เท่าที่ผมดูหนังมาและประสบการณ์การเรียนการสอนและการวิเคราะห์พิจารณา แล้ว ผมคิดว่ามันไม่แน่นะครับอาจจะจริงก็ได้ อาจจะยาวไปนะครับ แต่ก็อยากจะให้ลองอ่านดู นะครับ...อิอิ เตรียมความพร้อมสู่การจินตนาการของผมได้เลยครับ....>>>>>>สู่ความจริง
จาก
1.หนัง หนังส่วนใหญ่จะสร้างมาจากเรื่องจริง หรือจะมีเรื่องจริงเป็นฐานแนวคิด หรือบางเรื่องก็อาจจะสร้างสรรขึ้นมาใหม่ก็ได้ แต่ส่วนใหญ่เขาจะเอาเรื่องจริงมาเป็นฐานแนวคิดการสร้าง เรื่องราวของหนัง เป้นต้น
2.ศาสนา ศาสนามีอยู่จริง พุทธ คริสต์ อิสลาม ลัทธิต่างๆ อันนี้ไม่ได้ลบหลู่นะครับ แต่ผมคิดว่าผมพูดไปก็ไม่ผิด เพราะยังไม่มีอะไรมายืนยันความจริงได้ คือ ผมไม่มั่นใจว่าพระพุทธเจ้า หรือพระเจ้านั่นมีจริงไหม มันอาจจะเป้นเรื่องกรุขึ้นมาทั้งหมด เพื่อให้คนมีแหล่งยึดเหนี่ยวของจิตใจ ให้คนอยู่ในกรอบในเกณฑ์ของสังคมหรือไม่ หรือว่าพระพุทธเจ้าหรือพระเจ้านั้นมีอยู่จริงแน่แท้แน่นอน ถ้าหากมีอยู่จริง วิชาอาคม เวทย์ คำทำนายและคำสอนต่างๆนั้นมันต้องเป้นจริงแน่นอน
3.ความเพ้อเจ้าของผม ผมเลยเอาแนวคิดการสร้างหนังของหนังที่มันเกี่ยวข้องกับศาสนามีผูกและต่อเข้าหากันมันเลยออกมาแบบนี้
**มีหนังเรื่องนึงที่ทำให้ผมเสียความรู้สึกกับบทสรุปตอนจบของหนังที่ทำให้ผมแทบอยากจะบ้าตาย คือเรื่อง Knowing มันเป้นบทสรุปหนังที่แทงใจผมมากๆ ผมเลยลองมาคิดเล่นๆๆว่า ที่มนุษย์ต่างดาวเขาเอาเด็กไปเป็นคู่ๆ จากแต่ละทวีปนั้น มันน่าจะอิงมาจาก "หลักคำสอนของคริสต์ที่ว่า "
- โลกจะแตก แล้วเราจำเป้นต้องสร้างเรือโนอาร์เพื่อหนีไปโลกอีกที่ๆมนุย์ต่างดาวเตรียมไว้ให้อยู่ (เรือโนอาร์คือยาวอวกาศที่มนุษย์ต่างดาวนำมารับ 2เด็กชาย-หญิงเพื่อไปอยู่โลกอีกใบ)
- มนุษย์เกิดมาจากเด็กผู้ชายและผู้หญิง 2 คน ชื่อ อารี กับอารัย อะไรนี่แหละครับผมจำไม่ได้ ซึ่งพระเจ้าเป็นผู้มอบให้แก่โลก จนมีมนุษย์มาจนทุกวันนี้ (2เด็กชาย-หญิงในหนัง เปรียบเสมือน เด็กที่พระเจ้าประทานให้แกโลกจากหลักคำสอน และมนุษย์ต่างดาวที่พาเด็กไปนั่นก็คือพระเจ้านั่นเอง)
จาก2ประเด็นหลักข้างบน เป้นส่วนของพระคริสต์ที่ได้สอนแก่เหล่าสาวกของพระเยชูคริสต์ ผมเลยคิดว่าถ้าเราหยุดตรงความเชื่อที่ว่า พระเจ้าคือคนเหมือนเรา... แต่แท้จริงนั้นคนผู้นั้นคือสิ่งมีชีวิตนอกโลก ที่เขาเก่งกว่าในเรื่องของเทคโนโลยี+ความสามารถทางร่ายกายที่บินได้ เหาะได้ มีลำแสนจากร่างกาย เพียงแต่เขาแฝงอยู่ในร่างมนุษย์เพียงเท่านั้นหละ...ท่านผู้อ่านจะคิดเห็นว่าไง สมมติว่าเมื่อ 2000 ปีที่แล้ว
- กรณีการแฝงตัวของมนูษย์ต่างดาวแบบที่ 1 มีมนุษย์ต่างดาวมาปลูกไข่ด้วยเทคโนโลยีขั้นสูงในหญิงสาวพรมจารีย์จนตั้งท้อง(อย่างเช่นหนังเรื่อง กาเหว่าที่บางเพลง) แล้วพอคลอดออกมาเป็นร่างคนแต่ที่จริงแล้วเขาคือมนุษย์ต่างดาว
