ยุคใหม่ของอัซซูรี่
หลังจบศึกฟุตบอลโลกภาคกาฬทวีป ก็มีชาติพี่เบิ้มหลายชาติไปแสดงอาการเสียหมาให้เห็น ซึ่งหากวัดตามดาวบนหน้าอกเสื้อแล้ว ทีมที่อาการหนักเข้าขั้นโคม่าที่สุดคงหนีไม่พ้น อิตาลี นั้นเอง
แม้บอลโลกครั้งล่าสุด อิตาลี จะไม่ได้เป็นทีมเต็งในสายตาของเกจิทั้งหลายแหล่ แต่การตกรอบแรกโดยกินบ๊วยของกลุ่ม ย่อมเป็นสิ่งยืนยันถึงความห่วยแตกและบัดซบของทีมอัซซูรี่ชุดนี้ได้เป็นอย่างดี เพราะมีอย่างที่ไหนที่ดันทำคะแนนได้น้อยกว่าทีมนิวซีแลนด์เสียอีก
เมื่อเป็นซ่ะอย่างนี้ มาร์เชโล่ ลิปปี้ ที่อาสากลับมาคุมทัพอีกหน ก็กลายร่างจากเทวากลายเป็นซาตานในบัดดล แม้บางคนยังยั้งๆปากไว้ด้วยเห็นแก่ความดีความชอบเก่าที่เคยพาทีมคว้าแชมป์โลกครั้งก่อนยังคุ้มกะลาหัวก็ตามที
แต่กระนั้นชีวิตยังไม่สิ้นก็ต้องดิ้นกันต่อไป และปฐมบทใหม่ของอิตาลีก็ได้เริ่มต้นขึ้น เมื่อ เชซาเร่ ปรันเดลลี่ กุนซือไฟแรงที่ฝากผลงานไว้พอตัวกับฟิออเรนติน่า ก้าวเข้ามารับเผือกร้อนชิ้นนี้ด้วยการก้าวมารับตำแหน่งอิล ชิที. คนใหม่ต่อจาก ลิปปี้
โดยงานแรกที่ต้องเจอก็คือเกมอุ่นเครื่องกับไอวอรี่โคสต์ ที่สนามอัพตัน ปาร์คถิ่นของทีมเวสต์แฮม ซึ่ง ปรันเดลลี่ ก็ได้เผยรายชื่อนักเตะทีมชาติอิตาลียุดผลัดใบพร้อมเบอร์เสื้อ ดังนี้
ผู้รักษาประตู : 23-ซิริกู (ปาแลร์โม่), 1-วิเวียโน่ (โบโลญญา),15-มิรานเต้
กองหลัง : 14-อันโตนินี่ (มิลาน), 13-อัสโตรี่ (กายารี่), 19-โบนุชชี่ (ยูเวนตุส), 16-คาสซานี่ (ปาแลร์โม่), 4-คิเอลลินี่ (ยูเวนตุส), 6-ลุชคินี่ (ซัมพ์โดเรีย),3-โมลินาโร่ (สตุ๊ตการ์ท), 2-ม็อตต้า (ยูเวนตุส)
กองกลาง : 5-เด รอสซี่ (โรม่า), 20-ลาซซารี่ (กายารี่), 8-มาร์คิซิโอ (ยูเวนตุส), 18-มอนโตลิโว่ (ฟิออเรนติน่า), 17-ปาลอมโบ (ซัมพ์โดเรีย), 7-เปเป้ (ยูเวนตุส)
กองหน้า : 21-อเมารี (ยูเวนตุส), 9-บาโลเตลลี่ (อินเตอร์), 22-บอร์ริเอลโล่ (มิลาน), 10-คาสซาโน่ (ซัมพ์โดเรีย), 11-กวายาเรลล่า (นาโปลี), 12-รอสซี่ (บีญาร์เรอัล)
งานนี้ ปรันเดลลี่ เริ่มต้นคิดใหม่ทำใหม่ด้วยการบรรจงเรียกตัวผู้เล่นยังบลัดรวมถึงคนหน้าเก่าที่ ลิปปี้ หมางเมินเข้าสู่ทำเนียบทีมชาติหลายคนเลยทีเดียว
