เพชรพญานาค หรือเพชร 7 สี มณี 7 แสง เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอาถรรพ์พลังลึกลับอย่างน่าอัศจรรย์ใจ
ตำนานการก่อกำเนิดเพชรนาคา
เพชรนาคา หรือ “เพชร 7 สีมณี 7 แสง”เป็นของศักดิ์สิทธิ์มีอาถรรพ์พลังลึกลับอย่างน่าอัศจรรย์ใจเกิดขึ้นมาด้วยบุญญาธิการแห่งการบำเพ็ญเพียรพระโพธิญาณขององค์มหาพระโพธิสัตว์พระองค์หนึ่งที่ตั้งจิตอธิษฐานปรารถนาที่จะได้ลงมาตรัสรู้เป็น“องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า” นับว่าเป็นความยากลำบากมากเพราะจะต้องประกอบไปด้วยการบำเพ็ญเพียรการสร้างสมบารมีให้ครบ 30 ทัศและต้องลงมาสร้างบารมีขั้นปรมัตถ์บารมีอีก 10 ชาติถึงจะสมบูรณ์ทุกประการ
การสร้างบารมีนั้น เป็นสิ่งที่ไม่สามารถที่จะคาดคิดคะเนได้ที่องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าองค์บรมครูได้ทรงตรัสกล่าวเอาไว้มิให้ครุ่นคิดตรึกตรองคาดคะเน เพราะเป็นเรื่อง”อจินไตย” นั้นก็คือ พุทธวิสัย,การกำเนิดของโลกฌานวิสัย และกรรมวิสัย เป็นต้นเพราะเกินกำลังความรู้ความคิดคาดคะเนของมนุษย์ปุถุชนคนธรรมดาที่สามารถจะกระทำได้จะทำให้เกิดเป็นบ้าใบ้เสียสติฟุ้งซ่านเป็นความรู้ที่ไม่รู้จักจบจักสิ้น
นับย้อนหลังนานแสนนานไปในสมัยพุทธกาลแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโป พระพุทธเจ้าพระองค์ที่ 3 ซึ่งได้ลงมาตรัสรู้พระโพธิญาณเพื่อรื้อขนสัตว์ข้ามห้วงวัฏะสงสารในมหาภัทรกัปนี้ (ในภัทรกัปนี้มีพระพุทธเจ้าลงมาตรัสรู้5พระองค์ พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันเป็นองค์ที่ 4)ทำให้เกิดความสั่นสะเทือนกึกก้องไปทั่วหมื่นโลกธาตุอนันตจักรวาลด้วยพระบารมีแห่งพระโพธิญาณองค์มหาพระโพธิสัตว์เกิดเหตุการณ์อัศจรรย์บังเกิด”ฝนโบกขพรรษา”ตกลงมาใครใคร่ให้เปียกก็เปียกใครใคร่ไม่เปียกก็ไม่เปียกด้วยพระบุญญาธิการแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ากัสสโปเมื่อได้ตกลงมาสู่พื้นพสุธาบางส่วนได้ประมวลตัวรวมธาตุดึงดูดธาตุทั้งสี่คือธาตุดินธาตุน้ำ ธาตุลม ธาตุไฟจนบังเกิดก่อกำเนิดเป็น”เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” ธาตุกายสิทธิ์ขึ้นมา
”เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง” มีรัศมีสว่างไสวเปล่งประกายรัศมีถึง 7สีส่องแสงสว่างไปทั้งกลางวันและกลางคืนนับเป็นเวลา 7 วัน 7 คืนรัศมีแห่งเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนี้ส่องสว่างครอบคลุมจนไปถึงนครใต้บาดาลดลบันดาลทำให้เกิดแสงสว่างเป็นรัศมี 7 ประการกลบรัศมีแสงสว่างอัญมณีพลอยอันมีค่าต่างๆที่อยู่ในนครบาดาลทั้งหมดจนเกิดความแตกตื่นโกลาหลไปทั่วทั้งนครบาดาลจนเหล่านาคีนาคาผู้ที่มีฤทธิ์ต่างหาสาเหตุต่างๆนาๆถึงเหตุการณ์อันอัศจรรย์ใจนี้
