
ประตูทางเข้าบ้านที่เป็นไม้บานใหญ่ ทำให้ แม็กซ์ ลอนส์เดล อยู่ในอาการประหวั่นพรั่นพรึง แต่มันก็ยังไม่เท่าจินตนาการที่คิดถึงคนที่รอเขาอยู่อีกฟากข้างใน .... เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยืนจังก้า มือเท้าสะเอว สีหน้าไร้อารมณ์ และดวงตาเหนื่อยล้า มองมายังเขา สิ่งที่ ลอนส์เดล นำติดตัวมาด้วยคือเอกสาร และดีวีดีสมัยที่เขาเล่นอยู่กับ แม็คเคิ่ลสฟิลด์ หรือพูดง่ายๆ ว่า เขามาเพื่อยื่น "ใบสมัคร" ที่ทำเอา เฟอร์กูสัน ต้องใจหายนั่นเอง
เจ้าหนูวัย 18 ปี ยื่นมือเพื่อเช็กแฮนด์ และบอก ป๋าเฟอร์กี้ ไปว่า "ผมอยากเล่นให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด" มันเป็นประโยคที่ฟันธงได้เลยว่า เฟอร์กูสัน คงไม่เคยได้ยิน แต่ก็คงทำให้เขาอยากรู้มากขึ้นไปอีกว่าเจ้าหนูนี่จะเอายังไง และพอ ลอนส์เดล ต้องลากลับ สิ่งที่เขาได้รับคือโอกาสไปทดสอบฝีเท้า 2 สัปดาห์ ที่ขยายออกไปเป็น 1 เดือน และขยับเข้าใกล้โอกาสที่จะได้สัญญาอาชีพ จนกระทั่ง วอร์เรน จอยซ์ โค้ชทีมสำรอง บอกว่า เขาจะไม่ได้สัญญา ถึงกระนั้น เฟอร์กูสัน ก็ยังใช้เส้นสายจัดให้เขาไปทดสอบฝีเท้าต่อที่ ดอนคาสเตอร์ พลางรับปากว่าประตู โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เปิดรอเขาเสมอ
ลอนส์เดล รำลึกถึงความคิดบ้าบิ่นครั้งนั้น หลังโดน แม็คเคิ่ลส์ฟิลด์ ปล่อยตัวออกมาว่า "แม็คค์ บอกผมว่าพวกเขามีปัญหาการเงิน แต่ผมว่าผมไม่เหมาะกับพวกเขา พวกเขาอยากได้นักเตะตัวใหญ่ๆ ที่จะเล่นเกมหนักๆ ได้ 90 นาที ส่วนผมชอบเล่นบอลบนพื้น และเอาชนะคู่แข่ง ผมรู้ว่าผมเล่นเกมระดับสูงกว่านี้ได้ และผมเฝ้าแต่คิดถึง ยูไนเต็ด ตลอดเวลา ผมส่งดีวีดีไปให้ทีมต่างๆ แต่ไม่มีคำตอบ ผมก็เลยเกิดความคิดขึ้นมาว่า - โอเค งั้นเราจะทำกับ ยูไนเต็ด ให้มันแตกต่างจากที่อื่นๆ เราจะไปหา เซอร์ อเล็กซ์ ตรงๆ เลย - อย่ามาถามผมว่าเอาความคิดนี้มาจากไหน เพราะผมก็ไม่รู้ แต่มันมีอะไรบางอย่างบอกให้ทำ ผมว่าคงเพราะผมอยากเล่นกับพวกเขามาก ผมเลยคิดว่าไม่มีอะไรจะเสีย"
