ประวัติ / ความเป็นมา
คำว่าเสี่ยว ตามพจนานุกรมแปลว่า "เพื่อนหรือเกลอ" คำว่า ผูกเสี่ยว มีความหมายว่า การผูกมิตรหรือการเป็นเพื่อนกัน ประเพณีผูกเสี่ยวนี้ เป็นความเชื่อที่มีอยู่ทุกภูมิภาคของประเทศไทย เช่น
ทางภาคเหนือ รวมถึงบางท้องที่ในภาคกลางตอนบน มีประเพณีที่เกี่ยวกับความสัมพันธ์หรือผูกพันกันระหว่างบุคคลทางชีวิตจิตใจ โดยเรียกว่า "เสี่ยว" ภาษาหนังสือทางล้านนามักใช้คำว่า "มิตรแก้ว สหายคำ" ชาวบ้านธรรมดาเรียกว่า "เสี่ยวคัน เสี่ยวฮัก เสี่ยวแพง" หากสนิทสนมกันมากมักจะทักกันว่าไอ่เสี่ยว (ชาย) อี่เสี่ยว (หญิง) สำหรับชาวเขาโดยเฉพาะเผ่ายางหรือกะเหรี่ยง ก็ใช้คำว่าเสี่ยวเหมือนกัน ซึ่งอาจจะใช้คำนี้ไปจากคนเมืองเมื่อตอนมาติดต่อค้าขายกัน การผูกมิตรทางภาคเหนือนั้นมักจะนับเอาคนที่มีอายุรุ่นราวคราวเดียวกัน โดยเกิดปีเดียวกันเท่านั้น ถ้ายิ่งเกิดวัน และเวลาเดียวกัน ก็จะเป็นการดี แก่กว่าหรืออ่อนกว่าจะไม่นิยมใช้คำนี้
สำหรับพิธีกรรมในการปฏิญาณเป็นเสี่ยวสำหรับชาวบ้านทั่วไป ในภาคเหนือปัจจุบันนี้ไม่ค่อยปรากฏ เมื่อเป็นสหชาติ (เกิดร่วมปีเดียวกัน) ได้มีโอกาสคบหาสมาคมโดยอยู่ใกล้ชิดสนิทสนม ทำงานร่วมกันหรือเดินทางไปประกอบอาชีพด้วยกัน มีความรักใคร่ชอบพอกันเป็นพิเศษถึงขั้นไว้เนื้อเชื่อใจกันแล้วก็อาจพูดตกลงกันโดยปากเกล่า ไม่มีพิธีกรรมใดๆ ประกอบก็ได้
เสี่ยวทางภาคเหนืออาจจะเป็นบุคคลต่างเพศกันก็ได้ ถ้าหากเกิดปีเดียวกันและมีความประสงค์จะเป็นเสี่ยวกัน แต่ในณะที่ทั้งสองฝ่ายยังไม่มีครอบครัวก็จะยิ่งไม่ประกาศเป็นเสี่ยวกัน จนกว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือ ทั้งสองฝ่ายมีลูกจึงจะประกาศให้ลูกรู้จัก "พ่อเสี่ยว" หรือ "แม่เสี่ยว" รวมทั้งสามีหรือภรรยา ของพ่อเสี่ยวแม่เสี่ยวก็ต้องเรียกว่า พ่อเสี่ยวหรือแม่เสี่ยวด้วย
เหตุที่ต้องประกาศให้ลูกรู้จัก "เสี่ยว" ต่างเพศหลังการแต่งงานก็เพราะว่า บุคคลทั้งสองอาจเกิดความรักฉันท์ชู้สาวขึ้นได้ ซึ่งถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่า การเป็นเสี่ยวนั้นเลิกไปโดยปริยาย หลังจากต่างฝ่ายได้แต่งงานมีลูก มีฐานะเป็นพ่อเสี่ยว แม่เสี่ยว และยังคงรักใคร่นับถือกันอยู่ ลูกหลานของอีกฝ่ายหนึ่ง ก็ต้องให้ความเคารพนับถือเหมือนกับพ่อแม่บังเกิดเกล้าจริงๆ
หลังจากที่ตกลงปลงใจมีฐานะเป็นเสี่ยวกันแล้ว เมื่อฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับความเดือดร้อนทุกข์ยาก จะต้องช่วยเหลือกันดุจญาติสนิทมักจะวางใจเสียสละให้แก่กันมากกว่าบุคคลที่รู้จักชอบพอกันตามธรรมดา หากฝ่ายใดจัดงานมงคล เช่น การอุปสมบท หรือ แต่งงาน พ่อแม่อีกฝ่ายหนึ่งมักจะให้เงินทองขวัญเหมือนเป็นงานของลูกหลานในไส้ ทั้งสองฝ่ายสามารถถือวิสาสะใช้เครื่องใช้ เครื่องนุ่งห่มของกันและกัน โดยไม่ถือว่าเป็นการละลาบละล้วง ถ้ามีลูกสาว ลูกชาย ก็มักจะให้แต่งงานกัน เพราะพ่อแม่ทั้งสองฝ่ายนั้นผูกพันกันอย่างใกล้ชิดการเอาลูกผู้อื่นมาเลี้ยงดู มีฐานะเป็นแม่เลี้ยง - แม่ฮัก ถ้าเป็นพระสงฆ์ ก็จะเรียกว่า แม่ออก พ่อออก หรือ ลูกเลี้ยง แล้วแต่กรณี
