
2012 ถ้านับจากปีี้ก็จะเหลือแค่เวลาอีก 3ปีสินะ
มันก็ไม่นานนิ 3 ปี เอง
นี่คือข้อพิสูจความจริงเกี่ยวกับ ความเชื่อและวิทยาศาสตร์เอามารวมกัน
ใช่ครับก่อนที่จะมีมนุษเราเป็นสัตว์ที่ครองโลก
เมื่อก่อน นั้นมี สิ่งมีชีวิตทีเรียก ว่า ไดโนเสาร์ ที่ครองโลกมาอย่างยาวนาน 65 ล้านปี
และยังไม่มีข้อสรุปที่แน่ นอน เกี่ยวกับการตายของไดโนเสาร์ ว่าตายเพราะอะไร อะไรที่ทำให้มันสูญพันธ์ ไปจากโลกใบนี้
ในปี 2012 ก็มีคำทำนาย ต่างๆนาๆๆ ไ่ม่ว่าจะมาจากความเชื่อ และการทำนายทางวิทนยาศาสตร์ ที่ตรงกันเป๊ะ ในปี 2012 พอดี
กอดอน ผู้ที่ได้เป็นผู้หยั่งรู้อนาคต เคยทำนายเหตุการณ์ต่างๆๆไว้แม่นยำหลายอย่าง
และเค้าก็ได้ร่างแผนที่ของ โลกเราในอนาคตไว้ว่า แผ่นดินในโลกจะเหลือน้อยมาก
นอสตราดามุส เคยทำนายเอาไว้ว่าปี 2010 ซึ่งก็ไกล้เคียงกับปี2012
จะเกิดสงครามโลกครั้งที่ 3 ( พฤศจิกายน 2010 – ตุลาคม 2014 ) ตอนแรกก็ใช้อาวุธธรรมดา ต่อมาก็ตามด้วยนิวเคลียร์และอาวุธเคมี การนำอาวุธนิวเคลียร์มาใช้ ทำให้ซีกโลกเหนือ จะไม่เหลือทั้งพืชและสัตว์ จากนั้นพวกมุสลิม จะใช้อาวุธเคมีเข้าจัดการกับชาวยุโรปที่ยังหลงเหลืออยู่ ผู้คนจะป่วยเป็นฝีหนองและมะเร็งผิวหนังกันมากจากผลของอาวุธเคมี
สำหรับ อูแรนเดอร์ โอลิเวียร่า” ผู้ซึ่งอ้างว่าเคยได้ติดต่อกับมนุษย์ต่างดาวผู้โด่งดังนั้น ก็อ้างว่าเขามีโทรจิตที่เห็นภาพอนาคตจากการบอกเล่าของมนุษย์ต่างดาว ว่าในปี ค.ศ.2012 นั้น จะมีแสงสว่างมากที่สุดในกาแลกซี่และสะท้อนไปยังดาวเคราะห์ที่โคจรรอบตัว สิ่งมีชีวิตและโลกจะปั่นป่วนอย่างยิ่ง
ซึ่งสอดคล้อง กับ ดร เทพนม เมืองแมน ของไทยผู้ซึ่งศึกษาเรื่องมนุษย์ต่างดาว และ อ้างว่าก็ติดต่อกับ มนุษย์ต่างดาวได้
ก็บอกว่า ปี 2012 จะเป็นปีที่โลกแตก หรือน้ามท่วมโลก ซึ่งตรงกัน
สำหรับทางวิทยาศาสตร์นั้น นักวิทยาศาสตร์ก็ได้ศึกษาถึงเรื่องปี 2012 เหมือนกัน
มีผู้คาดการณ์วันอันน่าระทึกเอาไว้ที่วันที่ 21 เดือน ธันวาคม ค.ศ.2012 นั้นเป็นวันเริ่มต้นกระบวนการดับสูญของโลก หรือ “Doomsday -21/12/12” โดย คาดการณ์ว่าเป็นวันที่พระอาทิตย์จะเดินทางมาอยู่ยังศูนย์กลางของกาแลกซี่ ทำให้โลกดวงเล็กๆ ของเราคลอนโยกเยกและปลิวไปมา กระทั่งอาจจะต้องดับสูญลงไป