ทำให้กษัตริย์ผู้ครองเมืองนครบาดาลทั้ง 7 เมืองนามว่า”พญานาคราชสุนันโท”กษัตริย์ผู้เป็นใหญ่ผู้ครองเมืองนครบาดาลที่มีเหล่าบริวารนาคีนาคาผู้มีฤทธิ์อำนาจกำลังแห่งตนมากมายนับไม่ถ้วนได้ใช้กำลังบุญฤทธิ์ของตนอธิษฐานขอให้รู้ถึงสาเหตุของปรากฏการณ์อัศจรรย์ใจในครั้งนี้ด้วยเหตุของกำลังบุญฤทธิ์ที่ได้สร้างสะสมมานานในสมัยอดีตที่ได้เกิดมาเป็นมนุษย์ได้พบพระพุทธศาสนาและได้บวชเรียนเป็นพระภิกษุสาวกแห่งองค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้าในอดีตกาลซึ่งได้ตั้งจิตอธิษฐาน”จะขอทะนุบำรุงรักษาพระพุทธศาสนา”ก่อนที่จะละสังขารตายลง(ขอเว้นในเหตุของกฏแห่งกรรมที่ทำให้กำเนิดเป็นพญานาคผู้มีฤทธิ์)
ด้วยเหตุนี้เองทำให้ล่วงรู้ถึงการก่อกำเนิดแห่ง”เพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสง”ด้วยอำนาจผลบุญบารมีแห่ง”พระโพธิญาณขององค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้า”และรู้ถึงหน้าที่ของตนเองที่ได้อธิษฐานเอาไว้พญานาคราชสุนันนทโทผู้เป็นใหญ่ได้แสดงฤทธิ์อำนาจแทรกแผ่นดินขึ้นมาพร้อมกับเหล่าบริวารทั้งหลายขึ้นมาสู่พื้นปฐพีมาดูต้นเหตุอัศจรรย์อันที่ทำให้เกิดความอัศจรรย์ไปทั่วพื้นพิภพใต้บาดาลท่านพญานาคราชสุนันโทได้มีคำสั่งให้เหล่าบริวารทั้งหลายต่างแสดงฤทธิ์อานุภาพอัญเชิญไปเก็บรักษาเพื่อประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
เหล่านาคีนาคาบริวารทั้งหลายต่างก็อัญเชิญไปเก็บตามถ้ำตามภูเขาหมวดหมู่ที่พวกตนได้สิ่งสถิตย์พักอาศัยอยู่ส่วนหนึ่งก็ได้นำดินสีต่างๆมาพอกหุ้มเพชรนาคาหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงเอาไว้เพื่อให้รอดพ้นจากสายตาหรือน้ำมือจากพวกมนุษย์ใจคิดคดไม่อยู่ในศีลในธรรมหรือจากเหล่าเทพพรหมที่เป็นมิจฉาทิฐิให้เห็นเป็นเพียงก้อนดินก้อนหินธรรมดาอีกกลุ่มหนึ่งได้นำไปไว้ในถ้ำที่ลึกลับที่ยากจะเข้าไปได้นำไปประดิษฐานเอาไปไว้ในแอ่งน้ำต่างๆภายในแต่ละถ้ำที่เห็นสมควรพร้อมกับทั้งอธิษฐานบดบังรัศมีแห่งแก้วนี้เสียจนรอเมื่อถึงเวลาที่จะต้องทำประโยชน์ต่อพระพุทธศาสนาสืบต่อไป
สัณฐานและวรรณะ(สี)ของเพชรพญานาค
“เพชรพญานาค” นั้นสามารถบ่งบอกลักษณะนิสัยหรือข้อติดขัด (ตามวาระกรรม)ของผู้ที่ดูแลเป็นเจ้าของเพราะธาตุกายสิทธิ์นี้เมื่อได้เลือกผู้ใดบุคคลใดจะ”เชื่อม”กำลังบารมีซึ่งกันและกันคล้ายดังเป็นดวงจิตเดียวกันมีพลังอำนาจที่จะบ่งบอกจุดบกพร่องจุดที่จะต้องพัฒนาเพื่อยกระดับภูมิจิตภูมิธรรม และแก้ไขสภาวะกรรมที่เป็นอกุศลที่ได้ตามติดมาจากอดีตที่จะส่งผลในชาติปัจจุบันนี้ที่ไม่เกินกฎแห่งกรรม
เพชรพญานาคหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนั้น จะมีความพิเศษต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาบารมีและการประพฤติปฏิบัติของผู้ที่ครอบครองเพชรพญานาคเพราะสามารถที่จะเปลี่ยน”สี”จากสีอ่อนเป็นสีเข้ม หรือเปลี่ยนเป็นสีต่างๆได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ และเปลี่ยนเป็นขุ่นหรือใสตามสภาวะจิตของผู้ครอบครอง
รูปร่างสัณฐานสีสันของเพชรนาคา
เพชรนาคาสามารถที่จะแบ่งออกได้เป็น 3 สัณฐานใหญ่ คือ
1. สัณฐานลูกรักบี้จะมีรูปร่างกลมยาวเรียวหัว-ท้ายเรียวมนคล้ายหัวจรวด จะมีความยาวประมาณตั้งแต่ 2-3 ซ.ม.จนถึง 9-10 ซ.ม. สามารถแบ่งเป็น 2 ประเภท -.เป็นเพชรนาคา และ.เป็นเหล็กไหลชนิดดูดติดเหมือนแม่เล็ก หรือแบบดูดไม่ติด
2. สัณฐานเหมือนพลอยหลังเบี้ย จะมีรูปร่างสัณฐานแบ่งออกได้อีก 2 แบบคือ
2.1. รูปกลม จะมีรูปลักษณะทรงกลมตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้านด้านข้างจะสามารถมองเห็นคล้ายขอบรอยเชื่อมของเพชรนาคา จะมีขนาดเส้นผ่าศูนย์ตั้งแต่ 7 มิลลิเมตรถึง 1 ซ.ม.กว่าๆ
2.2.รูปวงรีจะมีรูปทรงเป็นวงรีตรงกลางจะนูนขึ้นมาดังหลังเบี้ยทั้งสองด้าน จะมีขนาดตั้งแต่ 5 มิลลิเมตรจนกระทั่งมีความถึงยาว 1-2 นิ้ว
3. สัณฐานกลมแบบลูกแก้วจะมีลักษณะกลมเป็นลูกแก้ว แต่สังเกตุดูดีๆแล้วบางเม็ดจะมีรอยขอบ รอบๆมีตั้งแต่ขนาดเม็ดเท่าปลายนิ้วก้อย( ประมาณ 1 ซ.ม.)จนถึงขนาดเท่าไข่ไก่
4. สัณฐานพิเศษที่หายาก จะมีคือ…..
4.1.ลักษณะลูกสมอจันท์จะมีลักษณะออกจะกลมคล้ายดังลูกแก้วเหมือนกับสัณฐานกลมหลังเบี้ยแบบที่.2.1 จะมีขนาดใหญ่เส้นผ่าศูนย์กลางประมาณเกือบ 2 ซ.ม. หรือขนาดเท่านิ้วหัวแม่โป้ง
4.2.ลักษณะเป็นเขี้ยวแก้ว จะมีลักษณะรูปทรงสัณฐานเป็นเขี้ยวจะมีความยาวประมาณหนึ่งข้อนิ้วก้อยนิดๆจนกระทั่งมีความยาว 6 - 7 นิ้ว
4.3.ลักษณะรูปหยดน้ำจะมีลักษณะรูปทรงคล้ายหยดน้ำขนาดใหญ่ประมาณปลายนิ้วก้อย
4.4.ลักษณะเป็นฟันกรามจะมีลักษณะรูปทรงคล้ายฟันหน้าหรือฟันกรามของคน จะมีส่วนที่ยื่นออกมาดังรากฟันจะมีหลายขนาดทั้งฟันกรามเล็กฟันกรามใหญ่
4.5.ลักษณะรูปหัวใจ
4.6.ลักษณะรูปดอกบัว
4.7.ลักษณะรูปหงอนพญานาค
4.8.ลักษณะเป็นไข่
นอกจากนี้ยังสัณฐานหายากอื่นๆ คือ สํณฐานวัชระ(อาวุธของพระอินทร์) สัณฐานพญานาค 7 หรือ 9 เศียร สัณฐานพระปางนาคปรก ,สัณฐานพระพุทธรูป สัณฐานกริซ พระขรรค์ มีดหมอ และสัณฐานสัตว์ในป่าหิมพานต์ เช่น หงษ์ คชหงษ์ เป็นต้น