ภาคกลาง โดยทั่วไปมักจะใช้คำว่าเพื่อน แต่บางท้องที่ เช่น ทางภาคกลางตอนบน เช่น จังหวัดตาก เพชรบูรณ์ พิษณุโลก มีการใช้คำว่าเสี่ยว หรือเกลอ ปะปนอยู่บ้าง แต่ถ้าจะให้มีน้ำหนักมีความหมายเสมอกับคำว่าเสี่ยวแล้ว ก็คงใช้คำว่า เพื่อนร่วมสาบาน เพื่อนร่วมชีวิตมิตรร่วมตายเพื่อนร่วมชีวิตทางภาคกลางก็คงจะมีหลักปฏิบัติต่อกันเหมือนกัน หรือใกล้เคียงกันกับเสี่ยวทางภาคเหนือ และภาคอีสาน
ภาคใต้นั้น หากครอบครัวใดมีความสนิทสนมรักใคร่กันและภรรยากำลังตังครรภ์ เคยมีประเพณีให้ทารกในครรภ์เป็นเกลอกันตั้งแต่อยู่ในท้องแม่ ถ้าคลอดออกมามีเพศต่างกันมักจะให้แต่งงานกัน ถ้าเป็นเพศเดียวกันก็มีฐานะเป็นเกลอกัน นอกจากนั้นผู้ที่เกิดปีเดียวกัน มีจิตใจต้องกันก็มักจะทำความตกลงเป็นเกลอกันอีกด้วย
พิธีกรรมในการเป็นเกลอนั้น บางท้องถิ่นเรียกว่า "มัดเกลอ" ซึ่งอาจจะมีพิธีดื่มน้ำสาบานและบางรายอาจจะมีพิธีใช้เข็มเจาะเลือดทั้งสองฝ่ายผสมสุราดื่ม (บางท่านว่ามาจากธรรมเนียมจีน)
สำหรับทางภาคอีสาน ในแถบภาคอีสานตอนใต้ เช่น จังหวัดศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ นครราชสีมา มีประเพณีความผูกพันธ์ระหว่างบุคคลซึ่งอยู่ในวัยเดียวกัน โดยเพศชายเรียกว่า "เกลอ" ถ้าเป็นเพศหญิงเรียกว่า "มิเรียะ" (มิต) พิธีการผูกเสี่ยวทางภาคอีสานนั้นไม่มีรูปแบบที่ตายตัว อาจจะเริ่มต้นจากวิธีง่ายที่สุด คือ เมื่อมีความตั้งใจจริงต่อกัน มีความถูกอกถูกใจซึ่งกันและกัน หรือจิตใจตรงกัน ทั้งสองฝ่ายทำความตกลงลั่นวาจาหรือ แสดงออกถึงเจตนาที่จะเป็นเสี่ยวกันได้เลย พิธีกรรมในการผูกเสี่ยว จะมีคนแก่หรือผู้อาวุโสที่มีคนเคารพนับถือ ประมาณ 2-3 คน เพื่อมาเป็นสักขีพยาน
อุปกรณ์จะประกอบไปด้วย ขัน 1 ใบ พร้อมกับน้ำเต็มขัน มีดปลายแหลม พริกแห้ง เกลือ ด้าย 2 เส้น เทียน 2 เล่ม ผู้อาวุโสที่เป็นสักขีพยานจะนำขันพร้อมด้วยน้ำมา แล้วเอาพริกแห้งและเกลือใส่ในขันน้ำ เอาด้ายวางพาดที่ปากขันโดยให้มีลักษณะเป็นเครื่องหมายกากบาท แล้วเอามีดปลายแหลมตั้งลงกลางขันน้ำด้วยมือซ้าย และจุดเทียนทั้งสองเล่มถือด้วยมือขวา หยดเทียนลงในขันน้ำพร้อมกับกล่าว "สักเค" พอกล่าวจบก็เอามีดออกจากขันน้ำแล้วให้คู่ที่จองเกลอนั้นยกขันขึ้นเหนือศีรษะแล้ว กล่าวคำสาบานโดยมีความหมายว่า เราทั้งสองมาสาบานต่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ช่วงเหลือเกื้อกูลกัน ถ้าใครคิดคดทรยศต่อกันขอให้คนนั้นต้องมีกันเป็นไป หรือตายไปข้างใดข้างหนึ่ง ด้วยคมหอกคมดาบที่วางอยู่ ณ ทีนี้