
เฮียฮ้อสั่ง!
มากกว่า 5 พันล้านก็สู้
“เฮียบอกว่า งานนี้อย่างไรก็จะต้องเอาให้ได้” เป็นคำพูดของคนใน บมจ.อาร์เอส เมื่อถูกถามถึงการเตรียมพร้อมที่จะร่วมประมูลในงานนี้ หลังจากที่ประสบความสำเร็จอย่างเกินคาด จากการบริหารสิทธิ์ฟุตบอลโลก 2010 อย่างเป็นทางการในประเทศไทย
สปอนเซอร์อาจจะกังวลว่าถ้าเราซื้อมาแพงแล้วจะขายแพงหรือเปล่า ผมขอยืนยันว่า ไม่จำเป็นต้องขายแพง ส่วนผู้ชมก็ไม่ต้องกังวลว่าจะมีโฆษณาจนเกลื่อนจอ บอลโลกที่ผ่านมาเป็นตัวอย่างผมก็ถ่ายทอดให้โดยไม่ต้องมีโฆษณาคั่น แต่ผมก็สามารถทำกำไรได้ ส่วนการชมฟุตบอลโลก 2014 และพรีเมียร์ลีก อาจจะมีช่องพิเศษที่อาจต้องชำระเงินดู แต่จะเป็นในราคาที่ผู้บริโภคเข้าถึงได้และรับได้อย่างแน่นอน”
ไม่เพียงเท่านั้น เพื่อให้การต่อยอดคอนเทนต์ทางด้านกีฬาได้อย่างสมบูรณ์แบบ สุรชัยบอกว่า อาร์เอสได้เตรียมแผนที่จะเปิดช่องทีวีดาวเทียมกีฬาเพิ่มเติมอีก 1 ช่องภายในปลายปีนี้หรือต้นปีหน้าโดยลงทุนประมาณ 50 ล้านบาท
เขายอมรับว่า การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่อาร์เอสเป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ จะมีทั้งรูปแบบดูฟรีบางส่วนผ่านช่องฟรีทีวี และเก็บเงินเพื่อดูครบทุกคู่ ทุกแมตช์ผ่านช่องทีวีดาวเทียมที่อาร์เอสจะเปิดตัวในปีหน้า และเชื่อว่าในปี 2557 ครัวเรือนไทยกว่า 90% จะรับชมช่องรายการผ่านจานดาวเทียมและเคเบิลทีวี ซึ่งจะมีตัวเลขผู้ชมจำนวนมากที่สปอนเซอร์ให้ความสนใจลงโฆษณา
“ปัญหาการบริหารลิขสิทธิ์กีฬาระดับโลกในตลาดไทย คือ คนไทยจะติดนิสัย “ดูฟรี” แต่ความจริงไม่มีอะไรได้มาฟรี เพราะทุกลิขสิทธิ์ต้องจ่ายเงินในอัตราสูง วันนี้คนไทยต้องยอมรับว่ากีฬาดีๆ ไม่สามารถดูฟรีได้ตลอดไป อาจมีให้ดูฟรีบางแมตช์เท่านั้น”
--------------------------------------------------------------------------------------------------

ไพบูลย์ ดำรงชัยธรรม ประธานกรรมการ จีเอ็มเอ็ม แกรมมี่ จำกัด (มหาชน) ยอมรับว่าขณะนี้อยู่ระหว่างการประมูลฟุตบอลพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ทว่าเขาก็ไม่เห็นด้วยกับการที่ทุกฝ่ายจะแข่งทุ่มเม็ดเงินในการประมูลครั้งนี้
“ผมไม่เข้าใจว่าทำไมเราต้องแข่งกันให้ฝรั่งรวย นโยบายของแกรมมี่ต้องการที่จะร่วมมือเป็นพันธมิตรกับทุกฝ่ายทั้งฟรีทีวีช่องต่างๆ รวมทั้งทรูวิชั่นส์ ในการทำธุรกิจกีฬาร่วมกันและไม่ต้องการแข่งขันแย่งชิงลิขสิทธิ์กีฬา ซึ่งจะทำให้ต้นทุนสูง และสุดท้ายต่างชาติก็จะเป็นผู้รับประโยชน์”
