Home

google วันนี้.... เเกรี่เเบรี่

คุยเรื่องเพลง หนังสือ ภาพยนตร์ และเรื่องอื่นๆ ทั่วไป

google วันนี้.... เเกรี่เเบรี่

โพสต์โดย เเกรี่เเบรี่ » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 13:12

รูปภาพ

รูปภาพ

เกิด 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869(1869-10-02)
Porbandar, Kathiawar Agency, บริติชราช
เสียชีวิต 30 มกราคม ค.ศ. 1948 (อายุ 78 ปี)
นิวเดลี

สัญชาติ อินเดีย
การศึกษา มหาวิทยาลัยลอนดอน
ศาสนา ฮินดู
ลายเซ็น


รูปภาพ


มหาตมา คานธี (อังกฤษ: Mahatma Gandhi) เป็นผู้นำและนักการเมืองที่มีชื่อเสียงชาวอินเดียและศาสนาฮินดู มีชื่อเต็มว่า
โมหันทาส กรรมจันท คานธี (คุชราต: ; อังกฤษ: Mohandas Karamchand Gandhi) เกิดเมื่อวันที่ 2 ตุลาคม ค.ศ. 1869
ในแคว้นคุชราตทางทิศตะวันตกของอินเดีย มารดาของคานธี เป็นภรรยาคนที่ 4 ของบิดาของคานธี

ใน ค.ศ. 1883 เดือนพฤษภาคม คานธีมีอายุ 13 ปี ได้สมรสกับเด็กหญิงชื่อกัสตูรบา ซึ่งอายุมากกว่าคานธีประมาณ 6 เดือน
ซึ่งสาเหตุที่คานธีสมรสเร็วนั้น มาจากประเพณีท้องถิ่นที่นิยมให้เด็กแต่งงานกันเร็วๆ คานธี มีความสุขกับชีวิตคู่มาก
คานธีและกัสตูรบามีบุตร-ธิดา รวมกันทั้งสิ้น 5 คน แต่คนหนึ่ง ได้เสียชีวิตลงตั้งแต่ยังเป็นทารกทำให้เหลือ 4 คน

ใน ค.ศ. 1888 เป็นปีที่บุตรคนแรก (ไม่นับคนที่เสียชีวิตขณะเป็นทารก) ของคานธีได้ถือกำเนิดขึ้น และเป็นปีที่ทางครองครัว
ได้ส่งคานธีไปศึกษาวิชากฎหมายที่อังกฤษ โดยก่อนจะเดินทาง คานธีได้ให้สัญญากับมารดาว่า จะไม่รับประทานเนื้อสัตว์และสุรา
และจะไม่ยุ่งเกี่ยวเกาะแกะกับสตรี เพื่อให้มารดาได้อุ่นใจ แล้วเดินทางไปอังกฤษ

เมื่อไปถึงอังกฤษ คานธีพบปัญหาใหญ่ในการดำเนินชีวิตในอังกฤษ นั่นคือ วัฒนธรรม มารยาท สิ่งปลูกสร้างต่างๆ
ในอังกฤษนั้นไม่เหมือนอินเดีย คานธีต้องระวังตนในเรื่องมารยาทซึ่งจะมาทำตามคนอินเดียเหมือนเดิมไม่ได้
คานธีต้องปรับตัวบุคลิกต่างๆให้เข้ากับคนอังกฤษให้ได้ และนอกจากนี้ อาหารในอังกฤษที่ไม่ใช่เนื้อสัตว์นั้นในสมัยนั้นรสชาติจะจืดมาก
จะกินเนื้อสัตว์ก็ไม่ควรเพราะได้ให้สัญญากับมารดาไว้แล้ว

ปัญหาด้านอาหารนั้นทุเลาลงเมื่อคานธีได้รู้จักอาหารมังสวิรัติ และได้ซื้อหนังสือคู่มือสำหรับนักมังสวิรัติเข้า
คานธีจึงได้มีวิธีรับประทานมังสวิรัติอย่างเป็นสุขในอังกฤษ ส่วนมารยาทและวัฒนธรรมก็ต้องค่อยๆปรับตัวไป
และในที่สุด คานธีก็สำเร็จการศึกษาและสอบได้เป็นเนติบัณฑิต และเมื่อได้เป็นเนติบัณฑิตแล้ว คานธีก็เดินทางกลับสู่อินเดียใน
ค.ศ. 1892 เพื่อประกอบอาชีพ

ในปีเดียวกันคานธีกลับมา ลูกคนที่สองของคานธีก็กำเนิดขึ้น แต่ในด้านอาชีพ แม้จะประสบความสำเร็จในการศึกษา
แต่การประกอบอาชีพในช่วงแรกของคานธีนั้นประสบความยากลำบากตะกุกตะกัก แต่แล้ว ไม่นานต่อมา
คานธีก็ได้งานชิ้นหนึ่งซึ่งเป็นตัวแปรสำคัญ ที่ทำให้คานธี กลายเป็นนักการเมืองที่มีชื่อเสียงโด่งดังในเวลาต่อมา

งานนั้นคือ ให้ไปเป็นทนายว่าความให้ลูกความในประเทศแอฟริกาใต้ ดังนั้น ใน ค.ศ. 1893 คานธีได้เดินทางไปประเทศแอฟริกาใต้
โดยเมื่อเดินทางไปถึง คานธีได้ซื้อตั๋วรถไฟชั้น First Class (ชั้นที่หรูหราสะดวกสบายที่สุด ค่าตั๋วแพงที่สุด)
ไปยังเมืองที่ลูกความต้องการ แต่ทว่า ผู้โดยสารชั้น First Class ที่ผิวขาว ไม่พอใจที่คนผิวคล้ำอย่างคานธีมาอยู่ร่วมชั้น
First Class กับพวกเขา จึงไปประท้วงบอกเจ้าหน้าที่ เจ้าหน้าที่จึงเดินมาสั่งให้คานธีย้ายตู้โดยสารไปโดยสารตู้ของ Third Class
(ชั้นไม่สะดวก ไม่หรูหรา แต่ค่าตั๋วถูกที่สุด) ทั้งๆที่คานธีเสียเงินซื้อตั๋ว First Class มาอย่างถูกต้อง คานธีจึงปฏิเสธ
ทำให้ความขัดแย้งในรถไฟชั้น First Class รุนแรงขึ้นเรื่อยๆ จนในที่สุด คานธีก็ถูกเจ้าหน้าที่รุมทำร้าย
และคานธีถูกผู้โดยสารผิวขาวโยนออกมาจากรถไฟ โดยเจ้าหน้าที่ต่างอ้างว่า รถไฟชั้นหนึ่งนี้สร้างสำหรับผู้โดยสารผิวขาวเท่านั้น

เหตุการณ์นี้ทำให้คานธีเศร้าเสียใจเป็นอย่างยิ่ง และยิ่งเศร้ามากยิ่งขึ้นเมื่อรู้ว่าชาวผิวคล้ำเกือบทุกคนถูกเหยียดหยามจากชนผิวขาวในแอฟริกาใต้
นับแต่นั้น คานธีก็ได้เข้าต่อสู้เรียกร้องสิทธิมนุษยชนของชาวผิวคล้ำในแอฟริกาใต้ และเมื่อคานธีรู้ว่าการต่อสู้ครั้งนี้ไม่จบง่ายๆ
จึงได้เดินทางไปอินเดียใน ค.ศ. 1896 เพื่อพาครอบครัวมาอยู่ด้วยกันที่แอฟริกาใต้ และกลับสู่อินเดียใน ต้นปี ค.ศ. 1897
และใช้ชีวิตครอบครัวต่อจนมีลูกกับภรรยาต่ออีก 2 คน

