
ชัยชนะนัดที่ 4 ติดต่อกันในศึก พรีเมียร์ลีก ของทีมที่ยิ่งใหญ่เกรียงไกรอย่าง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่เกิดขึ้น ณ สังเวียน คราเวน ค็อตเทจ ของ ฟูแล่ม คงจะสร้างความรื่นเริงบันเทิงใจให้กับผู้มีจิตศรัทธาในลัทธิซาตานได้อย่าง มากโขอยู่นะครับ เพราะมันเป็น 3 คะแนน ที่มาพร้อมกับการดาหน้ายิงคู่แข่งได้ถึง 5 ประตู!!
นับตั้งแต่เหตุการณ์ขายขี้หน้า ณ สนาม เซนต์ จาค็อป ของ เอฟซี บาเซิ่ล ที่เหล่าพลพรรค "ปีศาจแดง" เดินทางไปมอบตั๋วรอบ 16 ทีมสุดท้ายของศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ฤดูกาล 2011/12 ให้กับทีมเจ้าถิ่น ดูเหมือนว่าลูกทีมของบรมกุนซือ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน จะมีพัฒนาการขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด ทั้งในเกมรุกและรับ ดังจะเห็นได้จากการสถิติการยิง 11 ประตู และเสียไปเพียงลูกเดียว ในการลงเล่น 3 แมตช์ต่อมา
ทันทีที่เสียงนกหวีดประกาศชัยชนะด้วยสกอร์ 5-0 ให้กับฝ่าย แมนฯ ยูไนเต็ด ดังขึ้น มันก็มาพร้อมกับสถิติหลายอย่างที่น่าสนใจ เช่น พวกเขากลายเป็นทีมที่รักษา "คลีนชีท" มากที่สุดถึง 9 จาก 17 นัดที่ลงเล่น, คว้าชัยชนะมาได้ทุกนัดในการพบกับทีมจากกรุงลอนดอน (ท็อตแน่ม ฮอทสเปอร์ 3-0, อาร์เซน่อล 8-2, เชลซี 3-1 ควีนส์ปาร์ค 2-0), ไรอัน กิ๊กส์ กลายเป็นนักเตะคนเดียวที่ยิงประตูได้ตลอด 20 ฤดูกาล นับตั้งแต่ศึก พรีเมียร์ลีก ก่อตั้งขึ้นในปี 1992
แต่สิ่งที่อยากจะนำมาเป็นประเด็นคอลัมน์นี้ คือตำแหน่งผู้รักษาประตูในแมตช์ไล่ถลุง "เจ้าสัวน้อย" ที่นายใหญ่วัย 69 กะรัต ตัดสินใจมอบหมายหน้าที่ให้กับ อันเดอร์ส ลินเดการ์ด มือกาวชาวเดนมาร์ก ได้ลงเฝ้าเสาเป็นนัดที่ 6 ในทุกรายการให้กับ "เร้ด เดวิลส์" ในซีซั่นนี้ และนับเป็นเป็นเกมที่ 4 ในลีกสูงสุดของเมืองผู้ดีโดยที่ยังไม่ถูกคู่แข่งเจาะตาข่ายแม้แต่ลูกเดียว
สำหรับ 6 เกม ที่นายประตูเลือดโคนมลงทำหน้าที่เป็นปราการด่านสุดท้ายให้ แมนฯ ยูไนเต็ด มีเพียง ออสการ์ คาร์โดโซ่ หัวหอกชาวปารากวัยของ เบนฟิก้า ที่ยิงผ่านมือเขาไปได้ในรอบแบ่งกลุ่มของศึกชิงแชมป์สโมสรถ้วยใบใหญ่ของทวีป ยุโรป ซึ่งสุดท้ายลงเอยด้วยการเสมอกันไป 1-1 ส่วนอีก 5 นัดที่ไม่เสียประตู ประกอบด้วย ชนะ นอริช ซิตี้ 2-0, บุกชนะ โอเตลุล กาลาติ 2-0, ชนะ ซันเดอร์แลนด์ 1-0, บุกชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0 และล่าสุด บุกชนะ ฟูแล่ม 5-0)
แม้ว่าตัวเลขทางคณิตศาสตร์ในครั้งนี้ อาจยังไม่ใช่สูตรสำเร็จที่จะฟันธงได้ว่า ลินเดการ์ด ซึ่งได้ลงเผชิญหน้ากับทีมคู่แข่งประเภทไลท์เวท มีฝีมือที่เหนือกว่า ดาบิด เด เคอา นายทวารวัยหนุ่มชาวสเปน ซึ่งผ่านประสบการณ์ระดับบิ๊กแมตช์มาอย่างโชกโชนก็ตาม แต่เมื่อเทียบกับค่าตัวราว 3.5 ล้านปอนด์ (ประมาณ 175 ล้านบาท) ในการคว้าตัวมาร่วมทีม ก็ถือว่าคุ้มสุดๆ กับเงินที่ต้องจ่ายไป
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ ลินเดการ์ด ในวัย 27 ปี มีเหนือกว่า เด เคอา ในวัยเพียง 21 ปี อย่างชัดเจนก็คือ "ความนิ่ง" ในยามที่ถูกทีมคู่แข่งโจมตีด้วยลูกกลางอากาศในสไตล์ถนัดของหลายๆ สโมสรในศึก พรีเมียร์ลีก ซึ่งดีกว่าจอมหนึบเลือดกระทิง เจ้าของค่าตัวราว 17 ล้านปอนด์ (ประมาณ 850 ล้านบาท) ที่แสดงความผิดพลาดให้เห็นเป็นครั้งคราวเนื่องจากรูปร่างอันสะโอดสะองของเขา นั่นเอง
ดังนั้น สิ่งเดียวที่ ลินเดการ์ด รอคอยการพิสูจน์ว่าคู่ควรต่อการเป็นนายทวารเบอร์ 1 ของ แมนฯ ยูไนเต็ด นั่นคือการได้ลงทำหน้าที่ในเกมระดับ "บิ๊กแมตช์" ซึ่งคงจะไม่มีเกมไหนเหมาะเจาะไปกว่าศึก แมนเชสเตอร์ ดาร์บี้ ในรายการ เอฟเอ คัพ รอบที่ 3 ที่จะต้องกรีฑาทัพไปเยือนถิ่น อิติฮัต สเตเดี้ยม ของพลพรรค "เรือใบสีฟ้า" อีกแล้ว
http://www.siamsport.co.th/Column/111225_076.html