มีผู้อธิบายปรากฏการณ์นี้ในเชิงวิทยาศาสตร์ว่า เกิดจากการพลิกกลับของขั้วแม่เหล็กโลก ซึ่งนักวิทยาศาสตร์ได้ใช้คอมพิวเตอร์ Hyderabad คำนวณการแลกเปลี่ยนพลังงานที่ขั้วทิศเหนือและขั้วทิศใต้สลับตำแหน่งกัน ว่ามีคุณสมบัติแม่เหล็กพลิกกลับขั้วของดวงอาทิตย์ทุกๆ 11 ปี และจะก่อพลังงานสูงสุดได้ในปี 2012 อย่างไม่เคยมีมาก่อน เช่นเดียวกับที่เคยเกิดเมื่อหลายล้านปีก่อน
อย่างไรก็ดี มีผู้ออกความเห็นมากมายที่ยังเชื่อว่า ปี 2012 อาจ ไม่ใช่วันสิ้นโลก แต่เป็นเพียงการเริ่มต้นที่จะเห็นโฉมหน้าของโลกใหม่ เรากลับมาที่แผนที่โลกของนายกอร์ดอนอีกครั้ง ซึ่งแผนที่ฉบับนี้ (Future Map Of The World) ได้ระบุเหตุการณ์ไว้มากมาย สรุปที่สำคัญๆ ได้เป็นต้นว่า
ออสเตรเลียจะเสียแผ่นดินไป 25% จากน้ำท่วม, นิวซีแลนด์จะมีขนาดใหญ่ขึ้น เพราะแผ่นดินเก่าและใหม่จะเชื่อมต่อเป็นผืนเดียวกัน นิวซีแลนด์ห่างไกลจากทะเลมาก แอฟริกาจะถูกแบ่งเป็น 3 ส่วน แม่น้ำไนส์จะกว้างกว่าเดิมมาก ทะเลแดงจะกว้างออกทำให้ "โคโร" จมหายไปในทะเล เช่นเดียวกับเกาะมาดากัสการ์
สำหรับในบ้านเรา คุณหมอประสาน ต่างใจ เคยพูดเอาไว้ในงานเสวนา “พุทธศาสตร์กับอนาคตโลก” ถึงการละลายของน้ำแข็งบนยอดเขา จำนวน 19 ร้อยล้านตันว่าจะใช้เวลาอีกราว 5-7 ปี ซึ่งละลายหมดในปี ค.ศ.2012 เช่นเดียวกันกับปฏิทิน 22 ของชาวเผ่ามายา ได้ทำปฏิทินเอาไว้ที่ 5,000 ปี โดยแต่ละเดือนจะมี 20 วัน โดยเชื่อว่า โลกในวันสุดท้ายคือ 22 ธันวาคม ค.ศ.2012 พระเจ้าของพวกเขาจะปรากฏตัวอีกครั้งนั่นเอง
นี่คือแผนที่โลกในอนาคตที่กอดอนร่างไว้ สังเกตประเทศไทยให้ดีว่า เหลือแต่ภาคอีสาน กับภาคเหนือ นอกนั้นจมน้ำทะเลหมด..!!!!!


มันอาจจะเป็นอย่างที่คิด ที่ทำนายเอาไว้
เมื่อมนุษย์เกิดมาเป็นผู้ทำลาย
โลกและสิ่งแวดล้อม ก็พร้อมจะเป็นผู้ทำลาย มนุษย์ด้วยเช่นกัน
ปี2012 อาจจะเป็นจุดสิ้นสุดทุกอย่าง และพร้อมที่จะกำเนิดสิ่งใหม่ๆๆขึ้นมาในจักรวาลก็ได้ ไครจะรู้