
"เบอร์เสื้อไม่มีความหมายอะไร ผมจะเล่นในแบบของผม"
ไมเคิล คาร์ริค
เสื้อหมายเลข 16 ในแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเบอร์ที่ได้รับการจับตามองอย่างมากตั้งแต่ที่รอย คีน ทิ้งหมายเลขอันทรงเกียรตินี้ไว้เมื่อเขาจากทีมไป และเมื่อคาร์ริค ย้ายมาร่วมทีมเมื่อฤดูร้อนที่ผ่านมา หมายเลขเสื้อเก่าของรอย คีน ก็ตกเป็นของเขา
มีคำถามเกิดขึ้นมากมายถึงค่าตัว 18.6 ล้านปอนด์ของเขา แต่เซอร์ อเล็กซ์ ก็ยืนกรานว่าเขาได้คว้าตัวเลือกที่ถูกต้องที่สุดที่จะมาแก้ไขปัญหาในแดนกลางของทีม และยอมรับว่าการซื้อขายระหว่างทีมในลีกอังกฤษด้วยกันต้องใช้เงินจำนวนมาก
คาร์ริค ซึ่งมีสไตล์การเล่นตรงข้ามกับคีโน่โดยสิ้นเชิง ตกเป็นที่จับตาว่าเขาจะเข้ามาแทนที่ในช่องว่างที่คีน ทิ้งไว้ให้ได้ดีเพียงใด ในตำแหน่งที่ถือได้ว่าเป็นหัวใจของแดนกลาง
ด้วยทัศนวิสัยที่ดี และการจ่ายบอลที่แม่นยำ คาร์ริคกลายเป็นคู่หูที่ดีสำหรับพอล สโคลส์ พวกเขากลายเป็นตัวทำเกมที่มีส่วนอย่างยิ่งต่อการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีก เป็นสมัยที่ 9
ที่น่าผิดหวังคือ เขาได้รับบาดเจ็บข้อเท้าในการลงสนามเป็นนัดที่สองให้ทีมในนัดที่พบกับไอแอกซ์ ในเกมอัมสเตอร์ดัม ทัวร์นาเม้นต์ ทำให้เขาพลาดการลงเล่นในนัดเปิดฤดูกาลที่ชนะฟูแล่ม 5-1 และชนะชาร์ลตัน 3-0 แต่เขาก็กลับมาลงเล่นนัดแรกในพรีเมียร์ชิพได้ในเกมที่ชนะวัตฟอร์ด ที่วิคาเรจ โร้ด และเป็นกำลังหลักของทีมมานับแต่นั้น
ที่ไวท์ ฮาร์ท เลน คาร์ริคไม่มีชื่อเสียงด้านการทำประตูสักเท่าไร ในความเป็นจริง เขาทำได้เพียง 2 ประตู ใน 2 ปีที่อยู่กับสเปอร์ส และเมื่อฤดูกาล 2005/2006 จบลง คาร์ริค เริ่มมองไปถึงการทำสถิติการยิงประตูของเขาต่อไปกับทีมใหม่อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ท่ามกลางการสนับสนุนจากเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน และสต๊าฟฟ์โค้ชของทีม
ประตูแรกของเขากับทีมเกิดขึ้นในนัดที่พบกับแอสตัน วิลล่า ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด ด้วยลูกยิงฮาล์ฟวอลเล่ย์ในเขตโทษ แต่เขาก็ยังไม่หยุดอยู่แค่นั้น คาร์ริคทำเพิ่มได้อีก 5 ประตู เป็น 2 ประตูในเกมลีก , 1 ประตูในเอฟเอคัพ และ 2 ประตูในยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ในนัดที่ชนะเอเอส โรม่า 7-1
ช่วงเวลามหัศจรรย์
แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 7 โรม่า 1
10 เมษายน 2007 , โอลด์ แทรฟฟอร์ด
คาร์ริค เหมาคนเดียว 2 ประตู ในเกมที่ไล่ยำ "นางพญาหมาป่า" โรม่า เละเทะ 7-1
ในนาทีที่ 12 เขาปั่นบอลโค้งเสียบตาข่ายเป็นประตูขึ้นนำ และประตูที่สองของเขา (และประตูที่ 6 ของทีม) เขารับบอลจาก
ไฮน์เซ่ที่นอกกรอบเขตโทษ และยิงลูกพุ่งเสียบมุมบนประตูอย่างสวยงาม ท่ามกลางความดีใจของแฟนบอลฝั่งสเตรทฟอร์ด เอนด์
งุงิ