The World's Richest Royals
อันดับ 10 - Sultan Qaboos bin said of Oman (โอมาน)

มีพระราชทรัพย์สุทธิ 1พันล้านเหรียญสหรัฐฯ สุลต่านกาบุส ทรงขึ้นครองราชเมื่อปี1970 หลังสิ้นสุดอำนาจของผู้เป็นพ่อ สุลต่านกาบุส
ได้ทรัพย์สินจากการส่งออกน้ำมัน ปัจจุบันพระองค์ได้หันมาทำธุรกิจการท่องเที่ยวของประเทศ
อันดับ 9 - Princes Albert II of Monaco (โมนาโก,ฝรั่งเศส)

เจ้าชายอัลเบิร์ตที่ 2 แห่งโมนาโก เป็นกษัตริย์พระองค์เดียวที่ยังไม่อภิเษกสมรส และถูกร่ำลือว่าทรงส่งแฟนสาวของพระองค์เข้าเรียนคอร์สติวเข้มภาษาฝรั่งเศส พระองค์มีพระราชทรัพย์ประมาณ 1.4 พันล้านเหรียญฯ ประกอบไปด้วยอสังหาริมทรัพย์ และหุ้นส่วนกิจการคาสิโนในโมนาโก พร้อมทั้งทรงวางแผนที่จะขยายพื้นที่ของประเทศ (ซึ่งมีขนาดเท่ากับ Central Park ในนิวยอร์ก) โดยการสร้างเขตปกครองใหม่ในทะเลซึ่งจะตั้งอยู่บนเสาขนาดมหึมา
โครงการดังกล่าวนี้สร้างความวิตกกังวลแก่นักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอยู่พอสมควร
อันดับ 8 - King Mohammed VI of Morocco (โมร็อคโค)

กษัตริย์ โมฮัมหมัดที่ 6 แห่งประเทศโมร็อกโก ขณะนี้มีทรัพย์สินรวม 1.5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ลดลงจากปีที่แล้วซึ่งอยู่ที่ 2 พันล้านเหรียญฯ
เนื่องจากภัยแล้งที่ รุนแรงส่งผลให้อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ชะลออยู่ที่ระดับ 2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งได้มาจากการทำเหมืองแร่ฟอสเฟต,
เกษตรกรรมและทรงร่วมหุ้นกับบริษัทMorocco's largest public company
อันดับ 7 - Sheikh Hamad bin Khalifa Al Thani of Qatar (การ์ตาร์)

ชีค ฮาหมัด บิน คาลิฟา อัล ธานี่ มีทรัพย์สินโดยประมาณรวม 3พันล้านเหรียญสหรัฐฯ
อันดับ 6 - Prince Hans-Adam II von und zu Liechtenstein of Liechtenstein (ลิกเตนสไตน์)

เจ้า ชายฮันส์ อาดัมที่ 2 แห่งลิกเตนสไตน์ มีพระราชทรัพย์ทรัพย์ประมาณการ 5 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ โดยที่ LGT Bank ซึ่งเป็นแหล่งทุนหลักของพระองค์ (บริหารโดยราชวงศ์มากว่า 70 ปี)ตกเป็นเป้าในคดีหลีกเลี่ยงภาษีอันอื้อฉาว ซึ่งบริษัทของพระองค์ถูกกล่าวหาว่าช่วยเหลือลูกค้าฐานะดีหลายรายในการซุกซ่อนทรัพย์สิน จากการสืบสวนของวุฒิสมาชิกสหรัฐฯ พบว่าพระอนุชาของพระองค์(เจ้าชายฟิลิป) มีส่วนเกี่ยวข้องในการนี้ในฐานะที่ดำรงตำแหน่งประธานของ LGT
อันดับ 5 - Sheikh Mohammed bin Rashid Al Maktoum of Dubai (ดูไบ)