ความหมายตามสีสันของเพชรนาคา
1.สีขาว หมายถึงพลังบารมีพุทธคุณหรือบารมีขององค์มหาพระโพธิสัตว์ที่ได้ทรงบำเพ็ญเพียรถือศีลภาวนาปฏิบัติธรรมลดละกิเลสตัณหาอุปทานให้วางจิตให้อยู่ในสายกลางไม่มีบุญไม่มีบาปมีสติเป็นผู้รู้(เกิดปัญญา)เท่าทันในสภาวะปัจจุบัน เกิดความใสสะอาดบริสุทธิ์มีจิตใจเยือกเย็นหนักแน่นมั่นคงไม่หวั่นไหวง่ายๆ
2. สีแดง หมายถึงสีแห่งกำลังฤทธิ์อำนาจ กล้าหาญเด็ดเดียวความคิดฉับไหวเฉียบคมดุดันตัดสินใจรวดเร็วตรงเป้าหมายทันอกทันใจ เป็นที่เคารพน่าเกรงขามผู้ที่ได้ครอบครอบเพชรนาคาสีแดงนี้จะต้องเป็นผู้ที่ปฏิบัติธรรมฝึกฝนให้จิตมี”สติ”รู้เท่าทันอารมณ์มิเช่นนั้นจะเกิดผลกระทบที่ไม่ดีเกิดขึ้นทั้งตนเองและผู้อื่นสีแดงพิเศษ…จะมีเฉพาะเม็ดขนาดใหญ่จัมโบ้ รูปวงรีความยาวประมาณ 3 ซ.ม.ขึ้นไปจะเป็นสีที่พลังอานุภาพฤทธิ์อำนาจสูงกว่าสีปกติมากเพราะจะเป็น”เพชรนาคาสีแดงขอบดำ” ครูบาอาจารย์บอกว่า “เป็นพลังอนันตจักรวาล” ผู้ที่สามารถที่จะครอบครองได้จะต้องเป็นผู้ที่มีบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมมาจากอดีตชาติไว้มากหรือและต้องเป็นผู้ที่มี”จิต”เป็นฤทธิ์เดชตบะมหาอำนาจที่ฝึกฝนมาทางนี้มิเช่นนั้นไม่สามารถที่จะรองรับพลังอานุภาพของเพชรนาคาที่มีพลังอนันตจักรวาลได้
3.สีเขียวหมายถึง อำนาจจิตที่มีความเมตตาเย็นกายเย็นจิต มีเดชตบะบารมีของผู้ทรงธรรมที่มีจิตสัมผัสทางโลกลี้ลับเหล่าเทพพรหมเทวดามีพลังอำนาจลี้ลับไหลเวียนเป็นกระแสล้อมรอบตัวทำให้จิตมีความสงบเยือกเย็นมั่นคงแคล้วคลาดจากภัยอันตรายต่างๆยิ่งสีเข้มยิ่งมีอานุภาพของพลังที่สื่อผ่านมาจากเพชรนาคาจนเย็นยะเยือกเป็นที่เคารพนอบน้อมเป็นที่น่าเชื่อถือไม่ว่าจะทำสิ่งใดพูดจาอะไรเ ป็นเหตุที่เกิดมาจากการบำเพ็ญเพียรตบะบารมี”สัจจะอธิษฐาน”ที่ไม่พูดปดมดเท็จหลอกลวงตลบตะแลงและเป็นสีของกายทิพย์ท่ายสักกะเทวราช ผู้เป็นจอมเทพใหญ่ในสวรรค์ชั้นฟ้าทรงช้างเอราวัณ 3 เศียรที่มีอำนาจฤทธานุภาพจ้าวแห่งสรวงสวรรค์แห่งสวรรค์ชั้นดาวดึงส์
4. สีเหลือง หมายถึง ความนุ่มนวลมีสง่าราศีสีที่แสดงถึงความมั่งคั่งมีโชคมีลาภไหลมาเทมามีความเจริญสดใสรุ่งเรืองดัง”ทองคำ”ที่มีคุณค่าในตัวเองกระแสแห่งสียิ่งสีสดใสเท่าใดยิ่งมีกระแสแห่งโชคลาภทรัพย์สินเงินทองเปล่งประกายมากขึ้นเท่านั้นเป็นกระแสที่ทำให้น่าเกรงขามเคารพศรัทธาในความมีสง่าราศีดังเจ้าขุนคุณนายเจ้าพระยาผู้มีศักดิ์มีศรีจะได้รับการช่วยเหลืออนุเคราะห์สงเคราะห์ทำให้หน้าที่กิจการเจริญก้าวหน้าราบรื่น