- กรณีการแฝงตัวของมนูษย์ต่างดาวแบบที่ 2 มีมนุษย์ต่างดาวมาจากนอกโลกโดยแฝงตัวเป้นมนุษย์ เช่น THE DAY THE EARTH STOOD STILL หรือจะเรื่อง knowing
ถ้าหากสมัย เมื่อ 2000 ปีที่แล้วมีกรณีที่ผมกล่าวมาโดยเกิดขึ้นกับแบบไดแบบหนึ่งหละ แล้วมนุษย์ต่างดาวเขาแฝงมาอยู่บนโลกทำไม......มาคิดกันครับ
อันดับแรก แน่แท้หละครับ มนุษย์ต่างดาวมาบนโลก หลังจากที่มนุษย์มีจำนวนมากแล้ว ซึ่งเกิดจาก 2เด็กชายหญิงที่มากับเรือโนอาร์ที่มนุษย์ต่างดาวเคยนำพามาอยู่ เราเมื่อดูผู้นำพาซึ่งพันธุกรรมที่เป้นเด็กนั้น คงยังไม่รู้ปะสีปะสาอะไรมากนั้นนั้น พวกเขาคงไม่มีวัฒนธรรม ความรู้ และอื่นๆสอนแก่ รุ่นลูก รุ่นหลานของเขา ก่อนที่จะมีศาสนาผมคิดว่า คนต้องกินกันเอง ฆ่ากันบ้าง ดังนั้นมนุษย์ต่างดาวจึงจำเป็นต้องลงมาแฝงตัวเองบนโลก เพื่อมาสอนการใช้ชีวิตให้แก่มนุษย์โดยใช้นามแทนตัวว่าพระเจ้า การแต่งกายก็เป็นไปตามยุคสมัยคือชุดคลุมและถือไม้เท้า ถ้ามาแฝงในยุคนี้อาจจะใส่สูท+แว่นดำ+ถือร่มแดงก็เป็นได้ ที่แน่นอนหละมนุษย์ต่างดาวเขาต้องมีพลังความสามารถที่เหนือมนุษย์ อาจจะรักษาโรคให่แก่คน ได้โดยฉับพลัน จนเป็นที่ยอมรับของมนุษย์ แล้วเกิดศาสนาขึ้น เราจะเห็นบทสวดบางลัทธิที่ไม่ใช่ภาษาคน เวทมนต์ที่พุดไม่ใช่ภาษาคน ที่สามารถมีอำนาจได้นั่นอาจจะเป้นภาษามนุษย์ต่างดาวก็ได้ และเมื่อการมาซึ่งของมนุษย์ต่างดาว ทำให้เกิดศาสนาและ บอกที่มาของโลกที่ว่า"โลกเกิดจากพระเจ้าเป้นผู้สร้าง มนุษย์เกิดจากเด็กชาย-หญิงที่พระเจ้าประทานให้" จากคำพูดนี้เมื่อถกคิดดูแล้วมันน่าจะเป้นจริงๆมากเลยใช่ไหมครับ. โดยเอาหนังเรื่อง knowing เป็นตัวอ้างอิงที่ว่า มนุษย์ต่างดาวพาเด็ก 2 คนไปอยู่โลกใหม่ ซึ่งโลกใหม่นั้นมนุษย์ต่างดาวได้สร้างเตรียมไว้ให้แล้ว...
** จากการกล่าวมาจากข้างต้นนั้นผมได้พูดถึงหลักคำสอนของพระคริสต์ล้วนๆโดยไม่ได้พูดถึงพระพุทธศาสนาเลย โดยที่จริงแล้วหลักกการการเกิดโลกและมนุษย์ของ2ศาสนานี้จะสวนทางกันเลยคือ
1.พระคริสต์กว่าวว่าโลกและมนุษย์เกิดจากพระเจ้าเป็นผู้สร้าง
2.พระพทธุกล่าวว่าโลกและมนุษย์เกิดจากขบวนการและการพัฒนาของสสารต่างๆ
**ถ้าเราเขยิบออกจากความคิดที่ผมกล่าวมาโดยคิดแบบ ธรรมด๊าๆ ธรรมดานะครับ คือว่า พระเจ้าสร้างโลกและมนุย์หรอ งมงายทั้งเพ แล้วโลกและมนุษย์เกิดจากสสารแบบที่พระพุทธกล่าวหรอ เออ...หวะ มันน่าจะเป้นไปได้มากกว่านะ...ใช่ไหมครับ
ผมเลยจะพาท่านผู้อ่านบินลัดฟ้าจากโซนตะวันตกมาจอดลงที่โซนแถบตะวันออก ซึ่งเป็นโซนของศาสนาพุทธนั่นเอง