ใน ค.ศ. 1901 คานธีเดินทางกลับอินเดียเพื่อกลับไปประกอบอาชีพต่อ แต่มีเสียงเรียกร้องจากชาวอินเดียในแอฟริกาใต้
ให้มาช่วยด้วย คานธีเดินทางกลับไปยังแอฟริกาใต้เพื่อต่อสู้กับปัญหานี้ต่อใน ค.ศ. 1902 แต่ว่า การต่อสู้ของคานธีเมื่อครั้ง
ก่อนนั้นให้ผลไม่ดีเท่าไรนัก ดังนั้นในครั้งนี้ คานธีใช้วิธี "สัตยาเคราะห์" ซึ่งคือ การไม่ร่วมมือในกฎที่ไม่ยุติธรรม
โดยไม่มีการใช้กำลัง ซึ่งวิธีนี้ได้ผลดีมาก ทำให้คานธีรู้ว่าการประท้วงโดยไม่ใช้กำลังนั้นให้ผลดีกว่าที่คิด
จึงพบวิธีที่แน่นอนและได้ผลดีในการเรียกร้องความยุติธรรม โดยคานธีได้อยู่เรียกร้องความยุติธรรมนี้จนถึง
ค.ศ. 1914 ก็เดินทางออกจากแอฟริกาใต้

คายธีเดินทางกลับมาถึงอินเดียที่เมืองบอมเบย์ใน ค.ศ. 1915 คานธีตัดสินใจละทิ้งการแต่งกายแบบตะวันตกดังที่เคย
และหันมาแต่งกายด้วยเสื้อผ้าแบบดั้งเดิมของแคว้นคุชราต และเมื่อเดินทางกลับมาถึง ชาวอินเดียจำนวนมากไปชุมนุมต้อนรับ
คานธีกลับบ้านอย่างล้นหลาม ไม่กี่วันต่อมา คานธีเดินทางไปหา รพินทรนาถ ฐากุร มหากวีแห่งอินเดีย และรพิทรนาถนี้เอง
ได้ขนานนามคานธีว่า "มหาตมา" อันแปลว่า ผู้มีจิตใจสูงส่งให้แก่คานธี เป็นคนแรก และหลังจากนั้น คานธี
ได้เดินทางไปทั่วประเทศอินเดีย เพื่อจะได้ไปรู้เห็นความเป็นจริงในอินเดียอย่างรู้จริงเป็นเวลารวม 1 ปี

ค.ศ. 1916 คานธีเริ่มก่อกลุ่มเคลื่อนไหวเรียกร้องสิทธิเสรีภาพให้แก่ประชาชนอินเดีย และเรียกร้องโดยวิธี
ขอความร่วมมือผนึกกำลังคนละเล็กคนละน้อยจนเป็นพลังที่สั่นประเทศได้ ประกอบกับในช่วงนั้น อินเดียเป็นเมืองขึ้นของอังกฤษ
ทำให้ต้องมีการเรียกร้องสิทธิที่อังกฤษพยายามกดขี่ชาวอินเดีย ตัวอย่างเช่น ใน ค.ศ. 1919 ได้มีการประกาศกฎหมาย
Rowlatt ซึ่งเป็นกฎหมายที่กดขี่ชาวอินเดีย คานธีจึงประกาศขอความร่วมมือว่าในวันที่ 30 มีนาคม ค.ศ. 1919
ขอความร่วมมือให้คนอินเดียหยุดงาน แล้วประชาชนเป็นล้านๆ คนก็หยุดงานในวันนั้น สั่นคลอนอำนาจรัฐบาล
อังกฤษอย่างชัดเจน คานธีรู้สึกอัศจรรย์ แต่ไม่นานก็พบข้อเสียของการใช้วิธีสัตยาเคราะห์ กับสังคมขนาดใหญ่ๆ อย่างอินเดีย

ข้อเสียนั้นคือ มีบางแห่งที่บานปลายเกิดการต่อสู้ใช้กำลัง รัฐบาลอังกฤษจึงใช้เป็นข้ออ้างในการจับกุมตัวคานธีไป
แต่เมื่อคานธีถูกจับกุม เมืองต่างๆก็เกิดความเคียดแค้นและวุ่นวายจนเกือบกลายเป็นเหตุจราจลระดับประเทศ
ซึ่งหลังคานธีได้รับอิสระในวันที่ 13 เมษายน ค.ศ. 1919 และได้รับรู้เหตุการณ์ที่เกิดบานปลายนี้ คานธีรู้สึกเสียใจมาก
จึงประกาศอดอาหารตนเอง 3 วัน

แต่ในวันนั้นเอง เป็นวันนักขัตฤกษ์ของอินเดีย ประชาชนนับพันคนไปรวมตัวสังสรรค์กันที่สวนสาธารณะชัลลียันวาลา
เมืองอมฤตสระ แต่ว่า ในวันนั้น นายพล Dyer ผู้บังคับบัญชากองทหารอังกฤษในอมฤตสระ รู้สึกเคียดแค้นชาวอินเดีย
และต้องการให้ชาวอินเดียรู้ถึงอานุภาพอังกฤษ จึงออกคำสั่งให้กองทัพรัวปืนใส่กลุ่มประชาชนในชัลลียันวาลา
ทำให้มีผู้เสียชีวิตประมาณ 1,500 ศพ บาดเจ็บประมาณ 3,000 คน เป็นปฏิบัติการทางทหารที่ทำให้รัฐบาลอังกฤษ
เสื่อมเสียเกียรติยศอย่างยากจะฟื้นตัว

การต่อสู้เพื่อคนอินเดียดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ใน ค.ศ. 1922 ได้เกิดเหตุใช้กำลังต่อสู้กันอีกครั้ง
คานธีถูกจับกุมอีกครั้งในฐานะผู้ก่อความไม่สงบ และถูกศาลตัดสินจำคุก 6 ปี แต่ถูกปล่อยตัวออกมาก่อน
กำหนดเพราะเหตุผลทางสุขภาพใน ค.ศ. 1924 และตั้งแต่ถูกปล่อยตัว คานธีก็หันไปแก้ไขปัญหาที่เกิดจากภายในประเทศก่อน
เช่น ฟื้นฟูเศรษฐกิจชนบท แก้ไขปัญหาการถือชนชั้นวรรณะในอินเดีย ปัญหาความขัดแย้งระหว่างศาสนาฮินดูกับมุสลิม
ปัญหาความไม่เสมอภาคของสตรี และปัญหาต่างๆ ที่ไม่ได้เกิดจากการกดขี่จากต่างประเทศ

แต่ใน ค.ศ. 1930 คานธีหวนกลับสู่สังเวียนการเมืองอันเร่าร้อน เพราะต้องการประท้วงกฎหมายอังกฤษที่ห้ามคนอินเดียทำเกลือกินเอง
เป็นสิ่งที่ไม่สมควรที่จะไม่ให้คนอินเดียใช้ทรัพยากรของอินเดีย โดยในวันที่ 12 มีนาคม คานธีได้เริ่มการเดินทาง
ไปยังชายทะเลในตำบลฑัณฑี พร้อมกับประชาชนนับแสนคนที่เต็มใจไปกับคานธี คานธีเดินทางเป็นเวลา 24 วัน 400 กิโลเมตร
ก็ไปถึงชายทะเล คานธีบอกประชาชนนับแสนให้ร่วมกันทำเกลือกินเอง ดังนั้น ในวันนั้น คานธีและประชาชนนับแสนได้
ทำเกลือจากทะเลกินเอง เป็นการฝ่าฝืนกฎหมายที่อังกฤษตั้งไว้