มีเพียงพ่อของเขาที่รู้แผนการบ้าระห่ำนี้ "ผมไม่บอกเอเยนต์ด้วยซ้ำ" ลอนส์เดล กล่าว "เพราะผมไม่อยากให้ใครมาบอกว่าเสียเวลาเปล่า พ่อก็ไม่คิดว่าผมจะทำ แต่เขามีเพื่อนที่รู้จักบ้านของ เซอร์ อเล็กซ์ เราอยู่ห่างออกไปแค่ 5 นาทีเท่านั้น การจะหาบ้านเขาเลยไม่ยากเท่าไหร่"
แต่ปัญหาคือการหา เฟอร์กูสัน ให้เจอต่างหาก "ผมไปที่นั่น 2 ครั้ง และปรากฎว่าพวกเขาไปเที่ยวหมดเลย ครั้งที่สามเป็นภรรยาของเขาที่มารับสาย และผมถามไปว่า - เอ่อ สวัสดีครับ เซอร์ อเล็กซ์ อยู่มั้ยครับ ? - ผมอธิบายให้เธอฟังว่าทำไมผมถึงมาที่นี่ เพราะผมรู้ว่าการมีคนแปลกหน้ามาโผล่หน้าบ้านคงน่ากลัวไม่น้อย เธอดูดีใจนะตอนผมบอกว่าเอาประวัติ และพวกดีวีดีต่างๆ มาให้เขาดู มันแบบว่า - นี่อันใหม่เลยครับ - และเธอดูชื่นชอบมาก"
ตอนนั้น เฟอร์กูสัน ไปตีกอล์ฟ และภรรยาของเขาบอกให้ ลอนส์เดล ให้มาหาใหม่ราวๆ 5 โมงเย็นวันรุ่งขึ้น ตอนนั้นอาจจะเจอ "ก็นั่นแหละครับ ผมขับรถกลับบ้าน ผมรู้ว่าอะไรเป็นอะไร มันกำลังจะเกิดขึ้นแล้ว กับความพยายามครั้งที่สี่ และผมชักเริ่มประหม่าความจริงคือผมตัวสั่น และนอนไม่กลับเลยคืนนั้น และยังสั่นไปจนถึงตอนไปถึงบ้านเขาวันถัดมา พูดกันตรงๆ นะ ผมชักไม่มั่นใจเท่าไหร่ ผมนั่งแช่ในรถสักพัก ก่อนกระตุ้นตัวเองว่าจะมาเลิกตอนนี้ไม่ได้"
ลอนส์เดล ยืนหน้าประตู กดกริ่ง และรอการตอบรับ "ผมว่าเขาคงคิดไว้แล้วว่าผมจะมา เพราะประตูเปิดออกโดยไม่มีเสียงตอบจากข้างในบ้าน ผมเริ่มเดินไปตามทาง ประตูบ้านเปิดออก และ เซอร์ อเล็กซ์ ยืนอยู่ มันเป็นช่วงเวลาที่ผมลืมไม่ลงเลย เขายืนอยู่ตรงนั้น หน้าบันได มือเท้าสะเอว และมองมาที่ผม ดูเหมือนเขาจะประเมินผม และผมไม่เคยตื่นเต้นเท่านี้มาก่อน แต่เขาดีกับผมมาก ผมคิดว่าตอนแรกๆ เขาคงสงสัย แต่พอเขารู้ว่าผมเอาจริง และอยากเล่นให้ ยูไนเต็ด มากๆ เขาก็ดีกับผมมาก เขาพาผมไปที่ชาน เรานั่งคุยกันราวๆ 15 นาที และพูดตรงๆ นะ ผมจำไม่ได้แล้วว่าคุยอะไรไปบ้าง เพราะผมนะเตรียมคำพูดมาไว้แล้ว แต่พอเอาเข้าจริงมันมั่วไปหมดเลย"
