียกว่า สู้ไม่ได้เลย โดยแพ้ไปถึง 5 จาก 6 ทีมที่อยู่เหนือเข้าตอนนี้ ขณะที่ มอยส์ ในอดีตที่ผ่านมา ก็พิสูจน์ฝีมือแล้วว่า ในอาชีพผู้จัดการทีม ไม่เคยเอาชนะ ลิเวอร์พูล, เชลซี หรืออาร์เซนอล ได้เลย ตลอด 12 ปี ที่ผ่านมา และนี่ก็น่าจะเป็น 1 เหตุผลที่ดีพอที่ เขาไม่ควรจะมาแทนที่ เซอร์อเล็กซ์ ตั้งแต่ต้นแล้ว
6. สอบตกในการซื้อนักเตะ
ยังคงจำได้ดี เมื่อช่วงซัมเมอร์ แมนฯยู มีข่าวมากมาย กับนักเตะชื่อดังหลายคน โดยเฉพาะในเกมรุก สุดท้าย ไปคว้าเอาได้แค่ มารูยาน เฟลไลนี เด็กเก่าจาก เอฟเวอร์ตัน ซึ่งตำแหน่งเล่นก็ไม่แน่นอน ว่า รุกหรือรับกันแน่ พอจับมาใส่ลงสนาม ก็เห็นชัดเลยว่า ตำแหน่งของ เฟลไลนี มันกั๊กๆ ไม่สอดคล้องกับระบบทีม ล่าสุด กับ ฮวน มาตา แม้จะเป็นแข้งคุณภาพ แต่ตำแหน่งการเล่นก็ทับซ้อนกับผู้เล่นแนวรุกหลายคน โดยเฉพาะ เวย์น รูนีย์ แล้วที่นี้ ซื้อมาแพงเป็นสถิติสโมสร จะไม่ให้ลงก็ไม่ได้ ก็เลยโยกไปเล่นในตำแหน่งไม่ถนัด ผลงานก็เลยยังไม่ปรากฏ เช่นเดียวกับ เฟลไลนี
7. ส่อตกรอบ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ด้วยทีมที่อ่อนสุด
หลังจับสลากประกบคู่รอบ 16 ทีมสุดท้าย สื่อหลายสำนักตีข่าวว่า งานนี้ แมนฯยูฯ คงผ่านฉลุยไปได้ไกล ในศึกชปล. ล้างอายในเกมพรีเมียร์ลีกของตัวเอง เพราะเจอกับ โอลิมเปียกอส ซึ่งสถิติที่ผ่านมา พวกเขาก็ชนะรวดมาตลอด แต่แล้ว มอยส์ ก็ทำเอาแฟนผีช็อกกันไป เมื่อบุกไปพ่าย 0-2 ด้วยรูปเกมที่น่าอดสูเช่นเคย ทำให้เจองานหนัก เกมนัดที่ 2 โดยเฉพาะด้วยฟอร์มแบบนี้ โอกาสจะชนะขาด 3 ลูก และไม่เสียประตูเลย เป็นอะไรที่ยากจริงๆ
8. ห่างอันดับ 4 โควตาสุดท้ายไปชปล. ถึง 12 คะแนน
หลังทราบข่าว เซอร์อเล็กซ์ วางมือ และเปลี่ยนมาเป็น มอยส์ แฟนแมนฯยู หลายคนยอมรับตรงๆ ว่า ไม่ได้หวังสูงที่จะถึงขนาดป้องกันแชมป์แต่ แต่การลุ้นไปเตะชปล. เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่กลายตอนนี้ มอยส์ กำลังดับฝันแมนฯยู ไม่ได้ไปบอลถ้วยใหญ่สุดของยุโรป ครั้งแรกในรอบ 19 ปี หลังจากแข่งไปแล้ว 29 นัด มี 48 คะแนน ตามหลัง อันดับ 4 แมนฯซิตี้ ที่แข่งน้อยกว่า 2 นัด อยู่ถึง 12 แต้ม ดีไม่ดี อาจหลุดโควตา ยูโรปา ลีก อีกด้วย
9. แปรสภาพทีมแชมป์กลายเป็นทีมอบต.
ใครจะไปเชื่อว่า ห่างกันแค่ฤดูกาลเดียว ทีมแชมป์ ซึ่งเคยทำแต้มทิ้งห่าง อันดับ 2 คว้าแชมป์ไปก่อนจบซีซั่นหลายสัปดาห์ ปัจจุบัน จะกลายเป็นทีมที่ไม่ว่าจะเจอทีมเล็ก ทีมใหญ่ ก็ต้องกระเสือกกระสนรากเลือด กว่าจะคว้าได้แต่ละแต้มติดมือ ทั้งๆ ที่ ขุมกำลังเกือบ 95 % เป็นชุดเดิม โดยเฉพาะ เวย์น รูนีย์ และ ฟานเพอร์ซี ยังอยู่กันครบองค์ประชุม
10. มอยส์ กำลังทำลายชื่อเสียงและศรัทธาทีม
กับวลีฟังแล้วซึ้งน้ำตาจะไหล "หากว่าคุณไม่เชียร์เราในวันที่พ่ายแพ้ ก็จงอย่ามาเชียร์ในวันที่เราชนะ" ประเด็นคือ แพ้ได้ไม่เป็นไร แต่แพ้ซ้ำแพ้ซาก แพ้แบบไม่มีแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ก็คงไม่ต่างอะไรจากหนทางสู่หายนะของสโมสรในภายภาคหน้า เฉกเช่นรูปเกมที่ออกมาของแมนฯยู นับครั้งได้เลยว่า นัดไหน พวกเขาเล่นได้ดี และเหนือคู่แข่งแบบแบเบอร์ ที่เหลือ ต้องลุ้น ต้องเกร็ง เชียร์ไปบ่นไปนับไม่ถ้วน ซึ่งมันค่อยๆ บ่อนทำลายความเชื่อมั่นของแมนฯยู ในยุคนี้มากขึ้นๆ ตราบที่ มอยส์ ยังอยู่ในตำแหน่งต่อไป
โคตรโดนใจ

http://www.thairath.co.th/content/sport/410712