ทางการอังกฤษ ได้ดันทุรังจับกุมคานธีและประชาชนนับแสนคนในวันที่ 4 พฤษภาคม ค.ศ. 1930 ทำให้จำนวนแรงงานอาชีพ
ในอินเดียหายไปเป็นจำนวนมาก ทำให้ระบบเศรษฐกิจและระบบบริหารงานของรัฐบาลอังกฤษเกิดความปั่นป่วนอย่างใหญ่หลวง
จนกระทั่งต้องปล่อยตัวประชาชนออกมาเรื่อยๆ และรัฐบาลอังกฤษได้ปล่อยตัวคานธีใน ค.ศ. 1931 และในปีนั้น คานธีถูกเชิญ
ตัวไปร่วมประชุมหารือกับรัฐบาลอังกฤษ โดยมีนายกรัฐมนตรีอังกฤษในขณะนั้นเป็นประธาน การประชุมครั้งนี้ไม่ได้ผลอะไรมากนัก

เมื่อคานธีกลับอินเดีย ก็ถูกจับอีก และก็ถูกปล่อยตัวอีก และหลังถูกปล่อย ก็ใช้เวลาไปพัฒนาชนบทอีก จนเมื่อ ค.ศ. 1939
ได้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ก็กลับเข้าสู่วงการเมืองอีก มีการเดินขบวนรณรงค์ แล้วก็ถูกจับใน ค.ศ. 1942 อีก แต่ครั้งนี้
ระหว่างอยู่ในคุก กัสตูรบา ภรรยาคานธีได้เสียชีวิตลงใน ค.ศ. 1944 แล้วสักพักก็ถูกปล่อยตัว

ใน ค.ศ. 1945 ได้มีการเลือกตั้งทั่วไปในอังกฤษ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ประกาศจะให้อินเดียได้ปกครองตนเอง
นับเป็นการที่อิสระของอินเดียอยู่แค่เอื้อมแล้ว แต่ว่า ก่อนจะให้อิสระอินเดีย อังกฤษต้องหารัฐบาลชาวอินเดีย
ที่จะปกครองอินเดียต่อจากอังกฤษในช่วงแรกๆของการมีอิสระครั้งของอินเดียในยุคแห่งเทคโนโลยี แต่ทว่า
ไม่สามารถตกลงกันได้ว่าระหว่างพรรคคองเกรส (ที่นับถือศาสนาฮินดู) กับสันนิบาตมุสลิม ใครจะมาปกครอง
การให้อิสระอินเดียจึงต้องล่าช้าออกไป

แต่ใน ค.ศ. 1946 ได้เกิดความขัดแย้งระหว่างชาวมุสลิมและฮินดูในอินเดีย จนเกิดเป็นเหตุนองเลือดรุนแรงไป
ทั่วทุกหัวระแหง คานธีรู้สึกเสียใจมาก ที่อิสรภาพของอินเดียอยู่แค่เอื้อม แต่ยังไม่ทันได้อิสรภาพ ชาวอินเดียก็ทะเลาะกันเองเสียนี่
คานธีจึงได้หอบสังขารวัย 77 ปี ลงเดินเท้าไปยังภูมิภาคต่างๆในอินเดีย เพื่อขอร้องให้ชาวอินเดียหันมาสามัคคีกัน
หยุดทะเลาะกันเสียที ประชาชนอินเดียเห็นคานธีทำเช่นนี้ก็รู้สึกตัว เลิกทะเลาะกัน ทำให้เกิดความสงบสามัคคีในชนบทได้

เดือนพฤษภาคม ค.ศ. 1947 ได้มีการเจรจาตกลงระหว่างพรรคคองเกรสกับสันนิบาตมุสลิม โดยได้ผลสรุปคือ
เมื่ออินเดียได้รับเอกราช จะแบ่งประเทศเป็น 2 ส่วน โดยให้พื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนฮินดู เป็นประเทศอินเดียของพรรคคองเกรส
แล้วพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่เป็นคนมุสลิม ให้เป็นประเทศปากีสถาน ปกครองโดยสันนิบาตมุสลิม

ในที่สุด 15 สิงหาคม ค.ศ. 1947 อินเดียเป็นอิสระจากอังกฤษโดยสมบูรณ์ และในวันนั้น อินเดีย ก็แตกเป็น 2 ประเทศ
คืออินเดียของชาวฮินดู กับปากีสถานของมุสลิม แต่ว่า ท้องที่ๆ คนส่วนใหญ่เป็นศาสนาหนึ่ง ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนอีกศาสนาหนึ่งอาศัยอยู่เลย
ดังนั้น ผู้ที่อยู่ในอาณาเขตประเทศที่เป็นท้องที่ที่คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาตรงข้าม ก็ต้องอพยพ กล่าวคือ ผู้ที่เป็นมุสลิมในอินเดีย
ก็ต้องอพยพไปปากีสถาน และผู้ที่เป็นฮินดูในปากีสถาน ก็ต้องอพยพมาอินเดีย ในวันนั้น ทั้งสองประเทศ
จัดงานฉลองอิสรภาพครั้งใหญ่ แต่คานธีไม่เข้าร่วมพิธีฉลองอิสรภาพ แต่ได้เดินทางไปยังกัสกัตตา เพราะได้ข่าวว่ามุสลิมและ
ฮินดูยังรบสู้กันอยู่ คานธีเดินทางไปถึงที่กัลกัตตา และขอร้อง แต่ไม่เป็นผล จึงประกาศอดอาหารอีก ครั้งนี้ได้ผล มุสลิมและ
ฮินดูในกัลกัตตาเลิกรบกันทันที และให้สัญญาว่าจะไม่มีการรบแบบนี้เกิดอีก คานธีจึงเดินทางกลับเมืองหลวงนิวเดลฮี

ในวันที่ 13 มกราคม ค.ศ. 1948 คานธีต้องการไปปากีสถาน เพื่อสมานฉันท์กับชาวมุสลิม ทั้งๆที่คานธีเป็นฮินดู สันนิบาตมุสลิมจึง
คัดค้านการเข้าปากีสถานของคานธี เพราะเกรงจะเกิดอันตราย คานธีจึงประกาศอดอาหารอีกครั้ง เพื่อสมานฉันท์ระหว่างมุสลิมกับฮินดู

ในวันที่ 18 มกราคม ค.ศ. 1948 องค์กรประชาชนในนิวเดลฮีให้คำมั่นว่า จะพิทักษ์รักษาชีวิต ทรัพย์สิน
และศาสนาของชาวมุสลิมอย่างเต็มที่ คานธีจึงกลับมากินอาหารอีกครั้ง

และในวันที่ 30 มกราคม ค.ศ. 1948 ในตอนเย็น ขณะที่คานธีอยู่กลางสนามหญ้า กำลังสวดมนต์ไหว้พระตามกิจวัตร
ขณะที่คานธีกำลังพูดว่า "เห ราม" แปลว่า "ข้าแต่พระผู้เป็นเจ้า" นาถูราม โคทเส ชาวฮินดูผู้คลั่งศาสนา
ไม่ต้องการให้ฮินดูสมานฉันท์กับมุสลิม ได้ยิงปืนใส่คานธี 3 นัด จนคานธีล้มลง และเมื่อแพทย์ได้มาพบคานธี
ก็พบว่า คานธีได้สิ้นลมหายใจแล้วในวัย 78 ปี


อ้างอิง มาจาก...

http://th.wikipedia.org/
เเกรี่เเบรี่
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 504
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 25, 2008 22:44

โพสต์โดย framenaldo » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 13:25

ได้ความรู้ กะจะโพสต์เหมือนกัน ครั้งที่แล้ววันเกิด กูเกิ้ล ไม่ใช่เหรอ
framenaldo
สต๊าฟโค้ช
สต๊าฟโค้ช
 
โพสต์: 5362
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ย. 24, 2007 16:05
ที่อยู่: :: ที่มีบอล ::
facebook: framenaldo
twitter: framenaldo

โพสต์โดย เเกรี่เเบรี่ » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 13:36

gmframez เขียน:ได้ความรู้ กะจะโพสต์เหมือนกัน ครั้งที่แล้ววันเกิด กูเกิ้ล ไม่ใช่เหรอ



รูปภาพ

เรื่องบาร์โค๊ด...





