ตอนนี้ผมอยากได้บทสรุปมาคิดจนปวดหัวเลยจะมาขอความห็นกะเพื่อนๆๆ เผื่อได้ไอเดียดีๆๆไว้หลอกตัวเอง555....


1.บทความแรก ตามทฤษฎีมิติที่ 4 ของไอน์สไตน์ที่ว่า มิติที่ เป็นสิ่งที่มิติที่ 3 ไม่สามารถมองเห็นได้ โดยเขาสรุปว่าเป็น "เวลา" หรือ "กาลอวกาศ" ทั้งๆ ที่เขาลืมไปเลยว่าอีกสิ่งหนึ่งที่เขาไม่สามารถมองเห็น แต่สามารถสัมผัสได้ก็คือ "แรง" ซึ่งมีอยู่ในทุกๆ สิ่งที่เป็นมิติที่ 3 แต่ไม่สามารถมองเห็นได้

สมมติตัวอย่างนะครับ

แต่ที่ๆเราทยืนมองอยู่นั้นสามารถมองเห็นความสูงของกล่องได้

แล้วเราทดลองเอาก้อนน้ำตาลไปวางที่หัวมด มดจจะเอะใจว่าจู่ๆๆก้อนน้ำตาลมาจากไหน เพราะว่ามันไม่เห็นความสูง แล้วถ้าเราหยิบก้อนน้ำตาลกลับคืนมา มดก็จะไม่เห็นคล้ายๆๆว่าจู่ๆๆก้อนน้ำตาลก็หายไป

สรุป เมื่อเรามองได้เห็น3มิติ แล้วจู่ๆๆเห็นวัตถุหรือคนที่ไหนๆหายไป นั้นคือวัถุนั้นได้หลุดไปอยู่ที่มิติที่4 กล่าวคือมิติที่4นั้นจะไม่สามารถมองเห็น เพราะมันเปนกาลเวลา ถ้าเราหลุดไปอยู่มิติที่4นั้น
ทดสอบด้วยหลักการวิทยาศาสตร์
s=vt
เอาแบบหยาบๆๆนะ ตามหลักการถ้ายานมีความเร็วมากในระดับความเร็วแสง จะทำให้เกิดการเหลื่มล้ำของเวลาเนื่องจากมวลของยานที่จะเป็นอนันต์ เมื่อโยงเข้ากับเรื่องสัมพัทธภาพ ที่ว่า ยิ่งเคลื่อนที่เร็วมาก เวลาจะช้าลงเมื่อเคลื่อนที่เร็วเท่ากับแสง ทำให้เวลาภายในยานพาหนะที่เคลื่นอที่ด้วยความเร้วแสง หยุดนิ่ง แล้วเราก็ไม่รู้สึกว่าเวลาหยุดนิ่งแต่เวลาภายนอกยังคงดำเนินตามปกติทำให้เราเวลาช้ากว่าภายนอก ทั้ง ๆ ที่เราก็รู้สึกว่า ภายในยานเวลามันปกติ เมื่อเราลงจากยาน เราจึงรู้ว่า เรา เวลาช้ากว่า นั่นคือ เราไปในอนาคต
อ่านๆดูอาจจะงนะครับ ลองไปหาชื้อหนังสือของ ไอน์สไตน์มาอ่านดู ....ถ้าอยากเข้าใจมากกว่านี้ 55.-*-