5. สีส้มหมายถึงพลังแห่งการป้องกันภัยจากอาวุธภัยอันตรายต่างๆเป็นพลังที่มีความคิดเด็ดเดียวกล้าหาญกล้าคิดกล้าทำกล้าที่จะเผชิญและเป็นผู้ที่มีความคิดก้าวหน้ายุติธรรมไม่เอารัดเอาเปรียบผู้อื่นเป็นกระแสพลังที่ป้องกันและลดสลายอุปสรรคพลังที่ไม่ดีที่เข้ามากระทบกระทำให้บุคคลใดผู้ใดที่คิดจะมาเบียดเบียนต้องพ่ายแพ้ตนเองไปในที่สุดมีเทพที่มีคุณธรรมดูแลปกปักรักษาและเป็นสีแห่งพระบารมีขององค์พระสยามเทวาธิราช” องค์มหาเทพที่ดูแลปกปักรักษาคุ้มครองประเทศชาติ,ศาสนา,พระมหากษัตริย์จากภัยอันตรายจากศัตรูผู้ไม่เป็นมิตรที่คิดมากระทำย้ำยี
6. สีม่วง หมายถึงพลังที่มีอำนาจลึกลับยากที่จะหยั่งถึงได้เกี่ยวข้องจิตวิญญาณโอปาติกะภูติผีปีศาจทำให้เกิดความเกรงกลัวไม่กล้าที่จะคิดไม่ดีกระทำไม่ดีเหมือนมีพลังลึกลับจ้องมองอยู่ยิ่งสีที่เข้มจนเกือบดำไม่ต้องพูดถึงมีพลังลึกลับอานุภาพมากขึ้นเป็นทวีคูณป้องกันภูติผีปีศาจคุณผีคุณคนคุณไสยการกระทำย้ำยีต่างๆให้เสื่อมสลายหายไปและเป็นสีที่สามารถดูดซับพลังอำนาจลึกลับทั้งดีและไม่ดีได้ขึ้นอยู่กับผู้ที่เป็นเจ้าของ
หมายเหตุ…บุคคลที่มีวาสนาครอบครองเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเป็นคนที่มีพลังลึกลับหรือมีสัมผัสพิเศษเรื่องลึกลับควรที่จะฝึกปฏิบัติจิตให้มีความเมตตาหนักแน่นปล่อยวางจากอารมณ์ที่มากระทบให้จิตมีแต่ความโปร่งใสบริสุทธิ์จะทำให้อานุภาพของเพชรนาคาสีม่วงนี้จะเปล่งประกายออกมาครอบคลุมทั่วร่างตลอดเวลาเสมือนเกราะแก้วคุ้มครอง
7. สีฟ้าหมายถึง ถึงผู้ที่มีบุญวาสนาที่ได้สร้างสมมาในอดีต มีน้ำใจกว้างขวางใสสะอาดน่าเคารพนอบน้อมดังเพื่อนสนิทมิตรสหายสนิทชิดเชื้อกันมานานพูดจาเจรจาพาทีเข้าทีเข้าท่าติดต่อค้าขายคล่องตัวลื่นไหลสะดวกเป็นผู้ที่มีบุญฤทธิ์ที่เหล่าเทพยดาดูแลค้ำชู เดินทางไปไหนมาจะมีความสะดวกสบาย
8. สีน้ำเงิน หมายถึงผู้ที่มีอำนาจวาสนาบารมีสูงมีทั้งบุญฤทธิ์และอิทธิฤทธิ์บารมีเป็นผู้นำผู้ปกครองมีทั้งเดชตบะบารมีเป็นที่เคารพน่าเกรงขามมีขุมทรัพย์มหาศาลที่ซ้อนเร้นอยู่ดังร่มโพธิ์ร่มไทรที่แผ่กิ่งก้านร่มเย็นที่พักพิงแก่สรรพสัตว์มีพลังที่ป้องกันศัตรูภัยอันตรายต่างๆทั้งแปดทิศจะต้องมีเทพพรหมเทวดาดูแลปกปักรักษาตลอดเวลาเสริมสร้างบารมียิ่งขึ้น
9. สีชมพูหมายถึง สีแห่งพลังอานุภาพเมตตามหานิยม มหาเสน่ห์มหานิยมนิ่มนวลอ่อนโยนมีความโดดเด่นสะดุดตาดึงดูดสำหรับเพศตรงข้ามและผู้คนรอบข้างผู้ที่เกี่ยวข้องจะทำให้ผู้คนรอบข้างเกิดความเมตตาช่วยเหลืออย่างน่าอัศจรรย์ใจยิ่งสีชมพูเข้มออกสดใสยิ่งมีพลังมหาเสน่ห์ดึงดูดเป็นที่รักใคร่เป็นที่พึงปรารถนาดังนางพญาที่สูงศักดิ์สง่างดงามอย่างน่าประหลาดผู้ที่ได้ครอบครองจะต้องเป็นผู้ที่มีจิตใจที่ดีงามไม่นำพลังไปใช้ในทางไม่ดีกระทำกับเพศตรงข้ามจนกระทั่งผิดศีลในข้อที่สาม