ชีค โมฮัมหมัด บิน ราชิด อัล มาคทูม แห่งดูไบ ทรงมีพระราชทรัพย์สุทธิ 18 พันล้านเหรียญฯ เป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ Dubai Holding ซึ่งมีการลงทุนใหญ่ๆ ในหลายบริษัท เช่น โซนี่ และบริษัทผลิตอาวุธ EADS และเมื่อเร็วๆ นี้กองทุนรวมเพื่อการลงทุนของชีคพระองค์นี้ได้ใช้เงิน 5 พันล้านเหรียญฯ เพื่อถือหุ้นในบริษัท MGM Mirage และ 825 ล้านเหรียญฯ เพื่อซื้อกิจการค้าปลีก Barneys New York และทรงเข้ามาซื้อหุ้นใหญ่สุดของสโมสรในอังกฤษอีกด้วย
อันดับ 4 - Sultan Haji Hassanal Bolkiah of Brunei (บรูไน)

สุลต่าน แห่งบรูไน ซึ่งเป็นกษัตริย์จากเอเชียจากสองประเทศที่เข้าทำเนียบราชวงศ์ที่รำรวยของ ฟอร์บ ราชทรัพย์ของสุลต่านแห่งบรูไน(ทรัพย์สิน 20 พันล้านเหรียญฯ) ลดลงจากปีที่ผ่านมาเนื่องจากต้องลดอัตราการผลิตน้ำมันเนื่องจากปริมาณสำรอง น้ำมันในประเทศบรูไนลดลง โดยฟอร์บระว่า
กิจการน้ำมันนั้นเป็นมรดกตกทอดของราชวงศ์บรูไนซึ่งเป็นราชวงศ์มุสลิมซึ่งมีอายุกว่า 600 ปี
อันดับ 3 - King Abdullah bin Abdul Aziz of Saudi Arabia (ซาอุดิอาระเบีย)

กษัตริย์อับดุลลาห์ บิน อับดุล อาซิซ แห่งซาอุฯ ทรงมีทรัพย์สินประมาณการที่21.5 พันล้านเหรียญฯ รายได้มหาศาลของพระองค์ได้มาจากอุตสาหกรรมน้ำมัน
ที่ซาอุ ดีอาระเบีย มีสัดส่วนการผลิตถึง 25 % ของแหล่งน้ำมันทั่วโลก และธุรกิจการบินของสายการบินซาอุดีอาระเบียนส์ แอร์ไลน์ แต่อย่างไรก็ตาม
มีการคาดการณ์กันว่าแหล่งน้ำมันของซาอุดีอาระเบีย จะหมดลงในปีค.ศ.2040 หรืออีกใน 32 ปีข้างหน้านี้
อันดับ 2 - heikh Khalifa bin Zayed Al Nahyan of the United Arab Emirates (สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์)

ชีค คาลิฟา บิน ซาเยด อัล นาห์ยาน แห่งอาบูดาบี มีพระราชทรัพย์ประมาณ 23 พันล้านเหรียญสหรัฐฯ ทั้งนี้ ความมั่งคั่ง ของพระองค์เกิดจากการที่เมืองอาบูดาบีเป็นเมืองที่มีแหล่งน้ำมันสำรองคิด เป็น 95 เปอร์เซ็นต์ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ นอกจากนั้นอาบูดาบียังมีชื่อเสียงเนื่องมาจากการลงทุนระดับแนวหน้าโดยบรรษัท ที่รัฐเป็นเจ้าของนั้นคือเงินลงทุน 7.5 พันล้านเหรียญฯ ในบริษัท Citibank
อันดับ 1
" King Bhumibol Adulyadej Of Thailand " (ไทยแลนด์)

พระ บาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวภูมิพลอดุลยเดชแห่งราชอาณาจักรไทย ทรงอยู่ในลำดับสูงสุดของทำเนียบราชวงศ์ที่รวยที่สุดในโลกในปีนี้ โดยมีพระราชทรัพย์ประมาณการได้ล่าสุดกว่า 35 พันล้านเหรียญฯ (1.19 ล้านล้านบาท ตามอัตราแลกเปลี่ยน 1 บาท: 34 ดอลลาร์) โดยพระราชทรัพย์ที่เพิ่มขึ้นนี้สืบเนื่องจากความโปร่งใสที่เพิ่มขึ้นของ สำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
credit : www.forbes.com