"ดาวิด บีย่า" กองหน้ากระทิงดุ สเปน เผยว่า ก่อนลงแข่งผมพยายามตั้งสมาธิและแต่งตัวให้พร้อม เพื่อที่จะได้รู้สึกสบายใจในสนาม บางทีผมก็นวดกับนักกายภาพบำบัดเพื่อเตรียมความพร้อมก่อน จริง ๆ สิ่งที่ผมทำไม่ได้พิเศษ เพราะส่วนใหญ่นักฟุตบอลคนอื่น ๆ ก็ทำเช่นเดียวกัน
"ซาโลมอน คาลู" กองหน้าผิวสีจากไอวอรีโคสต์ กล่าวว่า ที่จริงผมไม่มีพิธีรีตองอะไรมาก แต่ส่วนใหญ่ผมจะใส่รองเท้าข้างซ้ายก่อนข้างขวา ซึ่งเป็นความเคยชินที่ค่อนข้างสำคัญ เพราะคุณจะคิดว่าเมื่อการแข่งขันคราวที่แล้วได้ใส่รองเท้าขวาก่อน แล้วยิงประตูได้ ฉะนั้นก่อนการแข่งขันแต่ละครั้งจะคิดทบทวนว่าได้ทำอะไรไปบ้างในการ แข่งขันคราวที่แล้วที่ได้ชัยชนะ เพื่อจะได้ชนะอีกในคราวนี้ แต่ที่จริงก็ไม่ได้ผลตลอดเวลาหรอก
"สตีเวน เจอร์ราร์ด" กัปตันสิงโตคำราม อังกฤษ บอกว่า ระหว่างนั่งรถไปสนาม แข่งขันผมจะฟังเพลงมีจังหวะสนุก คึกคัก เพื่อที่จะได้กระตุ้นต่อมอะดรีนาลีน จะได้รู้สึกฮึกเหิมสำหรับการลงแข่ง ส่วนใหญ่ก็เป็นเพลงแดนซ์
"สตีเวน พีนาร์" กองหน้าเจ้าภาพ แอฟริกาใต้ เล่าว่า การเตรียมตัวของผมไม่ยุ่งยาก ผมมักฟังเพลง gospel ประสานเสียงในห้องแต่งตัวหรือระหว่างการเดินทางไปแข่งในรถบัส เพื่อนร่วมทีมบางคนร้องเพลงประจำทีม โดยเราจะร้องจนกระทั่งมาถึงห้องแต่งตัวและยังร้องต่อกัน ผมจะแค่ฟังเพลง gospel จากไอพอด และก่อนใส่รองเท้า ผมจะเอารองเท้าขึ้นมาสวดมนต์ก่อน แล้วค่อยสวมใส่
"ดานิเอเล เด รอสซี" กองกลางจากอิตาลีบอกว่า ในแต่ละครั้งที่ผมลงสนามแข่งฟุตบอล มันไม่ใช่การแข่งที่ยากที่สุด ผมมีความเชื่อในเรื่องโชคลางบางอย่างที่ผมทำอยู่ ผมจะต้องกระโดดซ้ำ ๆ 3 ครั้ง แล้วคุกเข่า 3 ครั้ง และที่จริงไม่ได้เป็นเรื่องสำคัญ แต่ก็เป็นสิ่งที่คนอื่น ๆ ไม่ได้ทำอย่างผม
"โฮเซ่ อันเดรส กวาร์ดาโด้" จากเม็กซิโกอธิบายว่า ผมมักจะใส่สนับเข่าด้านซ้ายก่อน เพราะขาข้างซ้ายเป็นขาข้างทีเด็ดของผม ดังนั้นผมต้องปกป้องมันก่อน รวมถึงในการก้าวสู่สนามแข่งขันผมจะก้าวเท้าขวาเหยียบสนามก่อนเสมอ เพราะผมเป็นคนค่อนข้างเชื่อถือในเรื่องของโชคลาง ถ้าไม่ทำตามนั้นผมจะกังวลว่าอาจจะมีอะไรผิดพลาดได้
"ออเรลิยง เชดฌู" กองหลังหมอผี แคเมอรูน มีความเชื่อว่า ผมเป็นชาวคริสเตียน ปกติผมจะทำสัญลักษณ์ไม้กางเขน 3 ครั้ง และจูบลงบนรอยสักที่เป็นชื่อลูกชายของผมเพื่อนำความโชคดี และจะมองขึ้นไปบนท้องฟ้า จากนั้นผมจะจูบลงบนรองเท้าของผม เพื่อจะได้นำโชคระหว่างการแข่งขัน