10. สีชา(สีพิเศษ) หมายถึงสีที่มีพลังอานุภาพสามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ความคิดที่ใช้แต่อารมณ์ทำให้สติปัญญาความรู้สึกผิดชอบชั่วดีที่ถูกที่ควรที่ตามไม่ทันจนกระทำพลาดพลั้งผิดพลาดไปจนเกิดความเสียหายเหมาะกับผู้ที่ขาดแหล่งพึงพิงทางจิตใจหรือผู้ที่มีจิตใจเลื่อนลอยเสร้าเสียใจผิดหวังท้อแท้และมีความพิเศษก็คือจะมีอานุภาพทางมีโชคมีลาภอย่างที่คาดไม่ถึง (เป็นสีที่หาพบได้ยาก )
การอธิษฐานจิตบูชาเพชรพญานาค
การบูชาเพชรพญานาคหรือเพชรเจ็ดสีมณีเจ็ดแสงนั้น มิใช่บูชาตามความหมายของสีว่าสีนี้ดีอย่างนี้แบบนั้นหรือสีที่เหมาะกับวันเกิดเดือนเกิดแล้วจะได้ตามนั้น จะต้องขึ้นอยู่กับบุญวาสนาบารมีที่ได้สร้างสมกันตั้งแต่ในอดีตชาติและเคยได้เป็นเจ้าของกันมาก่อน ผู้ดูแลจะต้องอยู่ในศีลในธรรมเป็นที่ตั้ง จึงจะต้องมีการอธิษฐานจิต”เสี่ยงบารมี”ตามกำลังบุญวาสนาบารมีของตนเองว่า”สีใดแบบใด”จะคู่ควรกับบุญวาสนาบารมีของตัวเรา หรือได้คำแนะนำจากครูบาอาจารย์ผู้รู้เท่านั้น
สำหรับผู้ได้เพชรพญานาคมาครั้งแรก คือเมื่อได้หินมาก่อนผ่าให้อธิษฐานก่อนว่าอยากได้สีอะไร ส่วนมากก็จะได้สีตามจิตที่อธิษฐาน
การอธิษฐานจิตบูชา ”เพชรพญานาค” มีเครื่องสักการบูชา
1. ธูป 9 ดอก
2. เทียนสีชมพูหรือสีขาว 5 เล่ม
3. ผลไม้ 9 อย่าง มีมะพร้าวอ่อน กล้วยน้ำว้า(ควรมี) เป็นต้น
4. ทำพวงมะลิหรือพวงมาลัยอื่นๆ
5. จุดธูปเทียนตั้งนะโม 3 จบ ,ท่องไตรสรณะคม , อาราธนาศีล 5 , บทพุทธคุณ , ธรรมคุณ , สังฆคุณ
6. สวดคาถาบูชา “โอม อุ อะ มะ นะ โม พุท ธา ยะ ยะ สะ สุ มัง ” หรืออีกตำราบูชาด้วยคาถา
“นโม พุทธายะ .... นะมะ อะอุ”
“สาธุ.... ข้าพเจ้า....... ขอบูชาท่านปู่สุนันโทนาคราช พร้อมทั้งบริวารแห่งเมืองบาดาลทั้งหลาย…
ด้วยดอกมะลิ ผลไม้นานา และน้ำบริสุทธิ์ เย็น ใสสะอาด
ขอให้ข้าพเจ้าและครอบครัว... มีอายุ วรรณะ สุขะ พละ แข็งแรงสมบูรณ์ และมีความสุข สมหวังในสิ่งที่
ปรารถนาทุกประการเทอญ”
7. ตั้งจิตอธิษฐานตามที่ต้องการ (ไม่เกินกำลังของกฎแห่งกรรม)
ตั้งจิตอธิษฐานด้วยความแน่วแน่ตั้งมั่นจบด้วยบทแผ่เมตตา เมื่อสำเร็จสมหวังดังที่ได้อธิษฐานทุกครั้ง จะต้องทำบุญใส่บาตร,ถวายสังฆทาน,ถวายพระพุทธรูป เป็นต้น อุทิศถวายให้ “ท่านปู่พญาสุนันโทนาคราช พร้อมทั้งบริวารทั้งหลาย ตลอดจนเจ้ากรรมนายเวรเป็นที่ตั้ง” ซึ่งจะเป็นการสร้างกุศลผลบุญบารมีไปในตัว
การอธิษฐานเพชรนาคา 9 สี
ให้นำเพชรพญานาคมาบรรจุรวมกันในภาชนะเดียวกัน แล้วอธิษฐานให้หมุนตามเข็มนาฬิกา ผลออกมาดังนี้...
