
หลังจากเวิลด์คัพ 2006 สตีฟ แม็กคลาเรน ก้าวเข้ามารับหน้าที่ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษคนใหม่ต่อจาก สเวน โกรัน อีริกส์สัน โดยสมบูรณ์แบบ
งานแรกคือ การประกาศตำแหน่งกัปตันทีมคนใหม่ ซึ่งได้แก่ จอห์น เทอร์รี่ ปราการหลังจากทีมเชลซี โดยมีสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด มิดฟิลด์จากลิเวอร์พูล เป็นรองกัปตันทีม
และปฏิบัติการขั้นต่อมาก็คือ การประกาศรายชื่อขุนพล "สิงโตคำราม" ชุดเตรียมอุ่นเครื่องกับกรีซในเดือนหน้า ซึ่งการประกาศรายชื่อหนนี้ไม่มีชื่อของ เดวิด เบ๊กแฮม ที่ประกาศลาจากตำแหน่งกัปตันทีมหลังเสร็จสิ้นฟุตบอลโลกที่เยอรมันอยู่ในทีม
และเส้นทางในทีมชาติอังกฤษของเบ๊กแฮม น่าจะจบลงแต่เพียงเท่านี้ เมื่อ "บิ๊กแม็ก" กล่าวสำทับหลังการเปิดตัวว่า ต้องการสร้างความเปลี่ยนแปลงในทีม เป็นการสร้างทีมเพื่ออนาคต และได้ทำความเข้าใจกับเบ๊กแฮมตั้งแต่ก่อนประกาศรายชื่อแล้ว และแน่นอนมิดฟิลด์คนดังจากรีล มาดริด ไม่ได้อยู่ในแผนการสร้างทีมอีกต่อไปแล้ว
แม้ว่าเบ๊กแฮมจะเป็นกำลังสำคัญช่วยทีมมาเป็นเวลายาวนาน แต่ในเวิลด์คัพ 2006 "อารอน เลนน่อน" ปีกตีนจัดของสเปอร์แสดงให้เห็นแล้วว่า สามารถก้าวขึ้นมาเป็นตัวตายตัวแทนในตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวริมเส้นด้านขวาได้เป็นอย่างดี และยังมี "ฌอน ไรต์-ฟิลลิปส์" ที่เป็นตัวเลือกชั้นดีอยู่อีกคน
เบ๊กแฮมวัย 31 ติดทีมชาติอังกฤษมาแล้ว 94 นัด และทำหน้าที่กัปตันมาแล้ว 58 นัด และก่อนหน้านี้เคยมีความปรารถนาจะลงเล่นให้ทีม "สิงโตคำราม" ไปจนถึง 100 นัด
แต่ความฝันนั้นคงจะไม่เป็นจริงไปเสียแล้ว
--------------------------------------------------------------------------------
บันทึกน่ารู้ของเดวิด เบ๊กแฮม
1 ก.ย.1996 เกล็น ฮอดเดิ้ล ผู้จัดการทีมชาติอังกฤษในขณะนั้นเลือกเบ๊กแฮมเข้าสู่ทีม "สิงโตคำราม" ในนัดพบกับมอลโดว่า และเป็นจุดเริ่มต้นในทีมชาติอังกฤษของซุปเปอร์สตาร์ผู้นี้
30 มิ.ย.1998 เบ๊กแฮมร่วมทีมชาติอังกฤษไปเล่นฟุตบอลโลก 1998 ที่ฝรั่งเศส และกลายเป็น "แพะ" ต่อความล้มเหลวของทีมที่ไปได้แค่รอบ 2 เมื่อเบ๊กแฮมโดนใบแดงไล่ออก จากการใช้เท้าสะกิดไปโดน ดีเอโก้ ซิเมโอเน่ นักเตะจอมมารยาของอาร์เจนตินา
15 พ.ย.2000 ปีเตอร์ เทย์เลอร์ ซึ่งรักษาการในตำแหน่งผู้จัดการทีมชาติอังกฤษ หลังจากฮอดเดิ้ลหลุดจากตำแหน่ง ประกาศเลือกเบ๊กแฮมเป็นกัปตันทีม ในนัดอุ่นเครื่องกับอิตาลี 3 เดือนต่อมาเมื่อ สเวน โกรัน อีริกส์สัน ก้าวเข้ามารับตำแหน่ง ก็ให้ความไว้วางใจให้เบ๊กแฮมเป็นกัปตันต่อไป
6 ต.ค.2001 เกมฟุตบอลโลก รอบคัดเลือก ระหว่างทีมชาติอังกฤษกับกรีซ เป็นนัดที่มีความสำคัญต่อการเข้าไปเล่นในบอลโลกรอบสุดท้าย และเป็นนัดที่เบ๊กแฮมเล่นได้ดีที่สุดในการเล่นให้ทีม "สิงโตคำราม" ไม่เพียงแต่มุ่งมั่น มีส่วนร่วมกับเกมตลอดเวลาเท่านั้น แต่ยังบรรจงปั่นฟรีคิกสุดสวยให้ทีมเอาชนะในนาทีสุดท้ายของการแข่งขัน ผ่านเข้ารอบสุดท้ายฟุตบอลโลก 2002 ในฐานะแชมป์กลุ่ม
มิ.ย.2002 เบ๊กแฮมยังเป็นกำลังสำคัญให้ทีมชาติอังกฤษเหมือนเดิม แต่ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนแต่ทีมก็ไปได้ไกลแค่รอบ 8 ทีมสุดท้าย เมื่อพลาดท่าพ่าย "แซมบ้า"บราซิล 1-2 ทั้งๆ ที่แซมบ้าเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น
24 มิ.ย.2004 ในศึกยูโร 2004 ที่โปรตุเกส เบ๊กแฮมโชว์ฟอร์มได้ย่ำแย่อย่างไม่น่าเชื่อ และยังยิงจุดโทษพลาดถึง 2 ครั้ง 2 ครา และหนึ่งในนั้นคือการซัดข้ามคานแบบไม่ได้ลุ้น ในการดวลจุดโทษกับโปรตุเกสในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ซึ่งอังกฤษพ่ายตกรอบไปในที่สุด
9 มิ.ย.-1 ก.ค.2006 เบ๊กแฮมรั้งตำแหน่งกัปตันทีมอังกฤษสู้ศึกบอลโลกที่เยอรมัน เบ๊กแฮมปั่นฟรีคิกให้ทีมเอาชนะเอกวาดอร์ ผ่านเข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายได้ แต่ในเกมรอบก่อนรองชนะเลิศกับโปรตุเกส กัปตันทีม "สิงโตคำราม" บาดเจ็บเล่นต่อไปไม่ไหวต้องถูกเปลี่ยนตัวออกในท้ายครึ่งแรก ได้แต่นั่งมองทีมอังกฤษตกรอบด้วยการดวลจุดโทษพ่ายไปอีกครั้ง
2 ก.ค.2006 เบ๊กแฮมประกาศอำลาตำแหน่งกัปตันทีมชาติอังกฤษ แต่ยืนยันจะยังเล่นให้ทีมไปจนถึงยูโร 2008
11 ส.ค.2006 สตีฟ แม็กคลาเรน ประกาศขุนพล "สิงโตคำราม" ชุดอุ่นเครื่องกรีซ ไม่มีชื่อของกัปตันทีมวัย 31 อยู่ในทีม และสถิติการติดทีมชาติของเบ๊กแฮมน่าจะจบลงที่ 96 นัด