เป็นที่รู้กันดีว่าเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด เฮี๊ยบกับลูกทีมมากแค่ไหน เพราะแม้จะมีดีกรีเป็นถึงระดับซูเปอร์สตาร์ แต่ถ้ากล้างัดข้อกับป๋าขึ้นมาเมื่อไหร่ก็มีแนวโน้มว่าอนาคตในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ดจะจบไม่สวย
การที่ เวย์น รูนี่ย์ ออกมาประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมนั้นไม่ใช่เรื่องที่เหนือความคาดหมายอะไร เพราะในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมานั้นมีข่าวออกมาตลอดว่าดาวยิงทีมชาติอังกฤษ มีปัญหากับเฟอร์กี้ ซึ่งนอกจากจะเรื่องฟอร์มตกแล้ว การที่ รูน มีข่าวคาวเรื่องไปซื้อบริการโสเภณีระหว่างที่ภรรยาตั้งครรภ์ก็ยิ่งทำให้โค้ช ชาวสกอตติชไม่พอใจในตัวลูกทีมรายนี้มากขึ้นไปอีก
เฟอร์กี้ ดร็อป รูนี่ย์ จากการเป็นตัวจริงถึง 4 ครั้งในเกมพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้และอ้างว่าหัวหอกวัย 24 ปีมีปัญหาบาดเจ็บที่ข้อเท้า แต่นักเตะกลับออกมาให้สัมภาษณ์ตอกกลับกุนซือจอมเก๋าว่าเขาฟิตเต็มร้อย ซึ่งนั่นก็เป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ทำให้ รูนี่ย์ ปฏิเสธที่จะต่อสัญญาซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่า 150,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ (ราว 7.5 ล้านบาท)
สัญญาฉบับปัจจุบันของรูน จะหมดลงในช่วงซัมเมอร์ปี 2012 และนั่นก็ทำให้ "ปีศาจแดง" ไม่มีทางเลือกนอกจากจะต้องขายกองหน้าตัวเก่งไปก่อนที่ราคาจะตกหรือเสียไป ฟรีๆ ตามกฎบอสแมน
รูนี่ย์ ไม่ใช่นักเตะชื่อดังคนแรกที่ เฟอร์กี้ พร้อมจะตัดหางปล่อยวัด เพราะก่อนหน้านี้ก็มีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วหลายคนว่าหากความสัมพันธ์กับโค้ช สั่นคลอนเมื่อไหร่ โอกาสที่จะต้องหาสโมสรใหม่ก็มีเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น
อดีตสตาร์ที่โดนเฟอร์กี้เฉดหัวทิ้ง
เดวิด เบ็คแฮม
เคสที่โด่งดังที่สุดก็คงจะเป็นอดีตลูกรักอย่าง เบ็คแฮม ที่โดนเฟอร์กี้ เขวี้ยงสตั๊ดใส่จนหางคิ้วแตกระหว่างที่มีโต้เถียงกันอย่างรุนแรงในห้องแต่ง ตัว หลังจบเกมที่ยูไนเต็ด พ่ายให้กับ อาร์เซน่อล 2-0 ในศึกเอฟเอ คัพ ที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด เมื่อเดือนก.พ. 2003 ซึ่งหลังจบฤดูกาลอดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษก็ตัดสินใจย้ายไปเล่นให้เรอัล มาดริด เนื่องจากความสัมพันธ์ที่แตกหักกับโค้ชคนเก่ง ที่ไม่ต้องการให้เบ็คส์ ใช้ชีวิตในสังคมมายาตาม วิคตอเรีย ภรรยามากเกินไป
พอล อินซ์
อินซี่ เป็นนักเตะประเภทจอมสั่งการและดูเหมือนว่าเป็นเรื่องยากสำหรับเขาที่จะอยู่ ร่วมกับเฟอร์กี้ที่ไม่ชอบให้ใครมาหือกับตนเช่นกัน (เข้าทำนองเสือสองตัวอยู่ถ้ำเดียวกันไม่ได้) และแม้ว่า อินซ์ จะเป็นหัวใจในแผงมิดฟิลด์ให้กับ "ปีศาจแดง" มาหลายปี แต่หลังจากที่ทีมโดนบาร์เซโลน่าถล่ม 4-0 ในเดือนพ.ย. 1994 ความไม่ลงรอยกันระหว่างทั้งสองคนก็เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนสุดท้ายเขาก็แยกทางกับทีมในปีต่อมา