เขาเผยต่อว่า นอกจากนี้นโยบายของแกรมมี่หากได้ลิขสิทธิ์ก็จะเน้นตลาดแมส เพื่อทำให้ลิขสิทธิ์เหล่านี้เข้าถึงผู้คนได้ในวงกว้าง ซึ่งตามแผนที่วางไว้นั้น ลิขสิทธิ์พรีเมียร์ แม้จะไม่ดูฟรีแต่ก็จะเก็บค่าสมาชิกในราคาถูกกว่าในตลาดปัจจุบันอย่างแน่นอน
“แกรมมี่ต้องการฐานสมาชิกมากๆ ไม่ได้ต้องการกลุ่มตลาดบนหรือนิชมาร์เกต คุณลองคิดสมมุติเรามีฐานสมาชิก 10 ล้านคนและเก็บค่าสมาชิกคนละ 100 บาท 1 เดือนเราก็ได้มา 100 ล้านบาทแล้ว นี่ยังไม่รวมรายได้ที่การตลาดที่เรานำมาต่อยอดจากฐานเดิมที่เรามีอยู่ทั้งศิลปิน, ดารา, คอนเทนต์เพลง กิจกรรมอีเวนต์ ดิจิตอล ซึ่งมีรายได้มหาศาล ไม่จำเป็นต้องเรียกเก็บแพงๆ ก็สามารถทำเงินได้”
แต่ถ้าเป็นฟุตบอลรายการสำคัญ อาทิ ฟุตบอลยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครนร่วมกันเป็นเจ้าภาพในปี 2012 หรือพรีเมียร์ลีกในกรณีที่ได้ลิขสิทธิ์ ก็จะเป็นในลักษณะการบอกรับสมาชิก ซึ่งต้องเสียเงินรับชม ล่าสุดแกรมมี่ประกาศชัดแล้วว่าจะเปิดช่องกีฬาในปลายปีนี้อย่างน้อย 3 ช่อง คือ International Sport, Local Sports และ Action Sports
--------------------------------------------------------------------------------------------

ทรูวิชั่นส์พร้อมรบ
ประกาศ 5 พันล้านยังไหว
องอาจ ประภากมล รองประธานเจ้าหน้าที่บริหารสาย Commercial บมจ.ทรู วิชั่นส์ กล่าวว่า ทรูฯมีกำลังซื้อลิขสิทธิ์ฟุตบอลในราคาสูงได้ไม่แพ้กับคนอื่นอย่างแน่นอน เพราะทรูฯมีรายได้จากคนที่จ่ายค่าสมาชิกเคเบิลทีวี ซึ่งเพียงพอต่อกันลงทุนในการพัฒนาคอนเทนต์ต่อไป
ปัจจุบันฐานสมาชิกของทรูวิชั่นส์ปัจจุบันมีกว่า 2 ล้านราย กลุ่มคอบอลติดตามดูการแข่งขันทุกแมตช์ จะเป็นสมาชิกแพกเกจโกลด์และแพลทินัมมี 4 แสนราย เป็นฐานสมาชิกที่ค่อนข้างนิ่ง เมื่อเทียบกับแพกเกจตลาดแมสอื่นๆ ที่ไม่มีช่องฟุตบอล ซึ่งมีอัตราการเติบโตต่อเนื่อง ดังนั้นหากพลาดประมูลพรีเมียร์ลีกอังกฤษ เชื่อว่าผลกระทบน่าจะอยู่ในวงจำกัด
สำหรับปัจจัยที่ว่าหากราคาในการซื้อพรีเมียร์ลีกแพงถึง 5,000 ล้านบาทจะส่งผลให้ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้น หรือขายโฆษณาในราคาที่สูงขึ้นนั้น ยังไม่สามารถตอบได้เนื่องจากราคาที่บอกมายังไม่ใช่ราคาที่แท้จริงจึงยังไม่สามารถบอกได้ว่าจะกระทบต่อต้นทุนมากน้อยเพียงใด อย่างไรก็ดี ปีที่ผ่านมาทรูขายค่าโฆษณาให้กับสปอนเซอร์หลัก 30 ล้านบาทต่อสินค้าหนึ่งตัว ส่วนปีหน้าราคาจะสูงหรือต่ำก็ต้องดูที่ต้นทุนสินค้าด้วย