ลอนส์เดล ซ้อมพูดครั้งแล้วครั้งเล่า ทั้งเรื่องที่ว่า มาลาก้า สนใจเขาตอนครอบครัวเขาใช้ชีวิตอยู่ที่นั่น ไปจนถึงตอนที่เขากลับมา อังกฤษ เมื่อ 5 ปีก่อน และความคิดเดียวของเขาก็คือการเล่นในระดับสูงสุด "ตอนซ้อมมันก็ดีแหละ แต่พอเจอตัวต่อตัวผมตื่นเต้นมากๆ ผมพูดไม่ได้อย่างที่ซ้อม มันน่าหวาดกลัว แต่ขณะเดียวกันผมรู้ว่าเขามีเวลาให้นักเตะดาวรุ่ง และชอบคนที่แสดงให้เห็นถึงกึ๋นในตัว ซึ่งหนึ่งในสิ่งที่เขาบอกผมคือ - เธอกล้ามากที่ทำแบบนี้ ชั้นนับถือจริงๆ"
"ผมบอกเขาไปว่า ผมเชื่อว่าผมสามารถเล่นฟุตบอลระดับสูงได้ และเขาถามผมว่า ผมเล่นสไตล์ไหน, อายุเท่าไหร่ และผมเคยบาดเจ็บตรงไหน ยังไงมาบ้าง ผมบอกไปว่าผมเล่นกองกลาง ถนัดเท้าซ้าย ชอบเล่นกับบอล เล่นบอลบนพื้น และสู้กับคู่แข่ง ชัดเจนเลยว่าเขาแปลกใจ ดูจากสีหน้าเขาก็ได้ว่า ไม่เคยมีใครมาเคาะประตูบ้าน และขอโอกาสจากเขา แต่เขาแสดงท่าทีสนใจจริงๆ และบอกว่า เขาจะลองเอาดีวีดีมาดู"
อย่างไรก็ตาม ตอนขับรถกลับบ้าน ลอนส์เดล กลับคิดว่าตัวเองได้สูญเสียโอกาสทองไปแล้ว "ผมตื่นเต้น และพูดจาสับสนไปหมด ผมคิดว่ามันคงจะจบแล้ว แต่วันอังคารถัดมา วอร์เรน จอยซ์ โทร.มาหาผม และบอกว่าให้ผมไปที่สนามซ้อมแคร์ริงตันวันศุกร์ เพื่อคุยกัน และดูโน่นดูนี่"
แน่นอนว่าระหว่างทางขับไป แคร์ริงตัน ลอนส์เดล ย่อมเริ่มมีความมั่นใจว่าเขา "เกือบ" ทำได้แล้ว พอไปถึงที่นั่น จอยซ์ บอกว่า เฟอร์กูสัน ได้ดูดีวีดีของผมแล้ว และคงไม่ส่งต่อมาให้เขาถ้าไม่คิดว่ามันคุ้มค่าที่จะลอง นำมาซึ่งโอกาสซ้อม และทดสอบฝีเท้าเป็นเวลา 2 สัปดาห์ "วอร์เรน บอกผมว่า - จงเชื่อมั่นในตัวเอง อย่าคิดว่าเรากำลังจะเจอกับศัตรูตัวฉกาจ แค่เป็นตัวของตัวเอง และทำให้ดีที่สุเท่านั้น"
บทสุดท้ายลงเอยที่ ลอนส์เดล ได้ซ้อมนานกว่า 4 อาทิตย์ และเขาค่อนข้างมั่นใจว่าตัวเองทำได้ดี "ผมเล่นเกมทีมสำรอง 5 นัด มีนัดหนึ่งได้เล่นกับ ดาร์รอน กิ๊บสัน ที่บอกว่า ไม่อยากเชื่อว่าผมจะอายุ 18 ปี ผมได้ซ้อมกับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์, แดนนี่ เวลเบ็ค และ ทอม เคลฟเวอร์ลี่ย์ ด้วย วอร์เรน ก็บอกว่าผมทำได้ดี และผมว่าผมมีโอกาสมาก แล้ววันถัดมา หลังซ้อมเสร็จ เขาเรียกผมไปที่ออฟฟิศ ผมรู้ว่าถึงเวลาตัดสินแล้ว และเริ่มประสาทเสีย"