ลี ชาร์ป
แม้ว่า ชาร์ป จะเป็นหนึ่งในนักเตะที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ แต่สุดท้ายก็ต้องตกกระป๋องหลังจากที่มีข่าวว่า เฟอร์กี้ ตามหานักเตะรูปหล่อในงานปาร์ตี้แห่งหนึ่ง ระหว่างที่ทีมกำลังลุ้นแชมป์ในช่วงโค้งสุดท้ายเมื่อปี 1992 ซึ่งแน่นอนว่าชื่อเสียงเรื่องความเสเพลของ ชาร์ป สร้างความไม่พอใจอย่างมากให้กับกุนซือเลือดสกอตต์ และสุดท้าย ชาร์ป ก็ต้องจรลีไปอยู่กับลีดส์ ยูไนเต็ด เมื่อปี 1996
รุด ฟาน นิสเตอรอย
ดาวยิงชาวดัตช์ ต้องผิดหวังอย่างแรงที่ถูกดร็อปเป็นแค่ตัวสำรองในเกมรอบชิงชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพ 2006 โดยก่อนหน้านี้เขาก็ถูกเมินมาพักใหญ่หลังจากมีปัญหากับคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซึ่งข่าวอ้างว่า รุด พูดกับ โรนัลโด้ ซึ่งเพิ่งจะสูญเสียพ่อแท้ๆ ของตัวเองไปว่า "ไปร้องไห้กับพ่อของนายนู่น" ซึ่งหมายถึงคาร์ลอส เคยรอช อดีตผู้ช่วยโค้ชของยูไนเต็ดในเวลานั้น และ เฟอร์กี้ ก็ลงดาบหัวหอกหน้ายาวด้วยการขายทิ้งให้เรอัล มาดริด
รอย คีน
อดีตกัปตันทีมที่แทบจะเป็นหนึ่งในสัญลักษณ์ของ "ปีศาจแดง" ช่วงทศวรรษที่ผ่านมา มีจุดจบในถิ่นโอลด์ แทรฟฟอร์ด ที่ไม่ค่อยสวยเท่าไหร่นัก เพราะหลังจากที่เขาไปวิจารณ์เพื่อนร่วมทีมผ่านช่องแมนยูทีวี (MUTV) ก็ทำให้โค้ชชาวสกอตต์ ไม่พอใจอย่างหนักแม้ว่าบทสัมภาษณ์ดังกล่าวจะไม่ได้ออกอากาศก็ตาม และความขัดแย้งดังกล่าวก็ทำให้ มิดฟิลด์ชาวไอริช ตัดสินใจเก็บข้าวของย้ายไปอยู่กับเซลติกในช่วงซัมเมอร์ปี 2005
ยาป สตัม
กองหลังชาวดัตช์ถูกขายให้กับลาซิโอ เมื่อปี 2001 หลังจากที่ไปแฉในหนังสืออัตถชีวประวัติของตัวเองที่ชื่อ Head to Head ว่า เฟอร์กูสัน ติดต่อให้เขามาร่วมทีมยูไนเต็ดโดยที่ไม่ได้รับการอนุญาตจากพีเอสวี ไอนด์โฮเฟ่น อดีตต้นสังกัด นอกจากนั้น สตัม ยังเคยพูดถึงเพื่อนร่วมทีมในแง่ลบด้วย อย่างไรก็ตาม อีกหลายปีต่อมา เฟอร์กี้ ยอมรับว่าตนรู้สึกเสียใจและคิดผิดที่ปล่อยเซนเตอร์ฮาล์ฟรายนี้ออกจากทีม
ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล
สุดยอดนายทวารขวัญใจแฟนบอลปีศาจแดง เผยว่าครั้งหนึ่งเขาเคยถูก เฟอร์กี้ ไล่ส่งหลังจากที่เสีย 3 ประตูในเกมที่พบกับ ลิเวอร์พูล เมื่อปี 1994 โดย ชไมเคิ่ล กล่าวว่า "เราลงท้ายด้วยการโต้เถียงกันอย่างรุนแรง แรงมากๆ และวันรุ่งขึ้นผมก็ถูกเรียกไปที่ออฟฟิศของเขา และเขาก็พูดว่า "ฟังนะ ผมต้องปลดคุณ ผมทนไม่ได้ที่นักเตะของผมจะมาพูดกับผมแบบนั้น มันท้าทายอำนาจของผม" อย่างไรก็ตาม อดีตโกล์ทีมชาติเดนมาร์ก ก็ฉลาดพอที่จะรีบขอโทษต่อโค้ชและเพื่อนร่วมทีม ก่อนที่จะได้กลับมาเฝ้าเสาอีกครั้ง















