ขำขำไม่ทะลึ่ง
1. แม่สวดให้ทุกวัน
ตามปรกติของชาวแคธอลิกที่ มักจะพาครอบครัวไปโบสถ์ทุกวันอาทิตย์ หลังจากเทศน์จบไปแล้วท่านสาธุคุณเห็นแม่หนูแมรี่วัยสี่ขวบ ยังคงนั่งอยู่ใยโบสถ์ตามลำพัง จึงเข้าไปถาม"หวัดดีจ๊ะ สาวน้อย ทำไมนั่งอยู่คนเดียวละจ๊ะ?""คุณแม่ไปห้องน้ำ ท่านบอกให้หนูคอยอยู่ที่นี่ค่ะ""เก่งจังเลย.. หนูเป็นเด็กดีของคุณแม่หรือเปล่าจ๊ะ?""เป็นสิคะ" หนูน้อยตอบเจื้อยแจ้ว "หนูยังเป็นแคธอลิกที่ดีด้วย""แล้วหนูสวดมนต์ก่อนนอนหรือเปล่า?""หนูไม่ต้องสวดหรอกค่ะ คุณแม่สวดให้หนูเอง""คุณแม่สวดว่าไงจ๊ะ?""ขอบคุณสวรรค์ ที่ลูกนอนลงเสียได้ค่ะ"
2. เมื่อไหร่บาร์จะเปิดซักที
บ่ายสามโมง เสมียนโรงแรมก็ได้รับโทรศัพท์จาก ชายคนหนึ่งน้ำเสียงบ่งบอกว่า ยังอยู่ในอาการเมา
"เมื่อไหร่บาร์จะเปิด" ขี้เมาถาม
"บ่ายสามโมงครับ" เสมียนตอบ ชายขี้เมาก็วางหูไป
ชั่วโมงถัดมาขี้เมาก็โทรมาถามอีก
"เราจะเปิดตอนสามโมงครับ" เสมียนตอบเหมือนเดิม
ชั่วโมงถัดมาขี้เมาก็โทรมาอีก
"เมื่อหร่ายบาร์จาเปิดเสียทีคราาบ" เสียงขี้เมาง่อนแง่นเต็มที
"สามโมงครับคุณ ถ้าคุณรอไม่ไหวเรามีรูมเซอร์วิส คุณจะรับไหมล่ะครับ" เสมียนแนะนำ
"ไม่อาว" ขี้เมาตอบ
"ผมอยากจาาาออกจากบาร์นี่เสียที เอื๊อก
"
3. รวยมากก็ลำบากใจ
สองเกลอเจอกัน คนหนึ่งท่าทางเศร้าสร้อยมาก เพื่อนจึงถาม
"เป็นอะไรหรือเพื่อน ทำไมหน้าเศร้าแบบนี้"
"เมื่อสามสัปดาห์ก่อน" เพื่อนเริ่มเล่า "ลุงเราตายไปคนหนึ่ง ทิ้งเงินไว้ให้สี่หมื่นกว่าเหรียญ"
"อืมม ก็ไม่เลวนี่"
"สัปดาห์ต่อมา มีญาติอีกคนตาย ทิ้งเงินไว้ให้อีก 8 หมื่นกว่า" เพื่อนเล่าต่อ
"ก็ดีนี่"
"ใช่ แต่อาทิตย์ก่อนนี่สิ ปู่ก็ตายไปอีกคน" เพื่อนหน้าเศร้าเล่าต่อ "ทิ้งสมบัติไว้ให้อีก 3 แสน"
"เออ ก็ได้มรดกตั้งเยอะ แล้วจะมาเศร้าอะไรอีกล่ะ"
"ก็อาทิตย์นี้ยังไม่มีใครตายอีกเลยนี่นา"
4. เหมาะสมที่ได้รับรางวัลที่สุด
ตำรวจทางหลวงโบกรถคันหนึ่งให้จอด ชายคนขับถามว่า เขามีความผิดอะไรจึงถูกเรียก
"กรมตำรวจมีรางวัลให้สำหรับ ผู้ขับขี่ที่ขับรถถูกกฎมากที่สุด ปลอดภัยมากที่สุดเป็นเงิน 5,000 เหรียญ และคุณคือผู้โชคดี ช่วยบอกหน่อยได้ไหมครับว่า ได้เงินแล้วคุณจะเอาเงินไปทำอะไร" ทางหลวงถาม
"ผมจะไปสอบเอาใบขับขี่ครับ!!" ชายคนขับบอก
"คุณตำรวจอย่าไปเชื่อเขานะคะ เวลาเขาเมาเขาพูด ไม่ค่อยรู้เรื่องแบบนี้แหละค่ะ" หญิงสาวข้างๆ รีบบอกด้วยความตกใจ
ชายนั่งเบาะหลังตะคอกคนขับด้วยความหัวเสีย