- พระพุทธเจ้ากล่าวว่า(เท่าที่ผมจำได้)โลกเกิดจากขบวนการของสสารชนิดต่างๆมารวมตัวกันโดยถูกห่อล้อมด้วยลมจนเกิดเป็นกลุ่มก้อนขนาดใหญ่ขึ้นๆๆๆ จนเท่าโลก ณ ปัจจุบัน และการเกิดของมนุษย์นั้นเกิดจาก เทวดาที่ตกกระป๋องมาอยู่ชั้นต่ำสุดของสวรรค์นั่นคือโลก โดยที่ร่างกายนั้นจะมีลักษณะโปร่งแสง ไม่ต้องกินไม่ต้องดื่มเพราะอิ่มทิพ แต่อยู่ไปนานๆ ด้วยกิเลสและความลุ่มหลง ทำให้พวกเขาชอบการกินการเสพกาม และร่างๆกายจะหมองลงจนเกิดสีเนื้อ ยิ่งหมองมากเท่าไหร่ยิ่งบ่งบอกได้ว่าบาปมากเท่านั้น(ถ้าใครอยากทราบรายละเอียดและขั้นตอนการเกิดโลกก็ไป search หากระทู้ของผมได้นะครับเรื่องการเกิดโลก)
** จากคำสอนนี้จะเห็นได้ว่าการเกิดโลกและมนุษย์ของพุทธจะแย้งกับคริสต์มากๆ...เลยใช่ไหมครับ แต่....ผมกำลังอยากจะบอกว่ามันไม่ได้แย้งกันหรอกครับ เพียงแต่การเกิดโลกของ2ศาสนานี้บอกโลกคนละใบกันเท่านั้นเอง อะ...พอจะปิ้งไอเดียยังครับ ถ้ายังผมจะเล่าเป็น step step ไปเลยนะครับ
1.ไม่มีสิ่งไดในจักรวาล
2.จู่ๆก็เกิดโลกด้วยอิทธพลของ super nova หรือ big bang ก็ได้(ขั้นตอนการเกิดนั้นตามหลักคำสอนของพุทธ)
3.เกิดสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนษย์ต่างดาวที่เราเรียกในปัจจุบัน โดยมีร่างกายโปร่งใสสวยงามแล้วมนุษย์ต่างดาวที่สิ้นฤทธิทางเวชมนต์ ก็มากลายเป้นมุนษย์ที่ไม่มีศาสนา
**มีหลักคำสอนนึงผมได้ศึกษาว่า ขั้นตอนการเกิดโลกในช่วงนึงนั้น โลกที่ยังไม่สมบูรณ์ได้ถูกความร้อนของดวงอาทิตย์เผาจนเป็นถ่านสีแดง พอเมอื่เย็นลงก็เกิดสิ่งมีชีวิตขึ้น ด้งนั้นขั้นตอนต่อไปจึงน่าจะเป็น..
4.มนุษย์ต่างดาวที่อยู่บนฟ้า(พุทธเรียกว่าเทวดา คริสต์เรียกว่าพระเจ้า) ทราบว่าโลกจะถูกเผาด้วยดวงอาทิตย์จะทำให้สิ่งมีชีวิตทุกชนิดตายหมด พวกเขาจึงตัดสินใจช่วยโดยเอายานอวกาศ(เรือโนอาร์มารับ) แล้วนำค่อยนำกลับมาโลกอีกครั้งเมื่อโลกพร้อมเหมาะที่จะอยู่อาศัยได้..
ด้วยเหตุการ์นี้ พุทธจึงกล่าวว่า โลกและมนุษย์เกิดจากปรากฎการณ์ธรรมชาติ/ คริสต์จึงกล่าวว่าโลก+มนุษย์เกิดจากพระเจ้าสร้างๆๆ......555++ คิดไปคิดว่า ผมว่าถูกทั้งคู่นะ แต่นำหนักจะเอียงมาที่พุทธมากกว่า เพระพุทธกล่าวถึงจุดเริ่มจริงๆเลย แต่คริสต์กล่าวถึงจุดเริ่มครั้งใหม่ของโลกและมนุษย์...
ดังนั้น ศาสนาและลัทธิต่างๆนั้น พวกเขามีดีต่างกันแล้วแต่นิสัยส่วนตัวของพวกเขา เหมือนกับบริษัทงานที่มีหลายๆสาขาทั่วประเทศ โดยมีคนปกครองแต่ละสาขาคนละคนกัน ซึ่งนิสัยส่วนตัวจะต้องดุร้าย/สนุก/ปกติ ต่างกัน แต่ภารกิจก็ยังเหมือนกันเช่นเดิม ก็เหมือนศาสนามีหลายที่มีคำสอนความเชื่อต่างกันความเคร่งต่างกันนั่นเพราะมีศาสดาที่สอนไม่ใช่คนเดียวกัน แต่ก็มีภารกิจเดียวกันคือสอนให้เป็นคนดีครับ ผมเชื่อว่าศาสนาเกิดขึ้นเพราะมีจุดประสงค์ที่ดี เพียงแต่มีการนำเอามาใช้ในทางที่ผิดเท่านั้นเอง..... จบแว๊วๆๆ
ปล.ถ้าสงสัยส่วนไหน ถามได้นะครับ ยกเว้นห้ามสงสัยว่า"ผมบ้ารึปล่าว 55++"