รูปภาพ



ก่อนหน้าบาร์โค๊ดเป็น


วันเกิดของ เอช จี เวลล์





รูปภาพ

รูปภาพ



ประวัติ H. G. Wells(เอช. จี. เวลส์)
เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ หรือ เอช. จี. เวลส์ (อังกฤษ: H. G. Wells) (21 กันยายน ค.ศ. 1866 - 13 สิงหาคม ค.ศ. 1946) เป็นนักเขียนนวนิยายแนววิทยาศาสตร์ ที่สำคัญได้แก่

The Time Machine (ค.ศ. 1895)
The Island of Doctor Moreau (ค.ศ. 1896)
The Invisible Man (ค.ศ. 1897)
The War of the Worlds (ค.ศ. 1898)
The Outline of History (ค.ศ. 1920)
The Shapes of Things to Come (ค.ศ. 1933)
(วันเกิด เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์)
21 กันยายน พ.ศ. 2409 วันเกิด เฮอร์เบิร์ต จอร์จ เวลส์ หรือ
"เอช. จี. เวลส์” (Herbert George Wells หรือ H. G. Wells)
นักเขียนนิยายวิทยาศาสตร์ชาวอังกฤษ ผู้ได้รับการยกย่องให้เป็น "บิดาแห่งนิยายวิทยาศาสตร์”
ร่วมกับ จูล เวิร์น (Jules Gabriel Verne) เกิดที่เมืองบรอมลีย์ (Bromley)
ในมณฑลเคนต์ (Kent) ทางตอนใต้ของอังกฤษ ครอบครัวเปิดร้านขายของชำเล็ก ๆ
เวลส์จึงต้องทำงานไปพร้อมกับเรียนหนังสือ เขาเรียนจบคณะสัตวิทยาจาก University of London External Programme เมื่อเรียนจบใหม่ ๆ เขายังไม่มีรายได้
จึงต้องไปอาศัยอยู่กับป้า ทำให้ตกหลุมรักลูกพี่ลูกน้องของตัวเองจนได้แต่งงานกันในที่สุด
แต่อยู่ด้วยกันไปกี่ปีก็ทิ้งไปมีคนใหม่ ด้วยเป็นคนเจ้าชู้ จากนั้นก็เริ่มเขียนหนังสือนิยาย
ที่อิงหลังการทางวิทยาศาสตร์ และบทความส่งไปตามนิตยสารและหนังสือพิมพ์

เขาเริ่มมีชื่อเสียงจากนิยายเรื่อง "Anticipations” ซึ่งตีพิมพ์ในปี 2444
ผลงานในช่วงแรก ๆ ของเขาเป็นนิยายวิทยาศาสตร์แฟนตาซีต่อมาก็พัฒนาเป็นนิยาย
วิทยาศาสตร์เกี่ยว กับโลกในอุดมคติ เช่น "The Time Machine”,
“The Invisible Man”, “The War of the Worlds” และ “The First Men
in the Moon” นอกจากนี้ยังเขียนเรื่องสั้นไว้จำนวนหนึ่ง เรื่องที่มีชื่อเสียง
คือ "The Country of the Blind" เมื่อเขาเริ่มพบว่ามนุษย์ใช้อำนาจของ
วิทยาศาสตร์ไปในทางหายนะ ผลงานระยะหลัง ๆ ของเขาจึงเริ่มเผย
ให้เห็นด้านมืดของวิทยาศาสตร์ และถึงเวลาที่ธรรมชาติจะตอบแทนมนุษย์บ้าง
เช่น "The Shape of Things to Come” และ “The Sleeper Awakes”
เขามีความคิดเชิงสังคมนิยม ผลงานบางเรื่องจึงเป็นนิยายวิทยาศาสตร์เชิงสังคมนิยม
เช่น "The Island of Doctor Moreau” ในช่วงบั้นปลายชีวิตเขาเกิด
ความรู้สึกท้อแท้หมดหวังกับอนาคตของมนุษยชาติ เขาป่วยและเสียชีวิตใน
ลอนดอนเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2489 ขณะอายุ 80 ปี

อ้างอิง.....จาก...


http://nogoodear.blogspot.com/2009/09/h ... wells.html
เเกรี่เเบรี่
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 504
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ มิ.ย. 25, 2008 22:44

โพสต์โดย k_ball_manu » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 13:50

เอิ้ก ๆ

เพิ่ง ๆ รุ้

Thkkk
รูปภาพ
k_ball_manu
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 1533
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 01:13

โพสต์โดย framenaldo » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 13:59

นี่ไงครับ

รูปภาพ

กูเกิล (Google Inc.) (แนสแด็ก: GOOG และ LSE: GGEA) เป็นบริษัทมหาชนอเมริกัน มีรายได้หลักจากการโฆษณาออนไลน์ที่ปรากฏในเสิร์ชเอนจินของกูเกิล อีเมล แผนที่ออนไลน์ ซอฟต์แวร์จัดการด้านสำนักงาน เครือข่ายออนไลน์ และวิดีโอออนไลน์ รวมถึงการขายอุปกรณ์ช่วยในการค้นหา กูเกิลสำนักงานใหญ่ที่รู้จักในชื่อกูเกิลเพล็กซ์ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย โดยมีพนักงาน 16,805 คน (31 ธันวาคม 2550) [ต้องการแหล่งอ้างอิง] โดยกูเกิลเป็นบริษัทอเมริกันที่ใหญ่ที่สุดที่ไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งของดัชนีดาวโจนส์ (ข้อมูล 31 ตุลาคม พ.ศ. 2550)

กูเกิลก่อตั้งโดย แลร์รี เพจ และ เซอร์เกย์ บริน ขณะที่ทั้งคู่กำลังศึกษาอยู่ที่มหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด ซึ่งภายหลังทั้งคู่ได้ก่อตั้งบริษัทเมื่อวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2541 ในโรงจอดรถของเพื่อนที่ เมืองเมนโลพาร์ก ในรัฐแคลิฟอร์เนีย และมีการเสนอขายหุ้นใหม่แก่ประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก เมื่อ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 เพิ่มมูลค่าของบริษัท 1.67 พันล้านเหรียญสหรัฐ และหลังจากนั้นทางกูเกิลได้มีการขยายตัวตลอดเวลาจากการพัฒนาซอฟต์แวร์ใหม่และการซื้อกิจการอื่นรวมเข้ามา กูเกิลได้ถูกจัดอันดับให้เป็นบริษัทที่น่าทำงานมากที่สุดในสหรัฐอเมริกาโดยนิตยสารฟอร์จูน[4] ซึ่งมีคติพจน์ประจำบริษัทคือ Don't be evil อย่างไรก็ตามทางบริษัทได้รับการวิพากษ์วิจารณ์ในด้านการละเมิดข้อมูลส่วนตัว การละเมิดลิขสิทธิ์ และการเซ็นเซอร์ในหลายส่วน