"ข้าบอกเอ็งแล้วว่าถ้าเราขโมยรถ เขามาเราจะต้อง ถูกจับได้แน่ๆ"
ทันใดนั้นก็มีเสียงลอดมาจากลังใบใหญ่
"เฮ้ยพวก! เราหนีข้ามแดนมาได้แล้วเหรอ"
5. เหมือนกันเด๊ะ
คาวบอยชราแต่งชุดคาวบอยเต็มยศ เข้าไปดวดเหล้าในบาร์ สักครู่ก็มีหญิงสาวมาคุยด้วย
"คุณเป็นคาวบอยหรือเปล่า" หญิงสาวถาม
"ใช่ครับ ผมใส่เสื้อผ้า คาดเข็มขัดหนัง และขี่ม้าแบบคาวบอย ชีวิตผมอยู่บนหลังม้า ในทุ่งหญ้า และฝูงวัว อย่างนี้เขาเรียกว่าคาวบอย" คาวบอยชราตอบ
"แล้วคุณล่ะ" คาวบอยชราถามกลับ
"ฉันเป็นเลสเบียนค่ะ เพราะวันทั้งวันฉันคิดถึงแต่พวกผู้หญิงสวยๆ ตั้งแต่ตื่นนอนมาไม่ว่าจะกินข้าว อาบน้ำ ดูทีวี หรือทำอะไร ใจก็คิดถึงแต่พวกผู้หญิง" หญิงสาวตอบ
"เอ ถ้างั้นผมคงเข้าใจผิดแล้ว" คาวบอยชราพึมพัม
"ผมคงเป็นเลสเบียนเหมือนคุณ"
6. เห็นชัด ๆ ยังจะหาว่าไม่เห็น
หญิงชราโทรมาเรียกเจ้าหน้าที่โรงแรม
"มาที่ห้องนี่เร็ว มาจัดการที ไอ้หนุ่มห้องตรงข้ามนี่มันอุบาทว์จริงๆ เดินแก้ผ้าโชว์ของมันให้ฉันดู"
เจ้าหน้าที่ขึ้นมาที่ห้อง
"ไหนครับ คนไหนครับที่มันแก้ผ้าโชว์คุณ"
"โน่นแน่ะ ห้องโน้นน่ะ" หญิงชราชี้ไปนอกหน้าต่างที่ห้องอีกซีกตึกหนึ่ง
"เอ๊ะ! หน้าต่างสูงแบบนั้นเขาโชว์ของเขาให้คุณเห็นได้ยังไงครับ"
"ทำไมจะไม่ได้ล่ะ" หญิงชราชักโมโหที่เจ้าหน้าที่โรงแรมไม่เชื่อ
"ก็มาดูนี่สิ"
ว่าแล้วเธอก็ลากเก้าอี้โต๊ะเครื่องแป้งมาตั้งริมหน้าต่าง และปีนขึ้นไปยืนบนเก้าอี้
7. ใส่มาตลอด
"เฮ้ย แกใส่ต่างหูด้วยหรือวะ"
"เออ"
"ใส่มานานหรือยัง"
"ก็ตั้งแต่เมียกลับจากพักร้อนแล้วพบต่างหู หล่นอยู่บนเตียงนอนของอั๊วนั่นแหละ"
8. ให้ผิดคนแล้วมั๊ง
บาทหลวงกับสิบล้อตาย ทั้งสองไปพบเซ้นต์ปีเตอร์ที่ประตูสวรรค์
เซ้นต์ปีเตอร์พาบาทหลวงและคนขับสิบล้อออกไปที่ประตูหลังและชี้ให้ดู
"ที่ดิน 50 เอเคอร์นี่เป็นของหลวงพ่อ รวมทั้งกระท่อมหลังเล็กๆ นั่นด้วย ตรงนั้นมีบ่อน้ำศักดิ์สิทธิ์ หลวงพ่ออยากได้อะไรก็อธิษฐานได้เลย" เซ้นต์ปีเตอร์บอก
พาเขาทั้งคู่ออกมาที่ประตูหน้า แล้วบอกคนขับรถสิบล้อ
"ที่ดิน 500 เอเคอร์นี่เป็นของคุณ รวมทั้งหุบเขาและลำธารเย็นๆ นั่นด้วย และปราสาท 200 ห้อง บนเนินเขานั่นก็เป็นของคุณ ในนั้นจะมีคนรับใช้ไว้ให้เรียกใช้ได้ตลอดเวลา"
บาทหลวงจ้องหน้าเซ้นต์ปีเตอร์
"เอ๊ะ นี่น่าจะเป็นของหลวงพ่อมากกว่านะ" บาทหลวงพูดแย้ง
เซ้นต์ปีเตอร์หัวเราะ
"ของคนขับรถสิบล้อน่ะถูกแล้ว หลวงพ่อน่ะได้แค่ทำให้คนในโบสถ์ง่วงนอน ส่วนคนขับสิบล้อสามารถทำให้คนสวด อ้อนวอนพระเจ้าได้ทุกครั้งที่ขับรถ"
