ไม่น่าเชื่อว่าโลกนี้มักไม่มีที่ว่างให้กับบุคคลอันดับ 2 ทั้งๆ ที่บางครั้ง คนที่มา เป็นที่สองนั้นมีความสามารถมากกว่า งานเหนื่อยกว่า หรืออาจจะต้องทุกข์ยากลำบากเมื่อยเหนื่อยใจมากกว่าคนที่ได้ชื่อว่าอันดับ 1 เสีย อีก แต่สิ่งตอบแทนที่เขาได้รับนั้นกลับน้อยนิดเทียบได้แค่เสษเสี้ยวของคนแรกอย่างน่าใจหาย
เฉลยจากด้านบน นักบินอวกาศคนที่ 2 ที่ได้ เหยีบดวงจันทร์นั้นชื่อว่า บัซซ์ อัลดริน (Edwin Eugeng Aldrin Jr.) รู้สึกไม่คุ้น เลยใช่ไหมครับ ? นั่นก็เพราะสื่อสิ่งพิมพ์ นิตยสาร ทีวี ตู้เย็น วิทยุ และ แบบเรียนต่างๆ มักจะนำเสนอ ชื่อและ ภาพของ นีล อาร์มสตรอง พ่อคนแขนแข็งแรงคนเดียวเท่านั้น ทั้งๆที่ ก็ ย่างเท้าลงจากยาน อพอลโล่ที่ 11 ในวันที่ 20 กรกฏาคม ค.ศ. 1969 ช้ากว่ากันไม่แค่ไม่กี่วินาที ยิ่งกว่านั้น ผู้ที่เป็นหัวหน้าทีมภารกิจ ก็ เป็นตัวของ อัลดริน เองเสียด้วย พูดแล้วก็น่าน้อยใจแทนครับ
คนถัดมายิ่ง ปวดตับมากกว่า เขา คือ นิโคลาเทสล่าร์ ที่ดันไปเกิดยุคเดียวกับ โทมัส อัลวา เอดิสัน ซึ่งทั้งสองนั้นเกิด ในยุคเดียวกันแต่มีแนวคิดในเรื่อง การประดิศฐ์ที่ยิ่งใหญ่กว่า สร้างทั้ง หลอดไฟฟ้า เครื่องเล่นแผ่นเสียง และอื่นๆ อีกสารพัด ทำให้เขาร่ำรวยมหาศาลจากสิ่งประดิษฐ์หลายพันชนิดที่ได้คิดค้นขึ้น แต่เทสล่าร์ต้องกลับเป็นนักปะดิษฐ์ ที่แสนยากจน แถมแนวคิดบ้าระห่ำ มีอย่างที่ไหนคิดค้นระบบไร้สาย พลังงานไฟฟ้ากระแส สลับ เทสล่าร์ต้องจบชีวิตอย่างเยบเหงาเดียวดายในโรงแรมเก่าๆ พร้อมทั้ง โดนรัฐบาลยึดทรัพย์สินและ สิ่งประดิษฐ์ทุกอย่างและกล่าวหาว่าเป็นคนต่างด้าว (ความจริงเทสล่าร์ได้สัญชาติอเมริกันเพราะอยู๋มานานแล้ว) แต่ในเวลาไม่นานไฟฟ้ากระแสตรง (DC) ของ เอดิสันก็พ่ายให้กับไฟฟ้ากระแสสลับ (AC) ของเทสล่าร์ ซึ่งไฟฟ้ากระแสตรงก็คิอไฟฟ้าที่ต้องวิ่งผ่านขั้วลบไปหาขั้วบวกโดยตรง ยิ่งถ้าต้องส่งกระแสไฟฟ้าไปยังสถานที่ไกลๆ ก็ต้องใช้สายไฟฟ้าขนาดใหญ่พร้อมเครื่องส่งกำลังสูง แต่ไฟฟ้ากระแสสลับ จะใช้การส่งกระแสไฟฟ้าจากอิเล็กตรอนตัวหนึ่งไปหาอีกตัวถัดไป จึงไม่ต้องใช้เครื่องส่งตัวใหญ่ๆ และกลาย เป็นไฟฟ้าราคาประหยัดสำหรับทุกคน ลองเหลือบมองอุปกรณ์รอบตัวดูนะครับ ส่วนใหญ่ก็มาจากแนวคิดของ เทสล่าร์ ทั้งนั้นแหละครับ ทั้ง ทีวี วิทยุ เทคโนโลยีไร้สาย โทรศัพท์มือถือและจานดาวเทียม จนไปถึงหน้าปัดวัดความเร็วของรถยนต์นู่นเลย
ถ้าถามว่า รู้จัก เอล็กซานเดอร์ เกรแฮมเบลไหม ? หลายคนอาจคลับคล้ายคลับคลาว่าเขาเป็นผู้ประดิษญ์โทรศัพท์ได้เป็นคนแรกของโลก ซึ่งหน่วยวัดความดังของเสียงเบล หรือ เดซิเบลนี้ก็มาจากชื่อของเขานี่แหละ แต่ถ้า เอ่ยชื่อ เอลิซ่า เกรย์ ละ? ใครได้ยินก็ต้องเกาหัวแกรก อีกรอบ แต่อันที่จริงแล้ว เขาประดิษญ์โทรศัพท์และน้ำไปจด สิทธิบัตรช้ากว่า เบลแค่ 2ชั่วโมงเท้านั้น!! แถวแนวคิดการออกแบบก็ คล้ายกัน จนสุดท้ายก็ต้องไปสู้คดีกันในศาล ซึ่งเบลก็ชนะไปในที่สุด
เคยมีคำกล่าวว่า "ถ้าคุณได้ที่ 1 คุณก็จะได้ที่ 1 แต่ถ้าคุณได้ที่ 2 คุณก็จะไม่ได้อะไรเลย" เนื่องจากสังคมชอบตีตราว่าอะไรที่เป็นของดีเป็นตัวท๊อปนิยมชมชอบคนที่เป็นเลิศสูงสุดเสมอ ทั้งๆ ที่ผู้ที่ได้อันดับ 2 ถึงอันดับสุดท้ายนั้นแหละ ที่ก้มหน้าแบกโลกนี้เอาไว้โดยไม่ได้รับเครดิต
เหมือน นัด ชิง UCL ละคับ ทีมที่ได้ ที่1 ก็ได้ ที่1 แต่ ทีมที่ได้ ที่2 ก็ จะไม่ได้อะไรเลย
Cadit :: เกมเมอร์นิวส์