ประวัติ

ต้นกำเนิดกูเกิล
กูเกิลเริ่มก่อตั้งเมื่อ มกราคม พ.ศ. 2539 จากโครงงานวิจัยสำหรับดุษฎีนิพนธ์ของ แลร์รี เพจ และเซอร์เกย์ บริน นักศึกษามหาวิทยาลัยปริญญาเอกจากมหาวิทยาลัยสแตนฟอร์ด จากสมมุติฐานของเสิร์ชเอนจินที่สามารถวิเคราะห์ความสัมพันธ์ของของเว็บไซต์ มาจัดอันดับการค้นหาที่เรียกว่าเพจแรงก์ โดยชื่อเสิร์ชเอนจินที่ตั้งมาในตอนนั้นชื่อว่า "แบ็กรับ" (BackRub) ตามความสามารถในการวิเคราะห์ข้อมูลการลิงก์ย้อนกลับไป (back links) เพื่อวิเคราะห์ความสำคัญของแต่ละเว็บไซต์ โดยเว็บไซต์ที่มีเว็บไซต์อื่นลิงก์เข้ามาหามากที่สุด จะเป็นเว็บไซต์ที่มีความสำคัญสูงสุด และจะถูกจัดอันดับไว้ดีกว่า โดยทั้งคู่ได้ทดสอบเสิร์ชเอนจิน โดยใช้เซิร์ฟเวอร์ของมหาวิทยาลัยสแตนพอร์ดในชื่อโดเมนว่า google.stanford.edu และต่อมาได้จดทะเบียนบริษัทกูเกิล (Google Inc.) ในวันที่ 7 กันยายน พ.ศ. 2541 โดยใช้โรงจอดรถของเพื่อนที่เมืองเมนโรพาร์กเป็นสำนักงานโดยในขณะนั้นมีพนักงาน 4 คนซึ่งรวมบรินและเพจ และชื่อโดเมน google.com ได้ถูกจดทะเบียนเมื่อวันที่ 15 กันยายน ในขณะเดียวกันทั้งคู่ได้ลาพักการเรียน และใช้เวลาในการพัฒนาหาเงินทุนพัฒนาจากครอบครัว เพื่อนฝูง และนักลงทุน เป็นจำนวนเงินกว่า 1.1 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งรวมถึงเช็กเงินจาก แอนดี เบกโทลไชม์ ผู้ก่อตั้งซันไมโครซิสเต็มส์[5]

ในเดือนมีนาคม พ.ศ. 2542 บริษัทได้ย้ายไปยังเมืองแพโลอัลโทที่ตั้งของบริษัทคอมพิวเตอร์หลายแห่ง ซึ่งต่อมากูเกิลได้ย้ายบริษัทอีกครั้งไปยังเมืองเมาน์เทนวิว ไปยังสำนักงานใหม่ในชื่อเล่นว่ากูเกิลเพล็กซ์ ซึ่งในปี 2543 กูเกิลได้เปิดธุรกิจในส่วนโฆษณาในชื่อ แอดเวิรดส์ และ แอดเซนส์ โดยเป็นการโฆษณาผ่านคำค้นหา ซึ่งทำให้ข้อความโฆษณาตรงกับความต้องการของผู้ค้นหาเนื้อหาในเว็บไซต์ และสองส่วนนี้กลายมาเป็นธุรกิจหลักของกูเกิลร่วมกับตัวเสิร์ชเอนจิน

เดือนพฤษภาคม 2543 กูเกิลได้มีผู้ใช้งานค้นหาคำมากกว่า 18 ล้านคำต่อวัน ซึ่งกลายมาเป็นเซิร์ชเอนจินอันดับหนึ่งของโลก และในเดือนมีนาคม 2544 เอริก ชมิดต์ อดีตผู้บริหารบริษัทโนเวลล์ และผู้บริหารระดับสูงของซันไมโครซิสเต็มส์ได้เข้ามาร่วมงานกับกูเกิลในตำแหน่งประธานบริหาร

จัดตั้งบริษัทมหาชน
ในวันที่ 19 สิงหาคม พ.ศ. 2547 ได้เปลี่ยนเป็นบริษัทมหาชน โดยมีจำนวนหุ้นทั้งหมด 19,605,052 หุ้นที่ราคา 85 เหรียญสหรัฐต่อหุ้น โดย 14,142,135 หุ้น (อ้างค่าทางคณิตศาสตร์ √2 ≈ 1.4142135) ได้มีการเปิดขายแก่ประชาชนโดยกูเกิล และ 5,462,917 โดยผู้ถือหุ้นขาย หุ้นของกูเกิลในช่วงขายหุ้นครั้งแรกนี้มีมูลค่าเพิ่มขึ้นสูงขึ้นมากกว่า 200% ในช่วงปิดตลาดหุ้นของวันแรกที่ได้ประกาศ (เปรีบเทียบกับ ไป่ตู้ เสิร์ชเอนจินของประเทศจีน มูลค่าเพิ่มขึ้น 354% ในช่วงปิดตลาดวันแรก วันที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2548) และในวันที่ 31 ตุลาคม 2550 หุ้นกูเกิลได้ขึ้นไปสูงถึงราคา 700 เหรียญสหรัฐ

กูเกิลอยู่ในตลาดหุ้นแนสแด็ก ในชื่อสัญลักษณ์ GOOG และในตลาดหุ้นลอนดอนในสัญลักษณ์ GGEA

การซื้อกิจการ
ตั้งแต่ปี 2544 กูเกิลได้เริ่มมีการซื้อบริษัทที่มีการพัฒนาในด้านเทคโนโลยีและผลิตภัณฑ์เข้ามา ตัวอย่างบริษัทและผลิตภัณฑ์ที่มีการซื้อได้แก่ บล็อกเกอร์พัฒนาโดยไพราแล็บส์แพลตฟอร์มสำหรับให้บริการเขียนบล็อก ปีกาซาที่พัฒนาโดยไอเดียแล็บซอฟต์แวร์สำหรับดูไฟล์ภาพและวิดีโอ คีย์โฮลพัฒนาโดยบริษัทคีย์โฮลซอฟต์แวร์สำหรับดูภาพถ่ายผ่านดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ ซึ่งปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของกูเกิลเอิร์ธ เออร์ชินเว็บแอปพลิเคชันในการวิเคราะห์สถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ ซึ่งปัจจุบันเปลี่ยนชื่อเป็นแอนะลิติกส์ ไรต์รีเว็บแอปพลิเคชันสำหรับสร้างเอกสารสำนักงานออนไลน์ปัจจุบันเป็นส่วนหนึ่งของด็อกส์ สเก็ตช์อัปพัฒนาโดยแอตแลสต์ซอฟต์แวร์สำหรับวาดภาพสามมิติ ยูทูบเว็บไซต์ให้บริการแชร์วิดีโอออนไลน์ จอตสปอตเว็บไซต์สำหรับสร้างเว็บไซต์แนววิกิปัจจุบันใช้ชื่อไซตส์ ดับเบิลคลิกบริษัทให้บริการโฆษณาออนไลน์ ไจกุเครือข่ายสังคมออนไลน์