1. หมุน1 ครั้งป้องกันภัย ,
2. หมุน 2 ครั้ง ป้องกันภูติผีปีศาจ
3. หมุน 3ครั้ง ขอโชคลาภ
4. หมุน 4 ครั้งสะท้อนป้องกันสิ่งไม่ดี( ป้องกันการทำร้ายจากศัตรู )
5. หมุน 5 ครั้งป้องกันสัตว์เลื้อยคลาน
6. หมุน 6 ครั้งรักษาโรค
7. หมุน 7 ครั้ง ครอบครัวอยู่เย็นเป็นสุข (สามี,ภรรยารัก )
8. หมุน 8 ครั้งถ้าไม่สบายรักษาตนเอง
9. หมุน 9 ครั้งชนะศัตรูหมู่มาร
การที่นำเพชรพญานาคติดตามตัวเช่นเป็นเครื่องประดับเป็นหัวแหวน,เป็นจี้ห้อยคอ,เป็นสร้อยข้อมือก็ตามหรือนำมาบูชาเอาไว้ที่บ้านควรที่จะจัดหาพานรองรับตามความเหมาะสมวางผ้าแดงผ้าขาวรองพื้นก่อนที่นำเพชรพญานาคหรือเครื่องประดับที่มีเพชรนาคาวางลงบนพานและจัดหาขันหรือถ้วยใส่น้ำสะอาดโรยมะลิร่วงวางบูชาไว้ตรงด้านหน้าพานที่วางบรรจุเพชรพญานาคอยู่
ควรจะเปลี่ยนน้ำสะอาดทุกวันหรือวันเว้นวันตามความเหมาะสมน้ำที่วางบูชาเพชรนาคานี้เป็นน้ำมนต์ที่มีพลังอานุภาพใช้ดื่มกินอาบราดทั่วตัวไล่สิ่งไม่ดีสิ่งไม่ดีเสนียดจัญไรที่มาเกาะติดตามตัวเราเพื่อเป็นสิริมงคลเป็นเกราะคุ้มกันปกป้อง พร้อมระลึกขอบารมีท่านปู่พญาสุนันโทนาคราชกำหนดเห็นเป็นรูปองค์พญานาคมาขดล้อมรอบตัวของเราส่องแสงสว่างเป็นรัศมีกระจายรอบตัวประมาณ 1 วาหรืออาจจะหาขันหรือภาชนะที่ใส่น้ำสะอาดพร้อมขันหรือภาชนะเล็กที่ลอยน้ำได้เพื่อนำเพชรพญานาคหรือเครื่องประดับมีเพชรพญานาควางอยู่ในขันหรือภาชนะที่ลอยน้ำได้อีกทีหนึ่ง
ถ้าต้องการทำนำมนต์ โดยการหาขันใส่น้ำสะอาดอัญเชิญ”เพชรพญานาค ”ลงแช่ในน้ำ พร้อมกับการจุดธูปเทียนบูชาท่องคาถาพร้อมกับสำรวมกายวาจาใจให้สงบนิ่งสักอึดใจหนึ่งแล้วอธิษฐานขอนำน้ำนั้นมาดื่มหรืออาบเป็นอันเสร็จพิธี
เครดิต :: กฤษณะ ไตรลักษณ์ และ วิฑัญดา