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ค่าลิขสิทธิ์ออนแอร์พุ่ง ทีมดังรับเละเกือบ 3 พันล้านบาท
สำหรับทีมแชมป์อย่างแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดยังรวยขึ้นกว่านี้อีก เมื่อได้รับทราบได้ จากลิขสิทธิ์การถ่ายทอดสดพรีเมียร์ลีก และเงินรางวัลแชมป์พรีเมียร์ลีก สูงถึง 60.4 ล้านปอนด์ มากที่สุดในพรีเมียร์ลีกโดย มีเชลซี ตามมาเป็นอัดดับ สอง รับไป 57.7 ล้านปอนด และปืนใหญ่ อาร์เซนอล มาเป็นอันดับ 3 รับไป 56.1 ล้านปอนด์ทีมตกชั้น อย่างแบล็คพูล ก็ได้รับไปถึง 39.1 ล้านปอนด์
โดย แต่ละทีม ในพรีเมียร์ลีกได้รับ ส่วนแบ่งจากการถ่ายทอดสดทางทีวี เท่าๆ กัน คือถ่ายทอดสด ในประเทศ รับไป 13.8 ล้านปอนด์ และการถ่ายทอดสดไปต่างประเทศ รับไป 17.9 ล้านปอนด์ในฤดูกาลนี้
ส่วนที่เหลือจะได้ส่วนแบ่ง โดยดูจาก อันดับในตารางและ จำนวนครั้ง ที่มีการถ่ายทอดสดโดย แมนยู รับไปมากสุด 13.5 ล้านปอนด์ จากการถ่ายทอดสดในอังกฤษ ส่วนลิเวอร์พูล ตามมาเป็นอันดับ 2 ได้รับไป 12.1 ล้านปอนด์ โดยจะจ่ายให้แต่ละสโมสร ทุกครั้งที่มีการถ่ายทอดสด ครั้งละ 582,000 ปอนด์ และขั้นต่ำที่แต่ละสโมสรจะได้รับในฤดูกาล คือ 5.82 ล้านปอนด์ ถึงแม้ว่าสโมสรนั้น จะมีการถ่ายทอดสดทางทีวีไม่ถึง 10 นัดก็ตาม
------------------------------------------------------------------------------------------------------
ข้อสรุป ..ดูบอล ตอนนี้ เสียเงินอย่างเดียวววววววว !!!!
1.การถ่ายทอดสดการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2014 ที่อาร์เอสเป็นผู้บริหารลิขสิทธิ์ จะมีทั้งรูปแบบดูฟรีบางส่วนผ่านช่องฟรีทีวี และ เก็บเงินเพื่อดูครบทุกคู่ ( อาร์เอส )
2.ฟุตบอลยูโร 2012 ที่โปแลนด์และยูเครนร่วมกันเป็นเจ้าภาพในปี 2012 หรือพรีเมียร์ลีกในกรณีที่ได้ลิขสิทธิ์ ก็จะเป็นในลักษณะการบอกรับสมาชิก ซึ่งต้องเสียเงินรับชม ล่าสุดแกรมมี่ประกาศชัดแล้วว่าจะเปิดช่องกีฬาในปลายปีนี้ ( แกรมมี่ )
3.ส่งผลให้ราคาสมาชิกเพิ่มขึ้น หรือขายโฆษณาในราคาที่สูงขึ้นนั้น ยังไม่สามารถตอบได้ ( ทรู )
ข้อมูลที่ผมเอามาฝากหวังว่าจะเป็นประโยชน์สำหรับทุคนนะครับ...
.. อนาคตเราอาจจะต้องปรับตัวในการดูฟุตบอล !!!!!!
สงสัย.. อนาคตเวลาดูบอล ต้องไปดูที่ โรงหนัง แล้วมั่งเนี้ย 555+
ที่มา http://www.manager.co.th/mgrweekly/view ... 0000067174


