"เขาอธิบายสถานการณ์ว่ากำลังรอนักเตะบางส่วนย้ายไปเล่นแบบยืมตัว เพื่อให้มีที่ว่าง แต่มันไม่มีอะไรเกิดขึ้น พวกเขาเป็นนักเตะดาวรุ่งที่มีสัญญา และมันหมายความว่า เขาไม่สามารถเสนออะไรให้ผมได้ ผมเสียใจมาก มันยากที่จะทำใจยอมรับได้" ลอนส์เดล กล่าว
ตอนนี้ เจ้าหนูใจกล้า หายเจ็บข้อเท้าแล้ว และรอโอกาสจาก ดีน ซอนเดอร์ส กุนซือคนใหม่ของ ดอนคาสเตอร์ โดยรู้ว่า เขาจะได้รับการจับตามองอย่างใกล้ชิด หลังจากการตอบสนองของ เฟอร์กี้ ที่มีต่อเขา "ความฝันของการเล่นให้ ยูไนเต็ด มันยังไม่จบ มันมหัศจรรย์ คลิปในยูทู้บของผมตอนเล่นในทีมเยาวชน มีคนเข้าไปดูกว่า 150,000 วิวแล้ว นอกจากนี้แแฟนบอลยูไนเต็ดยังอวยพรให้ผมไปได้ดี และอยากรู้ว่าผมเป็นยังไง"
"ประสบการณ์ทั้งหมดมันเหมือนฝัน ตั้งแต่ขับเจ้าเฟียสต้าของผมไปจอดข้างๆ แลมบอร์กินี่ กายาร์โด้ ของ นานี่ ที่ แคร์ริงตัน ที่นั่นมีผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์การกีฬาเพื่อเช็คทั้งระดับไขมัน และ การควบคุมอาหาร ทั้งยังมีการตรวจวัดหัวใจในตอนซ้อม และเอามาอ่านค่าหลังจากนั้น นอกจากนี้เรื่องโภชนาการก็สุดยอด พวกเขาไม่ได้เสิร์ฟแค่ไก่ แต่มันยังมีซอสโน่นซอสนี่เยอะแยะเต็มไปหมดด้วย"
สิ่งที่เหนือความคาดหมายที่เกิดขึ้นกับ ลอนส์เดล ยังรวมไปถึงสายโทรศัพท์ที่กริ๊งมาถามเขาว่า "นายใช่คนที่ไปเคาะประตูบ้าน เฟอร์กี้ หรือเปล่า" แต่แน่นอนว่า เขาไม่เคยเสียใจ "ผมดีใจที่ทำแบบนั้น แม้ตอนนั้นผมจะไม่ได้รับข้อเสนอให้ไปซ้อม ผมก็จะยังภูมิใจในตัวเองอยู่ดี กับการที่มีความกล้าที่จะไปหา เซอร์ อเล็กซ์ และขอโอกาสจากเขา เขาเป็นหนึ่งในคนที่ผมได้พบในวันสุดท้ายของผมที่ แคร์ริงตัน ผมอยู่ในพื้นที่ที่นักเตะจะมากินมื้อกลางวัน และเขาเข้ามาจับมือกับผม และอวยพรให้ผมประสบความสำเร็จ"
"เขายังบอกด้วยว่าที่นี่ยินดีต้อนรับผมกลับมา และซ้อมกับพวกเขาเสมอ และประตูที่นี่ไม่เคยปิดตายใส่ผม ผมต้องการเพียงแค่ซ้อมกับทีมใหม่ให้หนัก พัฒนาการทางภายภาพ และพยายามหาทางเพิ่มความเร็วให้มากขึ้น ผมยังทำให้มันเกิดขึ้นได้ ความฝันของผมที่จะเล่นให้ ยูไนเต็ด ยังไม่จบลงเพียงเท่านี้"
http://www.siamsport.co.th/Column/111104_149.html