
Warren Bradley 1933-2007
วอร์เรน แบรดเล่ย์ , ปีกตัวจี๊ด , ซึ่งช่วยทีมด้วยการยิงไป 12 ประตูในฤดูกาลหลังจากเกิดโศกนาฎกรรมมิวนิค
จะถูกระลึกถึงเสมอ
ชื่อของวอร์เรน แบรดเลย์ อาจะไม่คุ้นหูแฟนบอลรุ่นปัจจุบันมากนัก แต่อดีตนักเตะผู้ได้รับความนิยมซึ่งเพิ่งเสียชีวิตอาทิตย์นี้ ด้วยวัย 73 ปี ก็มี
บทบาทสำคัญไม่น้อยในประวัติศาสตร์ของสโมสรแห่งนี้เช่นกัน
แบรดเล่ย์ เกิดที่ไฮด์, เชสเชียร์ ( ปัจจุบันคือ เกรท แมนเชสเตอร์ ) เมื่อวันที่ 20 มิถุนายน 1933 เค้าเริ่มเล่นฟุตบอลกับทีมโรงเรียนในท้องถิ่น ไฮด์ แกรมม่า สคูลพร้อมกับเพื่อนๆในเชสเชียร์
ตอนยังเป็นวัยรุ่น เค้าได้รับการจับตามองในฐานะดาวรุ่งในทีมนอกลีกอย่าง บิชอบ โอคแลนด์ ซึ่งเค้าได้แชมป์เอฟเอคัพสมัครเล่นไปสองครั้งด้วยกัน ครั้งแรกเมื่อปี 1956 ในนัดชิงกับทีมโครินเธียน คาสชวล ( เค้าลงสนามในนัดรีเพลย์ที่สนามอาเรสัม ปาร์ค ของมิดเดิ้ลสโบรห์ ซึ่งทีมบิชอบ โอคแลนด์ก็เอาชนะไปได้ 4-1) แล้วในปีถัดมาสโมสรก็คว้าแชมป์ได้สามครั้งรวด ด้วยการเอาชนะวีคอม วันเดอร์เรอไป 3-1 ต่อหน้าแฟนบอลกว่า
90,000 คนที่เวมบลีย์ ซึ่งวอร์เรนก็สามารถทำได้หนึ่งประตูเช่นกัน นอกจากนั้นเค้ายังติดทีมชาติอังกฤษชุดสมัครเล่นไป 11 ครั้งด้วยกัน
วอร์เรนเข้าร่วมทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด พร้อมกับ ดีเรก เลวิน และบ็อบ ฮาร์ดดิสตี้ เพื่อนร่วมทีมบิชอบ โอคแลนด์ หลังจากที่เกิดโศกนาฎกรรมมิวนิค เพื่อนของเค้าทำได้เพียงแค่ลงเล่นทีมสำรอง แต่วอร์เรนกลับสามารถยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ได้สำเร็จ แม้จะเป็นช่วงสั้นๆ ในฐานะผู้เล่นตัวจริงของทีมในยุคหลังมิวนิค
ด้วยลูกเปิดที่แม่นยำ วอร์เรนสามารถทำประตูได้ด้วยตัวเอง และเค้าก็ทำได้ถึง 12 ประตูในฤดูกาล 1958/59 ที่ยูไนเต็ดจบฤดูกาลด้วยอันดับที่สองตามหลังวูลฟส์ ฟอร์มการเล่นอันยอดเยี่ยมของเค้าทำให้เค้าก้าวขึ้นไปติดทีมชาติอังกฤษชุดใหญ่ครั้งแรกในเกมที่พบกับอิตาลี แล้วก็ได้หมวกทีมชาติอีกสองใบในการไปทัวร์ที่อเมริกาใต้
ฤดูกาลถัดมาวอร์เรนก็ยังยึดตำแหน่งตัวจริงในทีมชุดใหญ่ได้อยู่ แต่ต่อมาก็ค่อยๆถูกลดบทบาทลง และในเดือนมีนาคม 1962 เค้าก็ถูกปล่อยตัวฟรีไปให้กับทีมบ้านใกล้เรือนเคียงอย่างบิวรี่ หลังจากนั้นเค้าก็ลงเล่นให้ทีมนอกลีกอย่าง นอร์ทวิช วิคตอเรีย, แมคเคิลฟิดล์ ทาวน์ ซึ่งที่นี้เค้าได้รับเลือกให้อยู่ในทีมยอดเยี่ยมตลอดกาลของสโมสร และบังกอร์ ซิตี้
หลังจากรีไทร์ วอร์เรนเบนเข็มไปด้านการศึกษา ซึ่งก็ทำได้ดีถึงขนาดก้าวขึ้นไปเป็นอาจารย์ใหญ่
ในสมัยของเค้า วอร์เรนถือว่าเป็นปีกที่จี๊ดจ๊าดคนนึง สร้างความปวดหัวให้กองหลังในการที่จะหยุดเค้ามาก และถ้ามีกองหลังขาโหดรายใดประสงค์จะหยุดเค้าด้วยความรุนแรง เค้าก็เตรียนป้องกันตัวเองด้วยการใส่ที่หุ้มข้อเท้าเรียบร้อย (คงแปลกในตอนนั้นมั้ง - ผู้แปล)
วอร์เรนมีบทบาทกับยูไนเต็ดในช่วงหลังๆ ด้วยการทำงานที่ สมาคมอดีตผู้เล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด Association of Former Manchester United Players (AFMUP) ด้วยตำแหน่งหนึ่งในผู้บริหาร ซึ่งก็ต้องเสียสละเวลามากมายในการตอบคำถามทางโทรศัพท์, เขียนจดหมาย
และช่วย AFMUP จัดแข่งกอล์ฟและนัดเลี้ยงอาหารค่ำ ซึ่งการทำงานอย่างทุ่มเทและเสียสละคงจะยากที่จะหาใครมาทดแทน
ทุกคนที่สโมสรแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดขอแสดงความเสียใจไปยังครอบครัว และเพื่อนๆทุกคนของวอร์เรนในช่วงเวลาอันเศร้าสลดนี้