ความร่วมมือ
ตั้งแต่ปี 2548 กูเกิลได้เริ่มมีการร่วมมือกับบริษัทอื่นและหน่วยงานรัฐบาลในการพัฒนาผลิตภัณฑ์มากขึ้น โดยกูเกิลได้ร่วมมือกับศูนย์วิจัยนาซ่าเอมส์ ในด้านการวิจัยระบบจัดการข้อมูล เทคโนโลยีนาโน และการสำรวจอวกาศ กูเกิลยังได้จับมือกับซันไมโครซิสเตมส์โดยได้แบ่งข้อมูลเพื่อใช้ในการวิจัย[9] กูเกิลได้ร่วมมือกับเอโอแอลของไทม์วอร์เนอร์ในการเพิ่มประสิทธิภาพของระบบค้นหาวิดีโอออนไลน์ นอกจากนี้ทางบริษัทได้มีการลงทุนในส่วนของรหัสโดเมนบสุด .mobi ร่วมมือกับหลายบริษัทได้แก่ ไมโครซอฟท์ โนเกีย อีริกสัน[10]

โครงการรณรงค์
กูเกิล ร่วมรณรงค์กิจกรรมการปิดไฟ กับโครงการเอิร์ธ อาวเออร์ (Earth Hour) ของกองทุนสัตว์ป่าโลก (World Wildlife Fund : WWF) ด้วยการปรับหน้าเว็บเพจเป็นสีดำพร้อมข้อความว่า "เราปิดไฟแล้ว ต่อไปตาคุณ" (We've turned the lights out. Now it's your turn.) ในวันที่ 29 มีนาคม พ.ศ. 2551[11]

"Google"
ชื่อ "Google" มาจากคำว่า "googol" ซึ่งหมายถึงจำนวนทางคณิตศาสตร์ที่หมายถึงเลข 1 แล้วตามด้วยเลข 0 อีกหนึ่งร้อยตัว หรือ 10100 เพื่อเป็นการแสดงถึงเป้าหมายของบริษัทที่จะจัดการกับข้อมูลจำนวนมหาศาล อีกกระแสหนึ่งบอกว่าชื่อ Google มาจากความผิดพลาดในการจดโดเมนเนมในช่วงก่อตั้ง

ในวันที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2548 กูเกิลชนะความในศาล ในคดีที่มีบริษัทอื่นตั้งชื่อใกล้เคียง ได้แก่ googkle.com ghoogle.com และ gooigle.com เพื่อเรียกให้คนอื่นเข้าเว็บไซต์ของตน ทำให้เกิดความเสียหายกับชื่อเสียงของกูเกิล

ผลิตภัณฑ์ของกูเกิล
ซอฟต์แวร์เดสก์ทอป
ซอฟต์แวร์ของกูเกิล จะเป็นซอฟต์แวร์ให้ดาวน์โหลดใช้งานฟรี และทำงานผ่านระบบของกูเกิล

กูเกิล ทอล์ก
ทอล์ก (Google Talk) ซอฟต์แวร์เมสเซนเจอร์และวีโอไอพี
กูเกิล เอิร์ธ
เอิร์ธ (Google Earth) ซอฟต์แวร์ดูภาพถ่ายผ่านดาวเทียมและภาพถ่ายทางอากาศ
ปีกาซา
ปีกาซา (Picasa) ซอฟต์แวร์สำหรับดูภาพภายในเครื่องคอมพิวเตอร์ ใช้งานคู่กับเว็บไซต์ปีกาซา
กูเกิล แพ็ก
แพ็ก (Google Pack) เป็นชุดซอฟต์แวร์พร้อมดาวน์โหลด ประกอบด้วย โปรแกรมของกูเกิลเองได้แก่ เดสก์ท็อป ปีกาซา ทูลบาร์ โฟโต้สกรีนเซฟเวอร์ เอิร์ธ ทอร์ก วิดีโอเพลย์เยอร์ และโปรแกรมอื่นรวมถึง ไฟร์ฟอกซ์ สตาร์ออฟฟิศ อะโดบี รีดเดอร์ สไกป์
กูเกิล โครม
โครม (Google Chrome) ซอฟต์แวร์เบราว์เซอร์
สเก็ตช์อัป
สเก็ตช์อัป (SketchUp) ซอฟต์แวร์สำหรับวาดภาพสเก็ตช์ และภาพ 3 มิติ
กูเกิล แมพ
แมพ (Google Map) ซอฟแวร์สำหรับค้นหาแผนที่บนโลก
บริการบนอินเทอร์เน็ต
ชื่อ ชื่ออังกฤษ รายละเอียดย่อ อ้างอิง
กูเกิล เสิร์ช Google Search เว็บไซต์เสิร์ชเอนจินค้นหาข้อมูลทางอินเทอร์เน็ต มีให้บริการมากกว่า 100 ภาษา [1]
กูเกิล กรุ๊ปส์ Google Groups บริการเว็บบอร์ด และสร้างเว็บไซต์ของกลุ่ม [2]
กูเกิล ค้นหารูปภาพ Google Image Search บริการค้นหารูปภาพออนไลน์ [3]
กูเกิล แคเลนเดอร์ Google Calendar บริการปฏิทินและจดวันนัดหมาย [4]
จีเมล Gmail บริการอีเมล [5]
กูเกิล ไซต์ไกสต์ Google Zeitgeist บริการเปิดให้ดูคำค้นหา คำนิยม รูปแบบ และแนวโน้มในการค้นหาผ่านกูเกิลเสิร์ช [6]
กูเกิล ด็อกส์ Google Docs บริการใช้งานซอฟต์แวร์สำนักงานรวมถึง เวิร์ด สเปรดชีต พรีเซนเตชัน ให้ผู้ใช้สามารถได้ฟรีออนไลน์ โดยเพิ่มเติมความสามารถในการแชร์และให้ผู้ใช้หลายคนสามารถแก้ไขไฟล์เดียวกันพร้อมกันได้โดยผู้ใช้ [12] โดยเริ่มพัฒนาจากซอฟต์แวร์ ไรต์รี (Writely) และ กูเกิล สเปรดชีตส์ (Google Spreadsheet) เปิดให้บริการครั้งแรกเมื่อ 17 กันยายน พ.ศ. 2550 [7]
กูเกิล ทรานซเลต Google Translate บริการแปลข้อความผ่านเว็บไซต์ รวมถึงแปลเว็บไซต์ทั้งหน้า [8]
บล็อกเกอร์ Blogger บริการเขียนบล็อก [9]
กูเกิล บล็อกเสิร์ช Blog Search บริการค้นหาบล็อก [10]
ปีกาซา Picasa เว็บไซต์เก็บภาพ ใช้งานคู่กับซอฟต์แวร์ปีกาซา [11]
กูเกิล เพจ Google Page บริการสร้างเว็บไซต์ [12]
กูเกิล แมปส์ Google Maps บริการแผนที่ ค้นหาที่อยู่ ค้นหาธุรกิจและร้านอาหาร [13]
ยูทูบ YouTube บริการแชร์วิดีโอ [14]
กูเกิล วิดีโอ Google Video บริการค้นหาวิดีโอออนไลน์ [15]
กูเกิล เว็บมาสเตอร์ Google Webmaster ให้บริการเครื่องมือสำหรับเว็บมาสเตอร์ ตรวจสอบเว็บไซต์ ค้นหาดัชนีการค้นหาผ่านกูเกิล ตรวจสอบโรบอตไฟล์ [16]
กูเกิล สกอลาร์ Google Scholar บริการค้นหาวารสาร หนังสือ สิ่งตีพิมพ์ทางวิชาการ [17]
กูเกิล สกาย Google Sky ดูดาว และระบบสุริยะจักรวาลผ่านเว็บไซต์ [18]
กูเกิล สารบบเว็บ Google Directory ค้นหาข้อมูลตามหมวดหมู่ ข้อมูลจาก ดีมอซ [19]
ออร์กัต Orkut เครือข่ายสังคมออนไลน์ลักษณะคล้ายกับ ไฮไฟฟ์ และเฟซบุ้ก ออกแบบโดยวิศวกรกูเกิลชาวตุรกี ออร์กัต บือยืกเคิกเทน (Orkut Büyükkökten) เปิดใช้งานเมื่อ มกราคม 2547 [20]
กูเกิล แอดเซนส์ Google AdSense ให้บริการโค้ดสำหรับติดตั้งโฆษณาบนเว็บไซต์ ทำงานคู่กับแอดเวิรดส์ [21]
กูเกิล แอดเวิรดส์ Google AdWords บริการโฆษณาผ่านเว็บไซต์ที่ติดตั้งแอดเซนส์ [22]
กูเกิล แอนะลิติกส์ Google Analytics บริการนับสถิติผู้เข้าชมเว็บไซต์ พร้อมระบบวิเคราะห์ผู้ใช้งาน [23]
กูเกิล แอปส์ Google Apps บริการใช้งานผลิตภัณฑ์และบริการของกูเกิลผ่านทางชื่อโดเมนส่วนตัว โดยแอปพลิเคชันที่สามารถใช้งานได้เช่น จีเมล แคเลนเดอร์ ทอล์ก ด็อกส์ โดยมีการให้บริการทั้งฟรีและเสียเงิน [24]
ไอกูเกิล iGoogle ในชื่อเดิม เพอร์เซอนอลไลส์ ให้บริการทำหน้าเริ่มต้นในการเข้าชมเว็บไซต์ โดยสามารถนำเว็บฟีดและแกเจ็ต จากเว็บอื่นมารวมได้ [25]