ที่น่าจับตามองก็ต้องเป็นพวกที่โดน ลิปปี้ หักอกไม่พาไปบอลโลกด้วย อย่างในรายของศูนย์หน้าสายเลือดบราซิลเลี่ยนเต็มขั้นอย่าง อเมารี คาร์วัลโญ๋ ที่ได้พาสปอร์ตอิตาลีตามเมียที่ทำงานในแดนพิซซ่ามานานกว่า 10 ปี เพราะแม้จะถูกต่อต้านจากบุคคลบางกลุ่มแต่เจ้าตัวกลับไม่แคร์ พร้อมกลับออกมาบอกว่ารู้สึกภูมิใจและจะเล่นด้วยหัวใจ หลังต้องรอคอยการเรียกตัวมานานแล้ว
ขณะที่ มาริโอ บาโลเตลลี่ เจ้าหนูดินระเบิดคนใหม่ ก็เป็นอีกรายที่ไม่มีสายเลือดอิตาเลี่ยนสักนิด แต่ก็ถูกเรียกมาติดทีมชาติ หลังพ่อแม่ชาวกานาพาเขาอพยพเข้ามาอยู่ในอิตาลี แต่เจ้าตัวกลับถูกเลี้ยงดูโดยครอบครัวชาวอิตาเลี่ยนแทน และเพิ่งมาได้สัญชาติอิตาลีเมื่อราวสองปีก่อน น่าเสียดายที่เจ้าตัวพลาดโอกาสการเล่นบอลโลกในสีเสื้ออัซซูรี่ ทั้งที่ทำผลงานได้ดีกับอินเตอร์ในซีซั่นล่าสุด เหตุผลเดียวก็น่าจะมาจากทัศนคติที่ไม่เป็นมืออาชีพของเจ้าตัวนั้นเอง
รายต่อมาที่กลับมามีอนาคตกับทีมชาติก็คือ อันโตนิโอ คาสซาโน่ ที่ดูเหมือนจะมีปัญหาส่วนตัวกับ ลิปปี้ ก็เลยตกเครื่องไม่ได้ไปบอลโลกทั้งที่สื่อในอิตาลีเชียร์แล้วเชียร์อีก หลังระเบิดฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมกับซามพ์โดเรีย
ทั้งนี้ ปรันเดลลี่ ได้แต่งตั้ง ดานิเอเล่ เด รอสซี่ มิดฟิลด์ฮาร์ดแมนลงทำหน้าที่เป็นกัปตันทีมในเกมนี้ด้วย
และหากเราสังเกตเบอร์เสื้อให้ดีจะพบว่าหมายเลข 10 อันเป็นเครื่องหมายของเพลย์เมคเกอร์ประจำทีมอัซซูรี่มาแต่ไหนแต่ไร ได้ตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ คาสซาโน่ ซึ่งย่อมแสดงให้เห็นว่า ปรันเดลลี่ ไว้เนื้อเชื่อใจเจ้าตัวเพียงใด และคงบอกได้เลยว่านับจากนี้ คาสซาโน่ คือผู้นำเกมรุกของอิตาลีอย่างเต็มตัว
ผมเชื่ออยู่อย่างนึงว่าบอลรับเหนียวแน่นอย่างอิตาลี ต้องพึ่งเพลย์เมคเกอร์อาชีพในการเดินเกมรุก งานถึงจะออกมาเวิร์ก เพราะตั้งแต่ผมติดตามบอลมาตั้งแต่บอลโลก 94 ที่สหรัฐ ก็ได้เห็นจอมทัพตัวพ่อคนนึงของยุคนั้นอย่าง โรแบร์โต้ บาจโจ้ พาทีมเข้าถึงรอบชิง ต่อมาก็ยุคของ จิอันฟรังโก้ โซล่า , อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ , ฟรานเชสโก้ ต็อตติ ซึ่งรายหลังเป็นผู้นำเกมบุกจนพาทีมคว้าแชมป์โลกในปี 2006 นั้นเอง ที่สำคัญเขายังใส่เบอร์ 10 ที่ คาสซ่า เพิ่งจะสืบทอดด้วยน่ะ
