
หลังอังกฤษตกรอบ 16 ทีมสุดท้ายในฟุตบอลโลก 1998 ด้วยความปราชัยต่ออาร์เจนตินา แฟนบอลเมืองผู้ดีต่างเห็นพ้องต้องกันว่า คนที่จะต้อง "รับผิดชอบ" ต่อความผิดหวังครั้งนี้คือผู้ชายชื่อ เดวิด เบ๊กแฮม คนเดียวเท่านั้น!
เพราะ ณ เวลานั้น หนุ่มน้อยเบ๊กส์ที่ยังใหม่กับเกมลูกหนังระดับนี้ โดนลูกล่อลูกชนของผู้เล่นอาร์เจนไตน์จนโดนใบแดงไล่ออกจากสนามไป ทำให้ทีมสิงโตคำรามต้องเสียเปรียบอย่างมาก
เบ๊กแฮมใช้เวลานานหลายปีกอบกู้ชื่อเสียงกลับคืนมา และกลายมาเป็น "วีรบุรุษ" ของคนทั้งประเทศ จากลูกฟรีคิกตีเสมอกรีซ 2-2 ในวินาทีสุดท้ายของการแข่งขันรอบคัดเลือก ซึ่งตีตั๋วเข้าสู่รอบสุดท้ายให้อังกฤษเมื่อ 4 ปีที่แล้ว โดยไม่ต้องไปเหนื่อยเพลย์ออฟกับยูเครน
นั่นคือการไต่เต้าจากก้นเหวสู่ยอดเขาของเบ๊กแฮม เหมือนกับที่ฝรั่งเขามีวลีเปรียบเปรยว่า "from zero to hero" นั่นเอง
มาถึงฟุตบอลโลกเที่ยวนี้ นักเตะที่ได้ชื่อว่าเป็น "เซเลบริตี้" หมายเลข 1 ของวงการลูกหนังโลกก็ต้องเผชิญหน้ากับสถานการณ์คล้ายคลึงกันนั้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อฟอร์มการเล่นของเขาในรอบแรกนำมาซึ่งเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากเกจิลูกหนังรวมทั้งอดีตนักเตะทีมชาติอังกฤษมากมายที่อยากให้ สเวน โกแรน อีริกส์สัน ตัดใจดร็อปนายเบ๊กส์เป็นตัวสำรองเสียที
...แม้แต่หนังสือพิมพ์ฉบับดังของเมืองเบียร์อย่าง "บิลด์" ก็ยังไม่วายเอาครอบครัวของหนุ่มเบ๊กส์มาเล่นสนุก ด้วยการใช้คำกระทบกระเทียบเหน็บแนมแทบจะทุกสมาชิกครอบครัวของเขา (เช่น ว่าแม่ว่าดู "บ้านนอก" น้องสาว "จ้ำม่ำ" และลูกๆ เหมือน "คนแคระ" อะไรทำนองนี้
แต่เพราะลูกฟรีคิกสวยๆ ลูกเดียวในเกมรอบ 16 ทีมสุดท้ายกับเอกวาดอร์เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้นักเตะอังกฤษทุกคนก็พร้อมออกมายืนเคียงข้างกัปตันทีมของพวกเขา...และแน่นอนว่า เดวิด เบ๊กแฮม ได้กู้ศักดิ์ศรีของตัวเองจาก "ศูนย์" กลับมาเป็นวีรบุรุษได้อีกครั้งหนึ่งแล้ว!
หนังสือพิมพ์เมืองผู้ดีหลายฉบับ ต่างพร้อมใจกันยกย่องประตูโทนของเกมวันนั้นด้วยถ้อยคำวิจิตรเลิศเลอ อาทิ "ในท้ายที่สุด อัจฉริยะในสตั๊ดสีน้ำเงินก็ทำให้กินีพิก (เดอะ ซัน รายงานก่อนหน้านั้นว่า ชาวเอกวาดอร์นิยมกินอาหารที่ปรุงจากหนูพันธุ์กินีพิก) จุกไปตามๆ กัน"
...ฟรีคิกของเบ๊กส์ลูกนั้นไม่เพียงเรียกศรัทธาจากแฟนๆ กลับคืนมายังเขาแต่เพียงอย่างเดียว แต่ยังทำให้สถานภาพ "คุณนายหมายเลข 1" ของ วิกตอเรีย ศรีภรรยาสุดเลิฟกลับมามั่นคงอีกครั้งหนึ่งด้วย
หลายวันที่ผ่านมา ขณะที่แท็บลอยด์เมืองผู้ดีขยันนำเสนอข่าวเหล่า "แวกส์" (WAGs-Wives and Girlfriends) หรือหลังบ้านนักเตะสิงโตไม่เว้นแต่ละวัน ชื่อของวิกตอเรียซึ่งเคยเป็นเจ๊ใหญ่ของสาวๆ กลับไม่ค่อยจะติดโผมากครั้งอย่างที่ควรจะเป็น
กระทั่งฟรีคิกลูกนั้นทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนไป เพราะสำนักข่าวบีบีซีถึงกับอุทิศเวลาส่วนหนึ่งให้กับการรีเพลย์ภาพอาการ "เด้ง" เอ๊ย! ดีใจของวิกตอเรียบนอัฒจันทร์ซ้ำไปซ้ำมาในช่วงข่าว
อย่างไรก็ตาม ฟรีคิกลูกนั้นยังไม่อาจจะยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า ที่สุดแล้วเบ๊กแฮมจะ "สมราคา" ที่ใครๆ ตั้งไว้หรือไม่
บางทีปัญหาที่แท้จริงของเบ๊กแฮมอาจจะเป็นดังที่ จอห์น คาร์ลิน แห่งหนังสือพิมพ์ ดิ อ๊อบเซิร์ฟเวอร์ บอกไว้ก็ได้ว่า ความเป็นเซเลบริตี้นี่แหละที่ทำให้เจ้าตัวเดือดร้อน เพราะ "คนมักจะตั้งความหวังกับเบ๊กแฮมในระดับเดียวกับชื่อเสียงที่เขามี แต่มากกว่าที่ความสามารถของเขาจะให้ได้" นั่นเอง!
ประเด็นนี้จะจริงจะเท็จอย่างไร คงต้องขึ้นอยู่กับวิจารณญาณของแต่ละคน... เพียงแต่เพื่อประกอบการตัดสินใจ ลองไปฟังคอมเมนต์ของ โรนัลโด้ ดาวยิงทีมชาติบราซิล ย้อนหลังไปเมื่อฟุตบอลโลก 2002 หลังทั้ง 2 คนแลกเสื้อช่วงท้ายเกมกันสักนิดดีกว่า
"ปกติเวลาคุณแลกเสื้อกับใคร โดยเฉพาะหลังจากเกมที่ดุเดือดขนาดนั้น เป็นธรรมดาอยู่ที่มันต้องเหม็นอับไปด้วยกลิ่นเหงื่อ เพราะฉะนั้นผมก็เลยเซอร์ไพรส์มากที่เสื้อเบ๊กแฮมในวันนั้นไม่มีกลิ่นอื่นใด นอกจากกลิ่นน้ำหอมฟุ้งกระจายอย่างเดียวเท่านั้น!!"