โดยบริการที่อยู่ในขั้นทดลอง จะเปิดให้ใช้งานโดยจะมีคำว่า "Beta" อยู่ภายใต้โลโก้นั้นซึ่งจะเป็นส่วนหนึ่งของโครงการกูเกิล แล็บส์ (Google Labs)

บริการผ่านโทรศัพท์มือถือ
Map's for mobile
Mobile
SMS
สำนักงาน
กูเกิลมีสำนักงานหลายสาขาทั่วโลก โดยในสหรัฐอเมริกามีมากกว่า 20 สาขา และที่อื่นทั่วโลกมากกว่า 40 แห่ง กูเกิลสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ที่เมืองเมาน์เทนวิวในรัฐแคลิฟอร์เนีย โดยสถานที่ตั้งของสาขาทั้งหมดดังนี้

สหรัฐอเมริกา
เมาน์เทนวิว รัฐแคลิฟอร์เนีย (สำนักงานใหญ่)
เออร์ไวน์ รัฐแคลิฟอร์เนีย
ซานฟรานซิสโก รัฐแคลิฟอร์เนีย
ซานตาโมนีกา รัฐแคลิฟอร์เนีย
ดีทรอยต์ รัฐมิชิแกน
แอนน์อาร์เบอร์ รัฐมิชิแกน
ออสติน รัฐเทกซัส
แอตแลนตา รัฐจอร์เจีย
เดนเวอร์ รัฐโคโลราโด
โบลเดอร์ รัฐโคโลราโด
เคมบริดจ์ รัฐแมสซาชูเซตส์
ชิคาโก รัฐอิลลินอยส์
คอปเพลล์ รัฐเทกซัส
แดลลัส รัฐเทกซัส
เคิร์กแลนด์ รัฐวอชิงตัน
ซีแอตเทิล รัฐวอชิงตัน
นิวยอร์ก รัฐนิวยอร์ก
ฟินิกซ์ รัฐแอริโซนา
พิตต์สเบิร์ก รัฐเพนซิลเวเนีย
วอชิงตัน ดี.ซี.
อเมริกาเหนือ
แคนาดา
อเมริกาใต้
บราซิล
เม็กซิโก
ออสเตรเลีย
ออสเตรเลีย
เอเชีย
จีน
อินเดีย
ฮ่องกง
ญี่ปุ่น (โตเกียว โอซะกะ)
เกาหลีใต้
สิงคโปร์
ไต้หวัน
ตุรกี
สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์
ยุโรป
เดนมาร์ก
ฟินแลนด์
ฝรั่งเศส
เยอรมนี
ไอร์แลนด์
อิตาลี
เนเธอร์แลนด์
นอร์เวย์
โปแลนด์
รัสเซีย
สเปน
สวีเดน
สวิตเซอร์แลนด์
สหราชอาณาจักร (ลอนดอน แมนเชสเตอร์)





ความขัดแย้งในกฏและสิทธิ
การเติบโตของกูเกิลในด้านการพัฒนาซอฟต์แวร์และการบริการ ก่อให้เกิดความขัดแย้งและการวิพากษ์วิจารณ์หลายครั้ง ตัวอย่างเช่นการละเมิดลิขสิทธิ์ของผู้เขียนหนังสือ จากการให้บริการค้นหาหนังสือผ่าน กูเกิล บุ๊กเสิร์ช ที่มีการนำข้อมูลจากหนังสือมาสแกนเพื่อให้ผู้ใช้งานค้นคว้าง่ายขึ้น[14] เช่นเดียวกับการค้นหาภาพผ่าน กูเกิล ค้นหารูปภาพ นอกจากนี้ยังมีการวิจารณ์ที่กูเกิลได้ทำการเซ็นเซอร์ข้อมูลในการค้นหาบางส่วน เช่นกูเกิลได้ยอมให้ในประเทศจีน ที่ทางรัฐบาลไม่ต้องการให้ผู้ใช้งานกูเกิลจีนค้นหาข้อมูลที่อาจก่อให้เกิดปัญหาความขัดแย้งทางการเมืองและสังคม กูเกิลได้ทำการเซ็นเซอร์ข้อมูลเกี่ยวกับ การชุมนุมประท้วงที่จัตุรัสเทียนอันเหมิน และเช่นเดียวกันในการเซ็นเซอร์ของเยอรมนีและฝรั่งเศสเกี่ยวกับการล้างชาติพันธุ์โดยนาซี

ในด้านการละเมิดข้อมูลส่วนตัวนั้นกูเกิลถูกวิจารณ์ว่าได้เก็บข้อมูลการใช้งานอินเทอร์เน็ตในรูปแบบของคุกกี้ เป็นระยะเวลานานกว่าเว็บไซต์อื่น โดยทางกูเกิลเก็บข้อมูลไว้เป็นเวลา 18 เดือน ขณะที่ทางยาฮู!และเอโอแอลเก็บข้อมูลเป็นเวลา 13 เดือน ทางด้านข้อมูลภาพถ่ายทางอากาศและภาพถ่ายผ่านดาวเทียม ที่แสดงผลผ่าน กูเกิล เอิร์ธ และกูเกิล แมปส์ ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากหน่วยความมั่นคงของหลายประเทศ ในด้านความเป็นส่วนตัว และการล้วงความลับทางการเมือง รวมถึงเปิดโอกาสให้ประชาชนทั่วไปสามารถดูสถานที่สำคัญโดยไม่มีการเซ็นเซอร์ เช่น พระราชวัง ซึ่งอาจก่อให้เกิดอันตรายในด้านการจารกรรมและปัญหาการก่อการร้ายได้โดยง่าย ถึงแม้ว่าข้อมูลเหล่านั้นจะเปิดให้ดูได้มานานก่อนหน้าที่กูเกิลจะออกซอฟต์แวร์ก็ตาม