ส่วนตำแหน่งอื่นๆ เริ่มกันที่นายโกล์ ก็คงยังเป็น จิอันลุยจิ บุฟฟ่อน ที่จะยังเป็นแกนหลักต่อไปเพียงแต่ขณะนี้ต้องเว้นวรรครักษาตัวไปก่อน และคงเป็น เฟเดริโก้ มาร์เค็ตติ ที่รอขึ้นมาแทนท่ในอนาคต อันที่จริงรายหลังก็ถูกเรียกตัวมาด้วย แต่ดันเจ็บเลยต้องถอนตัวออกไปเสียก่อน
ส่วนแนวรับ ต่อไปเราคงได้เห็นปราการหลังจากยูเว่ ลงทำหน้าที่เซนเตอร์แบ็กคู่กันในนามทีมชาติด้วย นั้นก็คือ โบนุชชี่ และ คิเอลลินี่ นั้นเอง ขณะที่แบ็กสองข้างก็มีตัวใหม่ๆจ่อขึ้นมาอีกเพียบ อย่าง ม็อตต้า ของยูเวนตุส ก็น่าจะจับจองสัมปทานแบ็กขวาต่อจาก จิอันลูก้า ซามบร็อตต้า โดยจะแข่งกับ มัตเตีย คาสซานี่ ด้านแบ็กซ้ายผมรอดูว่าเจ้าหนู ดาวิเด้ ซานต้อน จะทะลุขึ้นมาได้หรือเปล่า
กองกลาง 5 ตัวมีพื้นที่แน่ๆสำหรับ เด รอสซี่ ในตำแหน่งกลางรับ ส่วนคู่หูอาจจะยังเป็น อันเดรีย ปีร์โล่ ที่ยังน่าจะมีบทบาทต่อไป มิฉะนั้นก็คงต้องหลีกทางให้ ปาลอมโบ หรือไม่ก็ มอนโตลิโว่ ขึ้นมาแทนที่
ริมเส้นสองข้างดูจากศักยภาพแล้วคงเป็นโอกาสแจ้งเกิดเต็มตัวของ บาโลเตลลี่ ส่วนที่ว่างอีกตำแหน่งอาจจะเป็นของ ซิโมเน่ เปเป้ ที่กำลังแรงขึ้นมา หรือไม่ก็เป็น กวายาเรลล่า ที่ทำผลงานได้ดีกับทีมชาติในช่วงที่ผ่านมาแต่ไม่ค่อยได้รับโอกาส ส่วน อันโตนิโอ ดิ นาตาเล่ หรือ โต้โต้ คงจะหลุดจากทีมชาติไปอย่างแน่นอนด้วยเหตุผลของอายุ และตำแหน่งจอมทัพเป็นใครเป็นไม่ได้นอกจาก คาสซาโน่ หลังจากในช่วงบอลโลก ลิปปี้ พยายามปั้น มาร์คิซิโอ ขึ้นมาแต่ก็ไปไม่รอด ด้วยเพราะไม่ใช่ตำแหน่งถนัด
กองหน้าโอกาสยังเปิดกว้างสำหรับทุกคน แต่เกมนี้คงเป็นโอกาสของ อเมารี ก่อนใครเพื่อน ส่วนที่เหลือก็ยังมี จามเปาโล ปาซซินี่ , อัลแบร์โต้ จิลาร์ดิโน่ , จูเซ็ปเป้ รอสซี่ และ บอร์ริเอลโล่ ที่จะมีโอกาสพิสูจน์ตัวเองในครั้งต่อๆไป
ก็ต้องมาดูกันว่าขุนพลอัซซูรี่เจนเนอเรชั่นใหม่ ภายใต้การนำของอิล ชิที. ปรันเดลลี่ จะทำผลงานได้ดีแค่ไหนในการเปิดตัวครั้งแรก และผู้ที่จะให้คำตอบว่าผ่านหรือไม่ผ่านก็คือ ทีมช้างดำ ไอวอร์รี่โคสต์ นั้นเอง น่าติดตามชมเป็นอย่างยิ่ง