"โอบาเฟมี มาร์ตินส์" กองหน้าจากไนจีเรียเล่าว่า โดยทั่วไปแล้วผมมักจะสวดขอพรแบบมุสลิม เพราะคุณแม่ผมเป็นชาวมุสลิม และคุณพ่อผมเป็นชาวคริสเตียน
"ริคาร์โด กาก้า"ก้าบอกว่า ผมเป็นคนไม่เชื่อโชคลาง ผมแค่สวดมนต์ก่อนลงในสนามเท่านั้น เมื่อผมลงสนามแข่ง ผมพยายามนึกภาพการแข่งขัน พยายามจินตนาการสถานการณ์การเล่นที่อาจจะเกิดขึ้น ผมพยายามเล่นตามเกมในความคิด นั่นคือสิ่งที่ผมทำ ผมไม่มีเครื่องรางอะไรเลย ส่วนคนที่ถือเครื่องรางผมก็เคารพในความเชื่อของเขา แต่สำหรับผมสิ่งเดียวที่ผมทำคือ สวดมนต์แล้วลงสนาม
นอกจากนี้ "กอนซาโล อิกัวอิน" ศูนย์หน้าอาร์เจนไตน์อีกคนเปิดเคล็ดลับนำโชคส่วนตัวว่า "ก่อนที่ผมจะก้าวเท้าซ้ายลงสนาม ผมจะเคาะเท้าขวา 3 ครั้ง"
ขณะที่อดีตกัปตันทีมชาติอังกฤษจอมฉาว "จอห์น เทอร์รี่" ระบุว่า เขาต้องนั่งที่เดิมบนรถบัสของทีมและใช้ห้องน้ำห้องเดิมในห้องแต่งตัวที่สนาม และแม้ว่าห้องนั้นจะมีคนใช้เขาก็จะรอจนกว่าจะว่าง โดยไม่ยอมไปใช้ห้องอื่น
ส่วน "เจอร์เมน เดโฟ" กองหน้าทีมชาติอังกฤษเล่าว่า "ผมตัดผมสั้นลงแข่งเสมอเพราะมีครั้งหนึ่งผมไว้ผมยาวลงสนามปรากฏว่าผมได้รับบาดเจ็บในนัดนั้น"
"โคโล่ ตูเร่" ถือเคล็ดว่า เขาต้องลงสนามเป็นคนสุดท้ายของทีมเสมอ แต่มีครั้งหนึ่งสมัยเป็นนักเตะอาร์เซนอล เขามัวโอ้เอ้อยู่ในห้องแต่งตัวก่อนการลงสนามในครึ่งหลังเพื่อรอให้ "วิลเลี่ยม กัลลาส" เพื่อนร่วมทีมเสร็จสิ้นการปฐมพยาบาล เพื่อที่ตัวเองจะได้ลงสนามเป็นคนสุดท้าย แต่ต้องเจอผู้ตัดสินชักใบเหลืองใส่ เพราะเข้าสู่สนามหลังเขี่ยลูกเริ่มเล่นโดยไม่มีเหตุอันควร
แต่คนสุดท้ายที่ถูกกล่าวขวัญมากที่สุด นาทีนี้กลับไม่ใช่นักเตะ แต่เป็น "เสือเตี้ย" "ดีเอโก้ มาราโดนา" ผู้จัดการทีมฟ้าขาว อาร์เจนตินา ความเชื่อของเสือเตี้ยก็คือ เขาต้องลงสัมผัสสนามก่อนเริ่มเกมในชุดวอร์ม แล้วโผล่ออกจากอุโมงค์ตามหลังลูกทีมในชุดสูทสีเทาสุดเนี้ยบ มาดสุภาพบุรุษ ก่อนแปลงโฉม กลับอยู่ในชุดวอร์มอีกครั้ง เพื่อให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังจบเกม
เครดิต
http://www.prachachat.net/view_news.php ... 2010-07-05
แล้วคุณละ เชื่อเรื่องโชคลางแบบนี้บ้างหรือไม่