ในด้านการโฆษณาผ่านกูเกิล ได้มีการวิจารณ์ในระบบการโฆษณาที่ไม่มีประสิทธิภาพเต็มความสามารถ ซึ่งทางเจ้าของเว็บไซต์ที่ติดตั้งโฆษณาพยายามโกงโดยการกดโฆษณาเองเพื่อเพิ่มรายได้ให้ตนเอง ทำให้ผู้ลงโฆษณาต้องเสียค่าใช้จ่ายในส่วนนั้นซึ่งมีรายงานว่า 14-20 เปอร์เซนต์ เป็นการกดโดยตั้งใจเพื่อทำรายได้ให้กับเจ้าของเว็บ นอกจากนี้กูเกิลยังโดนกล่าวถึงในเรื่องของการกีดกันโอกาสของคนต่างเพศและคนสูงอายุจากอดีตพนักงานที่โดนเชิญให้ออก





ที่มา

จากวิกิพีเดีย
framenaldo
สต๊าฟโค้ช
สต๊าฟโค้ช
 
โพสต์: 5362
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ พ.ย. 24, 2007 16:05
ที่อยู่: :: ที่มีบอล ::
facebook: framenaldo
twitter: framenaldo

โพสต์โดย pondandpat » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 14:03

ตอนแรกก็งง google รูปใคร 5555

ขอบคุณ ๆ
facebook.com/p.coralz
pondandpat
ผู้เล่นเยาวชน
ผู้เล่นเยาวชน
 
โพสต์: 239
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ ส.ค. 23, 2009 09:58
ที่อยู่: Old Trafford

โพสต์โดย gantam » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 17:42

แน่นมากครับ ความรู้นะ
ถ้า...จะให้เขียนอะไร...ถึงคนที่เรารัก...ให้เขียนตลอดชีวิตก็คงไม่จบ
gantam
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 5463
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 15, 2007 15:14
ที่อยู่: บ้านเลขที่ 93/15 ถนน ท่าเรือ-ท่าลาน ตำบล ท่าเรือ อำเภอ ท่าเรือ จังหวัด พระนครศรีอยุธยา 13130

โพสต์โดย mike_tyson » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 17:54

ผมชอบ google ตรงนี้เเหละ เคยเซฟเก็บไว้เพียบเลย

หายไปไหนหมดไม่รู้
รูปภาพ
Alex is God
ภาพประจำตัวสมาชิก
mike_tyson
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 1435
ลงทะเบียนเมื่อ: พุธ ธ.ค. 14, 2005 19:54
ที่อยู่: มหาชัย

โพสต์โดย PUNOTF » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 19:30

saveเก็บไว้บางครั้ง

แต่ก็เพิ่งรู้ความหมายวันนี้แหละ ^ ^
ภาพประจำตัวสมาชิก
PUNOTF
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 8165
ลงทะเบียนเมื่อ: เสาร์ มี.ค. 10, 2007 16:14
ที่อยู่: O T F

โพสต์โดย pakinaim » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 19:47

ได้ความรู้ดี คับบบบ สุดยอดดดด แรกๆ พอเริ่มรู้ล่ะ แต่ ตอนนี้รู้ชัดแล้วว่ากูลเกิลเปลี่ยนๆ หน้าตาบ่อยๆ เพราะ อะไร คิคิคิคคคิคิ

ชนะเลิสสสส
รูปภาพ
pakinaim
ทดสอบฝีเท้า
ทดสอบฝีเท้า
 
โพสต์: 66
ลงทะเบียนเมื่อ: พฤหัสฯ. ก.พ. 09, 2006 11:17
ที่อยู่: Prince of Songkla University

โพสต์โดย Little_Devil_15 » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 19:50

ขอบคุณครับสำหรับความรู้ดีๆ
ภาพประจำตัวสมาชิก
Little_Devil_15
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม
ผู้ช่วยผู้จัดการทีม
 
โพสต์: 4886
ลงทะเบียนเมื่อ: อาทิตย์ พ.ค. 18, 2008 10:29
ที่อยู่: หมู่บ้าน "โคโนฮะ"

โพสต์โดย faiikung » ศุกร์ ต.ค. 02, 2009 21:16

ข้อมูลเยอะมาก ตาลายค่ะ อ่านไม่ไหว

*แต่ก็ขอบคุณนะคะ
<center>รูปภาพ

รูปภาพ
</center>
ภาพประจำตัวสมาชิก
faiikung
สุดยอดระดับโลก
สุดยอดระดับโลก
 
โพสต์: 7235
ลงทะเบียนเมื่อ: จันทร์ มี.ค. 10, 2008 15:10
ที่อยู่: Old Trafford,Manchester

โพสต์โดย k_ball_manu » เสาร์ ต.ค. 03, 2009 11:30

ความ รุ้ มาก มาย
รูปภาพ
k_ball_manu
ผู้เล่นชุดใหญ่
ผู้เล่นชุดใหญ่
 
โพสต์: 1533
ลงทะเบียนเมื่อ: ศุกร์ มิ.ย. 19, 2009 01:13


ย้อนกลับไปยัง สัพเพเหระ

ผู้ใช้งานขณะนี้

กำลังดูบอร์ดนี้: AhrefsBot และ บุคคลทั่วไป 3 ท่าน



f168   Lương Sơn TV   King88   bong88   Kèo nhà cái   MB66   bk8   789club   sunwin   F168   NEW88   ku bet   sunwin   w88   https://mb66.racing/   https://shbet.rentals/   hi88   https://f168.studio/   78win   78win   UFABET168   phim sex viet   F168   Jun88   Jun88   king88   Trực Tiếp Bóng Đá   23win   789bet   hi88   789win   kèo nhà cái   78WIN   https://keonhacai.deals/   MB66   Hi88   https://789bethv.com/   f8bet   Sunwin   kèo nhà cái   ww88   luongsontv   https://77wina1.com/   789p.monster   cakhia   xoilac   xoilac   xoilac   xoilac   xoilac   https://f8betlv.com/   https://f8bet80.one/   PG88   B52club   HB88   HB88   kubet   78win   ดูบอลสด   UFA365   SHBET   77WIN   https://78win1.dev/   pg88   F168   Ufabet   kèo nhà cái   NEW88   new88   Hi88   BK8   https://hi88o.com/   w88   w88   bong88   sunwin   j88   33win   sex việt   F168   HB88   bet88   F168   188bet   phimsexhd69.info   PUB88   TA88   ty le keo   truc tiep bong da   Kubet   Mb66   MB66   23win   SHBET   https://shbet.cruises/   ok9   https://mm88.de.com/   trang cá cược bóng đá   go88   bj88   f168   ok9   shbet   Jun88   https://bshbet.com/   https://hi88com.biz/   luongsontv   789WIN   789win   78win   789BET   sunwin   789club   MB66   33win   33win   33win   33win   hello88   s666   FB88   King 88   ufa365   bong 88   hello 88   bk8   ee 88   8x bet   w 88   fb88   8day   8day   bong88   fun88   https://hi88.chat/   FB88   I9BET   77BET   TYPHU88   iwin   https://hi88.biz/   789win   https://78win.productions/   ww88   789win   okvip   mmlive   vn88   xin88   đánh bài   mmlive   xin88   Fun88   789club   f168   PG88   78win   Jun88   lương sơn tv   78win  

© 2001-2025 RED ARMY FANCLUB Official Manchester United Supporters Club of Thailand. #ThaiMUSC