9. เสียอย่างเดียว
ชายหนุ่มไปหาซื้อสัตว์เลี้ยง
"สุนัขเป็นไงครับคุณ ช่วยเฝ้าบ้านให้ได้ด้วย" คนขายแนะนำ
"ไม่เอาล่ะ มันเห่าเสียงดังน่ารำคาญ"
"ถ้างั้นก็เลี้ยงแมวสิ เอาใจเก่ง ร้องเสียงไม่ดังมาก"
"ไม่เอาล่ะ มันช่วยงานบ้านไม่ได้"
"ถ้าจะให้ช่วยงานบ้าน ต้องนี่ครับ กิ้งกือนี่ดีที่สุด" คนขายแนะนำ
ชายหนุ่มดูการสาธิตการทำงาน สุดท้ายก็ตัดสินใจซื้อกิ้งกือกลับบ้าน
เมื่อกลับถึงบ้าน ชายหนุ่มก็สั่ง
"เอาล่ะเจ้ากิ้งกือ ไปทำความสะอาดครัวเดี๋ยวนี้"
แค่ครึ่งชั่วโมงห้องครัวก็สะอาดสะอ้านเหมือนใหม่
"ต่อไปก็ทำความสะอาดห้องรับแขก"
ยี่สิบนาที ห้องที่สุดแสนสกปรกของชายหนุ่มก็เป็นระเบียบเรียบร้อย
"เอาล่ะ ไปเอาหนังสือพิมพ์ในตู้หน้าบ้านมา แล้ววันนี้ก็พักผ่อนได้" ชายหนุ่มมอบหมายงานสุดท้าย
กิ้งกือคลานหายไปที่ประตู
10 นาทีผ่านไป กิ้งกือหายเงียบไม่กลับมา
20 นาที กิ้งกือก็ยังไม่กลับ
30 นาที ก็ยังเงียบอยู่
ชายหนุ่มตะโกนลั่น
"เฮ้ย! เจ้ากิ้งกือ หนังสือพิมพ์ได้หรือยัง"
"ยังครับ ยังใส่รองเท้าไม่เสร็จเลยครับ"
10. แสดงหลักฐานก่อน
ชายคนหนึ่งเพิ่งย้ายบ้านเข้าไปอยู่ในชนบท ในวันหนึ่งเขาไปหาซื้ออาหารให้ไก่ที่เลี้ยงเอาไว้กินไข่ เขาเจอร้านขายของชำเพียงร้านเดียวที่อยู่ห่างไปประมาณ 5 กิโลเมตร
เมื่อเข้าไปในร้านขอซื้ออาหารไก่ เจ้าของร้านรีบหยิบมาให้ แต่บอกว่า
"ก่อนจ่ายเงิน คุณต้องแสดงให้เราเห็นว่าคุณเลี้ยงไก่จริงๆ เรากลัวว่าคนซื้อจะเอาไปกินเอง หรือ เอาไปใช้อย่างอื่น คนเลี้ยงไก่จริงๆ ถึงจะซื้ออาหารไก่ได้"
ชายคนนั้นคิดว่ามันเป็นเรื่องที่ไร้สาระที่สุดที่เขาเคยพบมาจึงเกิดการโต้เถียงกัน ในที่สุดเขาก็ยอมแพ้ ขับรถกลับบ้านอุ้มไก่ตัวหนึ่งไปให้เจ้าของร้านดูเขาจึงซื้ออาหารไก่ได้
สัปดาห์หนึ่งผ่านไป ชายคนนั้นไปซื้ออาหารหมาที่ร้านเดิม ด้วยความสะเพร่าเขาลืมอุ้มเจ้าหมา มาด้วย เจ้าของร้านยืนกรานที่จะต้องเห็นตัวหมาก่อนจึงจะยอมขายให้ เขาต้องเสียเวลาย้อนกลับมาอุ้มหมา กลับไปจึงสามารถซื้ออาหารหมาได้
สองสามวันต่อมา ชายคนนี้ได้ไปที่ร้านเดิมอีกครั้ง คราวนี้เขาถือกล่องรองเท้าที่ปิดฝาไว้อย่างมิดชิด แต่เจาะรูเล็กๆ ไว้รูหนึ่ง
เมื่อเดินเข้าไปในร้าน เขาวางกล่องลงบนเคาน์เตอร์
"ลองเอานิ้วแหย่ลงไปในรู แล้วจิ้มเอามาดมดูซิ" ชายคนนั้นบอกเจ้าของร้าน
หลังจากเจ้าของร้านแหย่นิ้วลงไปและควักออกมาดมดูก็ร้องลั่น
"เฮ้ย! นี่มันอึนี่..."
"เออ ขอซื้อกระดาษชำระม้วนนึงซิ"